ครอบครัวเสี่ยต้น เชื่อปมสังหารหวังฮุบเงินประกัน 16 ล้าน

3 มิ.ย.2567 - นายเดชา กิตติวิทยานันท์ ทนายคลายทุกข์ พร้อมครอบครัวเสี่ยต้น ร่วมแถลงข่าว โดยทนายเดชา กล่าวว่า พยานหลักฐานที่มีตรงกับที่พนักงานสอบสวนมี จึงนำไปสู่การจับกุมผู้ต้องหาทั้ง 3 คนได้ เนื่องจากคดีนี้ทำการเป็นบวนการการเริ่มจากภรรยา คือพบเส้นทางการเงิน มีการโอนไปยังผู้ต้องหาทั้ง 3 และการสักทอดไปยังภรรยา ซึ่งเป็นหลักฐานที่สำคัญ รวมไปถึงภาพกล้องวงจรปิด การชีเป้า และข้อมูลการใช้โทรศัพท์ที่มันสอดคล้องกับพยาน ก่อนจะไปสู่การออกหมายจับในคดีจ้างวานฆ่า และพยายามฆ่าโดยไตร่ตรองไว้ก่อน มีโทษ2ใน3 จำคุกตลอดชีวิต

ส่วนคดีที่จังหวานมหาสารคาม ตอนนี้ทีมสืบสวนของตำรวจภาค 4 มีหลักฐานที่มีความเชื่อมโยงกัน ชื่อว่า คนชี้เป้าเป็นคนเดียวกันอย่างแน่นอน แต่ยังการตรวจพิสูจน์อย่างละเอียดอีกครั้ง ส่วนผลชันสูตรยังไม่ออก ทำให้ยังไม่มีความชัดเจนว่าในร่างกายเสี่ยต้นมีสารอะไรบ้าง ตรงนี้ยังเป็นความลับอยู่ยังต้องรอผลอยู่

ทนายเดชา เผยต่อว่า ส่วนสาเหตุคิดว่า เป็นเรื่องชู้สาวและ เจ็บช้ำน้ำใจจากคำพูดของเสี่ยต้น และปากเสียงกันภายในครอบครัว อย่างไรก็ตามเรื่องเงินประกันหากตอนแรกยังไม่สามารถจับกุมผู้ต้องหาได้ เงินประกันผู้ได้รับผลประโยชน์จะต้องเป็นลูก โดยมีภรรยาเป็นผู้จัดการมรดก แต่หลังจากนี้ทางประกันจะต้องพิจารณาว่าจะยกเลิกประกันไหม เนื่องจากเป็นคดีจ้างวานฆ่า รวมไปถึงชั้นศาลตามมาตราพาณิชน์ 17 และ 13 ถอดภรรยาออกจากการเป็นผู้จัดการมรดก ซึ่งพรุ่งนี้ เวลา 10.30 น. ทางญาติจะไปยืนการคัดคาดการประกันตัวที่ สน.วังทองหลาง และ ศาลอาญา รัชดา

พระพ่อวสันต์ กลีบจินดา (พ่อเสี่ยต้น) เผยว่า เรื่องดังกล่าวที่เกิดขึ้น ขอให้กรรมเป็นผู้ตัดสิน หนีกรรมกันไม่พ้น ส่วนความรู้สึกนั้น ตอนที่รู้ว่าเสี่ยต้นเสียชีวิต รู้สึกใจหาย เพราะตนเป็นผู้ไปส่งที่สนามบิน ก็ไม่รู้จะเกิดเหตุการณ์อย่างนี้ ก่อนหน้านั้นอาตมาได้บอกว่าให้นำตำรวจไปจังหวัดมหาสารคามด้วย แต่เสี่ยต้นไม่ฟัง จนตอนเช้าอีกวันโยมแม่โทรมาบอกถึงทราบเรื่อง อาตมาได้ลูกคนนี้ดูแลมาตลอด เขาเป็นคนดี ทำไรก็ไม่เคยขัด และเป็นคนไม่อยากไปมีปัญหากับใคร ขนาดถูกฟันที่พัทยายังไม่เอาเรื่อง ทุกอย่างที่เกิดขึ้นตอนนี้ คงเป็นเวรกรรมของเขา ก็ขอให้จบลงที่ตรงนี้

ส่วนสาเหตุการก่อเหตุนั้น ตนไม่ทราบ เวลาที่ไปเยี่ยมที่บ้าน ไม่เคยเจอภรรยาของเสี่ยต้นเลย แต่ที่รู้เสี่ยต้นป็นคนรักเมีย จึงไม่เคยเล่าเรื่องอะไรที่บ้านให้ตนฟัง ตอนนี้คิดได้อย่างเดียวก็คือ คนที่เขารักเป็นคนทำ ซึ่งตนก็คิดว่า เป็นคนใกล้ชิดแน่ๆที่เป็นตัวการ เพราะไม่มีสาเหตุอื่นที่เขามาเกี่ยวพันในคดีจ้างวานฆ่า

ส่วนกรณีเรื่องการเผาร่างเสี่ยต้นนั้น ตอนไปจุดธูปไหวศพ ลูกสะใภ้ได้มานั่งพูดข้างวและได้เสนอว่า ถ้าไม่เอาศพไปผ่า ตะไม่ได้เงินค่าประกัน และถ้าได้มาจะแบ่งให้ 2 ล้าน ตนก็บอกว่าไม่เอาหรอกเพราะบวชอยู่ ไม่ได้เดือดร้อนเรื่องเงิน ยกให้แม่ไปละกัน หรือไม่ก็สร้างกุฎิ 1 หลังถวายวัด

ด้านนางสาวปภาพินท์​ กลีบจินดา​ กล่าวว่า กลังเกิดเหตุการณ์จนนำไม่สู่การจับกุมคนร้ายได้ ถ้ามีโอกาสได้เจอหน้าลูกสะใภ้อยากถามว่า​ "มาทำลูกของแม่ทำไม​ เงินทองสมบัติทั้งหมดก็ได้ไปแล้วทำไมยังต้องมาเอาชีวิตเขาไปอีก มันทำให้พ่อและแม่อยู่กันอย่างยากลำบาก" ซึ่งหลักฐานทั้งหมดที่ตำรวจมีก็ตรงกับใจ​แม่​ ที่ผ่านมาเสี่ยต้นไม่เคยเล่าปัญหาในครอบครัวให้ฟัง เพราะรู้ว่าแม่เป็นคนขี้น้อยใจ​ ส่วนเรื่องที่แยกกันอยู่กับภรรยาก็พึ่งมารู้ทีหลัง

ทั้งนี้ เชื่อว่าคดีจ้างวานฆ่าที่สน.วังทองหลางกับคดีที่จ.มหาสารคาม​ น่าจะเชื่อมโยงกัน​ เพราะจะเอาชีวิตเสี่ยต้นที่กทม.ไม่สำเร็จ จึงไปก่อเหตุอีกครั้งที่จ.มหาสารคาม​ แต่ตนไม่ทราบข้อมูลเชิงลึกว่า มีปัญหาเรื่องมือที่สามหรือเรื่องของทรัพย์สิน​หรือไม่ แต่ก่อนหน้านี้ครอบครัวของลูกสะใภ้ก็ไม่ได้มีฐานะมาตั้งแต่ต้น​ มาเริ่มมีฐานะหลังแต่งงาน​โดยพระพ่อช่วยเหลือในเรื่องเงิร ส่วนนิสัยใจคอของลูกสะใภ้ปกติจะเรียบร้อย​ เป็นคนไม่ค่อยพูด​ ไปไหนมาไหนก็ไปด้วยกันสองคนกับเสี่ยต้นตลอด​ อย่างไรก็ตามตนไม่ขอฝากถึงอะไรถึงลูกชายเพราะเชื่อว่าเสี่นต้นรับรู้ทุกอย่างอยู่แล้ว

ด้าน นางสาวณัฐปภัษร์ ธนภัคนันท์หิรัญ หรือ เจ น้องสาวผู้เสียชีวิต กล่าวว่า สิ่งที่เป็นจุดเปลี่ยนว่าการเสียชีวิตของพี่ชายผิดปกติคือ ทราบว่าพี่สะใภ้ทักและโทรมาหาพี่ชายก่อนที่จะโดนรอบยิง เพราะทั้งในตอนนั้นคู่แยกกันอยู่ จากนั้นวันที่ 15 ตนได้ไปส่งพี่ชาย และวันที่ 16 พี่ชายได้เสียชีวิต ซึ่งตนทราบข่าวจึงรู้สึกโกรธแค้นมาก

สำหรับปัญหาที่เกิดขึ้นระหว่างพี่ชายและพี่สะใภ้ตนทราบมาว่า ทั้งสองคนต่างมีกิ๊ก ซึ่งเราได้ส่งข้อมูลให้ตำรวจทั้งหมดแล้ว และตำรวจก็ได้ไปสืบต่อจนทราบว่า ข้อมูลที่ให้ไปเป็นความจริง โดยกิ๊กฝั่งพี่ชายไม่ได้อยู่กินด้วยกัน และไม่เคยพาเข้าบ้านมาเจอญาติพี่น้อง โดยทราบว่ากิ๊กของพี่ชายเป็นลักษณะเด็กคาราโอเกะ

ขณะที่กิ๊กของฝ่ายพี่สะใภ้ ตนได้รับข้อมูลมาอีกต่อหนึ่ง ซึ่งตนได้ส่งข้อมูลให้กับทางตำรวจไปแล้วไม่สามารถเปิดเผยได้ และนี่เป็นสาเหตุที่ทำให้ตนไม่สามารถไปร่วมงานศพที่จังหวัดมหาสารคามได้ เพราะต้องอยู่หาข้อมูลในโซเชียลส่งให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ

ด้าน น.ส.หมวย เพื่อนสนิทของมดและเสี่ยต้น กล่าวว่า เหตุการณ์ดังกล่าวไม่สามารถทำคนเดียวได้ คนผิดไม่ได้มีแค่นี้แน่นอน เชื่อว่ามีคู่คิดทั้งผู้หญิงและผู้ชาย แต่ตัวละครสำคัญตนขอไปให้การกับตำรวจและขอรอดูหลักฐานก่อน

น.ส หมวย เปิดเผยอีกว่า ส่วนนิสัยใจคอของมด คิดว่า ไม่กล้าทำเรื่องนี้คนเดียว เพราะจากที่รู้จักกันมาตนไม่คิดว่า เขาจะเป็นแบบนี้ จึงคิดว่าต้องมีคนยุยงและเป็นคนที่สนิทใกล้ตัวกับมดมากพอที่จะมีอิทธิพลต่อความคิด เพราะตัวของมดเป็นคนไม่ได้รู้จักใครมากมาย เป็นผู้หญิงแต่ทำงาน เรื่องที่เกี่ยวกับอะไรที่ไม่ดี มักจะไม่ค่อยยุ่ง

ส่วนการวางแผนเพื่อประสงค์ในเรื่องใดนั้น เสี่ยต้นเคยบอกว่า ถ้าตายไม่ห่วงแล้ว เพราะทำประกันไว้ วงเงิน 16 ล้านบาท จากนั้นตนได้โทรหามดเพื่อสอบุามเรื่องเงินประกันกลับบอกว่า ไม่มีหรอก เงินที่เหลือเวียนมาใช้ไปหมดแล้ว จากนั้นจึงสืบไปที่บริษัทประกัน ก็พบว่ามีเงินจำนวนนี้อยู่จริง จึงสงสัยว่า มดโกหกทำไม เพราะตนทั้งรักทั้งไว้ใจ ทำไมถึงโกหกเรื่องเงิน

"ส่วนชนวนเหตุที่ 2 คนแตกหักกัน ตนทราบว่า ที่มดโพสต์ว่าทำอะไรคนเดียว ไปพบเสี่ยต้นที่ร้านคาราโอเกะ พร้อมกับเด็กในร้านเหล้า จึงมีการสอบถามกัน จากนั้นไม่นานเสี่ยต้นก็โดนยิง และเสี่ยต้นก็บอกกับตนเอง ว่า "สงสัยใครเป็นคนใกล้ชิดจ้างวานยิง" แต่ตนไม่ขอเปิดเผยชื่อ ขอให้เป็นเรื่องของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ส่วนเป็นคนใกล้ชิดที่ถูกควบคุมตัวในขณะนี้หรือไม่ ขอให้รอการสอบสวนจากทางเจ้าหน้าที่"น.ส.หมวย กล่าว

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ศาลอาญาอนุญาตฝากขัง 'เจ๊มด' กับพวกจ้างวานฆ่า 'เสี่ยต้น'

พนักงานสอบสวน สน.วังทองหลาง นำตัว นายสาโรจน์ เสือสุวรรณ ผู้จัดหาอาวุธปืน อายุ 25 ปี นายวีรภัทร สุคนธทรัพย์ อายุ 25 ปี ผู้ทำหน้าที่ขี่รถจักรยานยนต์ และน.ส.วรรณิภา หะมาลา หรือ “เจ๊มด”