จนท.ตัดวงจรแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ยึดอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์กว่า 6 พันชิ้น ซุกริมแม่น้ำโขง

12 เม.ย.2567 - กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (บช.ก.)และกรมศุลกากร ภายใต้อำนวยการพล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. , นายธีรัชย์ อัตนวานิช อธิบดีกรมศุลกากร , พล.ต.ต.สุวัฒน์ แสงนุ่ม รอง ผบช.ก., พล.ต.ต.มนตรี เทศขัน ผบก.ป. , พล.ต.ต.อธิป พงษ์ศิวาภัย ผบก.ปอท. , พล.ต.ต.พฤทธิพงศ์ นุชนารถ ผบก.รน. ร่วมกับกรมศุลกากร นายพันธ์ทอง ลอยกุลนันท์ ที่ปรึกษาด้านการพัฒนาและบริหารการจัดเก็บภาษี , นางนันท์ฐิตา ศิริคุปต์ รองอธิบดีกรมศุลกากร รักษาการที่ปรึกษาด้านพัฒนาระบบควบคุมทางศุลกากร, นายกฤดิพรรธน์ สิงห์อุบลปิติกุล ผู้อำนวยการสำนักงานศุลกากรภาคที่ 3 ,นายเอกวุฒิ นาเอก นายด่านศุลกากรเชียงแสน ตรวจยึดอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์กว่า 6,000 ชิ้น แก๊งคอลเซ็นเตอร์

พฤติการณ์ สืบเนื่องจากสถานการณ์ปัจจุบันเกิดอาชญากรรมทางเทคโนโลยี และสื่อสารสนเทศเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งการฉ้อโกงผ่านสื่อสังคมออนไลน์ หรือกลุ่มคอลเซ็นเตอร์(Call Center) ส่งผลกระทบต่อประชาชน และเศรษฐกิจทั้งในประเทศและต่างประเทศ กลุ่มคนร้ายได้มีการพัฒนาปรับเปลี่ยน รูปแบบ วิธีการหลอกลวงเหยื่อผู้เสียหายโดยใช้เทคโนโลยี การติดต่อสื่อสารที่ทันสมัย และซับซ้อนมากขึ้น เจ้าหน้าที่ตำรวจสอบสวนกลาง พร้อมด้วยกรมศุลกากร จึงได้บูรณาการความร่วมมือในการป้องกัน ปราบปราม และบังคับใช้กฎหมายอย่างจริงจังอย่างต่อเนื่อง เพื่อยับยั้งต้นตอ และตัดวงจรของกลุ่มคนร้าย ตามนโยบายของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และนโยบายของรัฐบาล ซึ่งจัดตั้งศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขปัญหาอาชญากรรมออนไลน์ (Anti Online Scam Operation Center) หรือ AOC

จากการบูรณาการทำงานร่วมกันระหว่างตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) และกรมศุลกากร ทำให้ทราบเบาะแสว่าจะมีพัสดุต้องสงสัย ซึ่งน่าจะเกี่ยวข้องกับอาชญากรรมข้ามชาติส่งมาจากต่างประเทศ เข้ามาประเทศไทย เพื่อส่งต่อผ่านทางพื้นที่ติดต่อประเทศเพื่อนบ้าน ทางสามเหลี่ยมทองคำ ด้าน อ.เชียงแสน จ.เชียงราย เจ้าหน้าที่ตำรวจสอบสวนกลาง ร่วมกับเจ้าหน้าที่กรมศุลกากรด่านเชียงแสน จึงเฝ้าระวังสังเกตการณ์ กระทั่งพบกล่องลังกระดาษ และกล่องพลาสติกต้องสงสัย มีผ้าห่อหุ้มมิดชิด รวมแล้วกว่า 10 กล่องใหญ่ ซุกซ่อนอยู่บริเวณโคนต้นไม้ ริมแม่น้ำโขง พื้นที่รอยต่อสามเหลี่ยมทองคำ อ.เชียงแสน จ.เชียงราย เมื่อเข้าตรวจสอบ พบเครื่องคอมพิวเตอร์ All In One จำนวน 94 ชุด พร้อมอุปกรณ์ส่วนควบอื่น ๆ , โทรศัพท์มือถือ จำนวน 347 เครื่อง,สมุดจดบันทึกเป็นภาษาจีน จำนวน 15 เล่ม และสิ่งของอื่นๆ จำนวนมาก

จากการตรวจสอบข้อมูลภายในเครื่องคอมพิวเตอร์ และโทรศัพท์มือถือ เจ้าหน้าที่ตำรวจ กองกำกับการ 4 กองบังคับการปราบปราม (กก.4 บก.ป.) พบข้อมูลที่น่าเชื่อว่าอุปกรณ์ดังกล่าวเป็นเครื่องมือที่กลุ่มมิจฉาชีพและแก๊งคอลเซ็นเตอร์นำมาใช้ในการหลอกลวงประชาชนได้ เนื่องจากปรากฏข้อมูล ข้อความแชทสนทนาจำนวนมาก ในลักษณะคล้ายสคริปต์การสนทนา วิธีการขั้นตอนการทำงาน เริ่มต้นตั้งแต่การสร้างโปรไฟล์ ในโซเชียลมีเดีย โดยพบว่ามีภาพชาย-หญิงทั้งยุโรปและเอเชีย หน้าตาดี ในอิริยาบถต่างๆ จำนวนมาก , ข้อความแชทสนทนาเชิงชู้สาว คล้ายกลุ่มคนร้าย Romance Scam หรือการหลอกให้รัก , ข้อความแชทสนทนาลักษณะชักชวนลงทุนรูปแบบต่างๆ , ข้อความขอคำปรึกษาวิธีการแก้ปัญหาระหว่างคนร้ายด้วยกัน , ตัวอย่างบทสนทนาในสถานการณ์ต่าง ๆ รวมทั้งรายละเอียดเกี่ยวกับการเงินของกลุ่มคนร้าย ซึ่งพบข้อมูลผู้เสียหายเป็นชาวจีน ชาวญี่ปุ่น ชาวต่างชาติฝั่งยุโรปและอเมริกา ในส่วนสมุดบันทึกที่มีข้อความภาษาจีน พบว่าคล้ายไดอารี่ของพนักงาน ในลักษณะจดขั้นตอนวิธีการทำงาน และเขียนบันทึกการทำงานในแต่ละวันเอาไว้

นอกจากนี้ ในพื้นที่บริเวณตลิ่ง ริมแม่น้ำโขง อ.เชียงแสน ยังพบถุงพลาสติก 1 ถุงใหญ่ ซุกซ่อนในป่าทึบ ภายในถุงบรรจุกล่องโทรศัพท์ จำนวน 5 กล่อง ซึ่งตรวจสอบภายในกล่องโทรศัพท์แต่ละกล่อง พบโทรศัพท์มือถือใส่ซิมการ์ด , สมุดบัญชีธนาคาร , บัตร ATM พร้อมกระดาษจดรหัสบัตร ATM และ รหัสการเข้าใช้งานแอปพลิเคชันธนาคาร พร้อมใช้งาน

อีกทั้ง เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.4 บก.ป. พร้อมด้วย เจ้าหน้าที่กรมศุลกากรด่านเชียงแสน ยังร่วมกันตรวจสอบกล่องพัสดุต้องสงสัยที่ส่งโดยการขนส่งทางอากาศมาจากต่างประเทศ และผู้รับตามชื่อที่กล่องพัสดุปฏิเสธการรับ จำนวน 2 ราย โดยกล่องพัสดุรายแรกพบว่าถูกส่งมาจากประเทศอังกฤษ ภายในกล่องพบ ซิมการ์ดโทรศัพท์มือถือ เครือข่าย Vodafone จำนวน 4,998 อัน ส่วนพัสดุรายที่ 2 ซึ่งระบุผู้รับอีกราย ถูกส่งมาจากประเทศญี่ปุ่น ตรวจสอบภายในกล่องพบ อุปกรณ์เครื่องรับสัญญาณอินเตอร์เน็ตความเร็วสูงผ่านดาวเทียม ยี่ห้อ Starlink ของบริษัท SpaceX อีกจำนวนกว่า 10 เครื่อง

จึงร่วมกันตรวจยึดของกลาง ซิมการ์ดโทรศัพท์มือถือ เครือข่าย Vodafone จำนวน 4,998 อัน , อุปกรณ์เครื่องรับสัญญาณอินเตอร์เน็ตความเร็วสูงผ่านดาวเทียม ยี่ห้อ Starlink ของบริษัท SpaceX จำนวน 10 เครื่อง ,เครื่องคอมพิวเตอร์ All In One จำนวน 94 ชุดและอุปกรณ์ส่วนควบอื่น ๆ,โทรศัพท์มือถือ จำนวน 347 เครื่อง , สมุดจดบันทึกเป็นภาษาจีน จำนวน 15 เล่ม ,สมุดบัญชีธนาคารไทย พร้อมโทรศัพท์มือถือ และซิมการ์ด จำนวน 5 ชุด เบื้องต้น ประเมินมูลค่า (ไม่รวมภาษีอากร) ของทรัพย์สินที่ตรวจยึดได้ในครั้งนี้ ประมาณ 5.4 ล้านบาท

เข้าข่ายมีความผิดตามกฎหมาย ดังนี้

1.ซิมการ์ดโทรศัพท์มือถือ เครือข่าย Vodafone เป็นของต้องเสียภาษีอากร ซึ่งยังไม่มีผู้ใดมารับของและเสียภาษีอากร และถือว่ายังไม่ผ่านพิธีการศุลกากร เข้าข่ายตามพระราชบัญญัติศุลกากร พ.ศ.2560 มาตรา 107 ประกอบมาตรา 167 “ให้พนักงานศุลกากร พนักงานฝ่ายปกครอง หรือตำรวจ มีอำนาจยึดหรือ อายัดสิ่งใด ๆ เพื่อตรวจสอบ หากตรวจสอบแล้วพบว่าสิ่งนั้นเป็นสิ่งอันพึงต้องริบ ให้พนักงานศุลกากร พนักงานฝ่ายปกครอง หรือตำรวจ มีอำนาจยึด สิ่งนั้น สิ่งที่ยึดไว้นั้น และเจ้าของหรือผู้มีสิทธิไม่มายื่น คําร้องขอคืนภายในกําหนดให้ตกเป็นของแผ่นดิน”

2.อุปกรณ์เครื่องรับสัญญาณอินเตอร์เน็ตความเร็วสูงผ่านดาวเทียม ยี่ห้อ Starlink เป็นของที่ไม่มี การยื่นใบขนส่งสินค้าและไม่ได้เสียอากร หรือวางประกันค่าอากรที่พึงเรียกเก็บแก่ของนั้น ของดังกล่าวเป็นของต้องภาษี ซึ่งยังไม่มีผู้ใดมารับของ จึงเข้าข่ายตามพระราชบัญญัติศุลกากร พ.ศ.2560 มาตรา 107 ประกอบมาตรา 167 “ให้พนักงานศุลกากร พนักงานฝ่ายปกครอง หรือตำรวจ มีอำนาจยึดหรือ อายัดสิ่งใด ๆ เพื่อตรวจสอบ หากตรวจสอบแล้วพบว่าสิ่งนั้นเป็นสิ่งอันพึงต้องริบ ให้พนักงานศุลกากร พนักงานฝ่ายปกครอง หรือตำรวจ มีอำนาจยึด สิ่งนั้น สิ่งที่ยึดไว้นั้น และเจ้าของหรือผู้มีสิทธิไม่มายื่น คําร้องขอคืนภายในกําหนดให้ตกเป็นของแผ่นดิน” ซึ่งผู้นำเข้ามาในประเทศ จะต้องขออนุญาตนำเข้าจาก สำนักงาน กสทช. ก่อน มิเช่นนั้น อาจเข้าข่ายกระทำความผิดตามพระราชบัญญัติวิทยุคมนาคม พ.ศ.2498 มาตรา 6 ฐาน “นำเข้า หรือ ค้าซึ่งเครื่องวิทยุคมนาคม โดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าพนักงาน” ต้องระวางโทษปรับไม่เกินหนึ่งแสนบาท หรือจำคุกไม่เกินห้าปี หรือทั้งจำทั้งปรับ อีกฐานหนึ่ง

3.เครื่องคอมพิวเตอร์ All In One ,โทรศัพท์มือถือ เข้าข่ายความผิดฐาน “นำเข้ามาในหรือส่งออกไปนอกราชอาณาจักรซึ่งของที่ยังมิได้ผ่านพิธีการศุลกากรฯ” ตาม พระราชบัญญัติศุลกากร พ.ศ.2560 มาตรา 242 ระวางโทษจำคุกไม่เกินสิบปี หรือปรับเป็นเงินสี่เท่าของราคาของซึ่งได้รวมอากรเข้าด้วยแล้ว หรือทั้งจำทั้งปรับ และให้ริบของนั้นไม่ว่าจะมีผู้ถูกลงโทษตามคำพิพากษาหรือไม่

4.สมุดบัญชีธนาคารไทย(บัญชีม้า) พร้อมโทรศัพท์มือถือ และซิมการ์ด เป็นของที่พยายามลักลอบหนีศุลกากรออกไปนอกราชอาณาจักร เข้าข่ายความผิดฐาน “นำเข้ามาในหรือส่งออกไปนอกราชอาณาจักร ซึ่งของที่ยังมิได้ผ่านพิธีการศุลกากรฯ” ตาม พระราชบัญญัติศุลกากร พ.ศ.2560 มาตรา 242 ระวางโทษจำคุกไม่เกินสิบปี หรือปรับเป็นเงินสี่เท่าของราคาของซึ่งได้รวมอากรเข้าด้วยแล้ว หรือทั้งจำทั้งปรับ และให้ริบของนั้นไม่ว่าจะมีผู้ถูกลงโทษตามคำพิพากษาหรือไม่ ในส่วนของผู้เปิดบัญชีเงินฝากธนาคาร และหมายเลขโทรศัพท์ดังกล่าว เข้าข่ายกระทำความผิดตามพระราชกำหนดมาตราการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี พ.ศ.2566 มาตรา 9 ฐาน “เปิดหรือยินยอมให้บุคคลอื่นใช้บัญชีเงินฝากของตน โดยมิได้มีเจตนาใช้เพื่อตนหรือกิจการที่ตนเกี่ยวข้องหรือยินยอมให้บุคคลอื่นใช้หรือยืมใช้หมายเลขโทรศัพท์สำหรับบริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ของตน โดยประการที่รู้หรือควรจะรู้ว่าจะนำไปใช้ในการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยีหรือความผิดทางอาญาอื่นใด” ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสามปี หรือปรับไม่เกินสามแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

ในส่วนซิมการ์ดโทรศัพท์มือถือ เครือข่าย Vodafone เจ้าหน้าที่ตำรวจสันนิษฐานได้ว่ากลุ่มคนร้ายนำมาใช้สมัครยืนยันตัวตนในการสร้างบัญชีสื่อสังคมออนไลน์ เพื่อใช้หลอกลวงเหยื่อ , อุปกรณ์เครื่องรับสัญญาณอินเตอร์เน็ตความเร็วสูงผ่านดาวเทียม ยี่ห้อ Starlink ของบริษัท SpaceX สันนิษฐานว่า จะนำมาใช้ในโครงข่ายการสื่อสารของกลุ่มคนร้าย และบัญชีม้าที่พร้อมใช้งานนั้น เชื่อว่าอาจจะนำไปใช้ในการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมออนไลน์ การพนันออนไลน์ หรือความผิดอื่น ๆ

ทั้งนี้อุปกรณ์และสิ่งอิเล็กทรอนิกส์ต่างๆที่เจ้าหน้าที่ตรวจพบในครั้งนี้ เชื่อว่าเป็นเครื่องมือสำคัญในการทำงานของมิจฉาชีพที่ใช้ในการก่ออาชญากรรมออนไลน์ในรูปแบบต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น แก๊ง Call Center ,การพนันออนไลน์ ทั้งในประเทศและต่างประเทศ ที่ถูกลักลอบนำเข้ามาในราชอาณาจักร โดยกลุ่มนายทุน เพื่อส่งต่อไปยังที่ประเทศเพื่อนบ้าน เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้ตรวจยึดสิ่งของดังกล่าวทั้งหมดไว้ และจะสืบสวนขยายผลหานายทุนผู้ว่าจ้าง และผู้ร่วมกระทำความผิด เพื่อติดตามทั้งขบวนการมาดำเนินคดีต่อไป.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

'เศรษฐา' ต่อสาย นายกฯกัมพูชา ช่วยปราบแก๊งคอลเซ็นเตอร์ภายใน 60 วัน

นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีโพสต์ข้อความผ่าน X ระบุว่า “ผมได้โทรศัพท์หารือท่านนายกรัฐมนตรี ฮุน มาแนต ของกัมพูชา ในประเด็นการปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ซึ่งเรามีความเห็นตรงกันที่จะ

นายกฯ แจ้งข่าวดี 2 เรื่อง ตำรวจเตรียมแถลงรายละเอียด

นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี โพสต์ข้อความใน X ว่า ได้รับรายงานจากทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติว่าได้มีการออกหมายจับ ‘โจ้’ หรือ นายสหชัย เจียรเสริมสิน ในคดีขโมยเรือน้ำมันเถื่อนแล้วครับ

‘เกณิกา’ โชว์ผลงานกวาดล้างเว็บพนันออนไลน์ทลายเครือข่าย ‘แม่มนต์’ 

”เกณิกา”เผย ผลงาน รบ.เร่งปฏิบัติกวาดล้างเว็บพนันออนไลน์ ทลายเครือข่าย"แม่มนต์" พบยอดเงินหมุนเวียนกว่า 5,000 ล้าน