ตร.ไซเบอร์ ทลายแก๊งคอลเซ็นเตอร์ หลอกเหยื่อโอนเงิน 115 ครั้ง สูญ 200 ล้านบาท

11 เม.ย.2567 - ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (เมืองทองธานี) พล.ต.ท.วรวัฒน์ วัฒน์นครบัญชา ผบช.สอท. พล.ต.ต.นิเวศน์ อาภาวศิน รอง ผบช.สอท. พล.ต.ต.นิพล บุญเกิด ผบก.สอท.2 และ พล.ต.ต.สถิตย์ พรมอุทัย ผบก.สอท.3 พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ร่วมแถลงข่าว “ปฏิบัติการ SAVING GOOD MAN ตร.ไซเบอร์ทลายแก๊งคอลเซ็นเตอร์ โทรหลอกข้ามซีกโลกขู่เอี่ยวฟอกเงิน เหยื่อโอน 115 ครั้ง สูญเงินเกือบ 200 ล้าน

สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 25 ก.ย.66 ขณะที่ผู้เสียหายพักอาศัยอยู่ที่ เมืองลอสอัลทอส รัฐแคลิฟอเนีย สหรัฐอเมริกา ได้มีคนร้ายพูดภาษาอังกฤษโทรศัพท์มาหา อ้างว่าติดต่อจาก บริษัท ทีโมเบิล เซอร์วิส (บริษัทผู้ให้บริการสัญญาณโทรศัพท์ในสหรัฐอเมริกา) แจ้งว่าผู้เสียหายได้ใช้หมายเลขโทรศัพท์ก่อกวนบุคคลอื่น ผู้เสียหายหลงเชื่อ คนร้ายจึงโอนสายต่อไปยังเจ้าหน้าที่อีกฝ่ายหนึ่งเพื่อให้ผู้เสียหายยืนยันว่าไม่ได้เป็นเจ้าของหมายเลขดังกล่าวและจะทำการตรวจสอบข้อมูลเพื่อยกเลิกหมายเลขดังกล่าวให้

ต่อมา มีการโอนสายไปยังคนร้ายที่พูดภาษาไทย แจ้งให้ผู้เสียหายติดต่อผ่านบัญชีไลน์ชื่อ “สำนักงานตำรวจแห่งชาติ” และบัญชีเทเลแกรม จากนั้นคนร้ายอ้างว่าผู้เสียหายมีส่วนเกี่ยวข้องกับคดีฟอกเงิน จำเป็นต้องถูกยึดทรัพย์ แต่มีวิธีช่วยเหลือคือ ผู้เสียหายต้องพิสูจน์เส้นทางการเงิน โดยคนร้ายให้ผู้เสียหายแจ้งรายละเอียดข้อมูลบัญชีเงินฝาก และโอนเงินในยังบัญชีธนาคารที่คนร้ายแจ้งเพื่อตรวจสอบ

โดยผู้เสียหายได้โอนเงินไปยังบัญชีคนร้ายช่วงที่อาศัยอยู่สหรัฐอเมริกา จำนวน 60 ครั้ง รวมเป็นเงิน 92,647,416.26 บาท ต่อมาได้เดินทางกลับมายังประเทศไทย และโอนขณะพักอาศัยที่ อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี อีก 55 ครั้ง รวมเป็นเงิน 106,211,998.06 บาท รวมยอดความเสียหายทั้งสิ้นประมาณ 200 ล้านบาท กระทั่งสุดท้ายรู้ตัวว่าถูกหลอก จึงได้เข้าแจ้งความดำเนินคดีที่ บก.สอท.2

ต่อมา พล.ต.ท.วรวัฒน์ วัฒน์นครบัญชา ผบช.สอท. ได้สั่งการให้ พล.ต.ต.นิพล บุญเกิด ผบก.สอท.2 โดยมอบหมาย พ.ต.อ.จักรกฤช ศรีโรจนากูร ผกก.2 บก.สอท.2 พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ในสังกัดทำการตรวจสอบ บัญชีธนาคารที่เกี่ยวข้องรวมทั้งเส้นทางการเงิน พบว่ามีเส้นทางการเงิน พบว่ามีบัญชีในประเทศไทย 46 บัญชี และบัญชีในต่างประเทศอีก 5 บัญชี  จึงได้รวมมือกับ บก.ตอท. ในการประชุมวางแผนจับกุมผู้ที่เกี่ยวข้อง จนสามารถรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อดำเนินคดี พร้อมขออำนาจศาลออกหมายจับผู้ต้องหาได้จำนวน 75 ราย  โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจไซเบอร์ได้กระจายกำลังจับกุมผู้ต้องหาตามพื้นที่ต่างๆ ทั่วประเทศได้แล้วจำนวน 34 ราย และติดตามผู้ต้องหาที่ยังหลบหนีมาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

บุกจับเจ้าแม่เงินกู้รายใหญ่ จ.ตรัง รับสารภาพเก็บดอกเบี้ยโหด เงินหมุนเวียน 3 ล้าน

ตำรวจไซเบอร์เอาจริง! ลุยหนักปราบแก๊งเงินกู้นอกระบบ นำกำลังบุกจับ “เจ๊ขวัญ หาดเลา” เจ้าแม่เงินกู้รายใหญ่ พบหลักฐานคาบ้าน เจ้าตัวรับสารภาพหมดเปลือก ปล่อยเงินกู้เกินกฎหมายกำหนด ร้อยละ 20 บาทต่อเดือน ขยายผลพบมีเงินหมุนเวียนอีกกว่า 3 ล้านบาท

‘เกณิกา’ โชว์ผลงานกวาดล้างเว็บพนันออนไลน์ทลายเครือข่าย ‘แม่มนต์’ 

”เกณิกา”เผย ผลงาน รบ.เร่งปฏิบัติกวาดล้างเว็บพนันออนไลน์ ทลายเครือข่าย"แม่มนต์" พบยอดเงินหมุนเวียนกว่า 5,000 ล้าน

วิจารณ์แซ่ด! อัยการปราบทุจริตฯ สั่ง สอท. ส่งสำนวนคดีเว็บพนันพันบิ๊กตร. ให้ ป.ป.ช.

'อัยการปราบทุจริตฯ' ร่อนหนังสือด่วนที่สุดให้ 'สอท.' รับสำนวนคดีเว็บพนันพันบิ๊กตำรวจ ไปส่ง ป.ป.ช. ทั้งที่ อสส. ยังไม่ได้มีคำสั่งชี้ขาดข้อหารือ วิจารณ์เเซ่ดบรรทัดฐานใหม่

ทลาย 5 เว็บพนันฟุตบอลยูโรรายใหญ่ รวบผู้ต้องหา 11 ราย ยึดทรัพย์ 360 ล้านบาท

นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม พร้อมด้วย นายสุทธิเกียรติ วีระกิจพานิช ที่ปรึกษาฯ พล.ต.ท.วรวัฒน์ วัฒน์นครบัญชา ผบช.สอท, พล.ต.ต.วิวัฒน์ คำชำนาญ ,พล.ต.ต.นิเวศน์ อาภาวศิน รอง ผบช.สอท. พล.ต.ต.มนเทียร พันธ์อิ่ม รอง ผบช.ฯ ปฏิบัติราชการ บช.สอท., และ พ.ต.อ.สุรพงษ์ ไทยประเสริฐ รอง ผบก.สอท.2 ร่วมกันแถลงผลปฏิบัติการ “FINAL BET บุกทลาย 5 เครือข่ายเว็บพนันทายผลการแข่งขันฟุตบอลยูโรรายใหญ่รวบผู้ต้องหาสำคัญ 11 ราย ยึดทรัพย์รวมกว่า 360 ล้านบาท”

ปปง. เปิดให้ผู้เสียหายเหยื่อแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ลงทะเบียน รับเงินคืน ผ่าน 3 ช่องทาง

'คารม' เผย ปปง. เปิดให้ผู้เสียหายเหยื่อแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ลงทะเบียนคุ้มครองสิทธิเพื่อรับเงินคืน ผ่าน 3 ช่องทาง ย้ำเตือนประชาชนอย่าหลงกลโอนเงินให้มิจฉาชีพ ระบุมูลค่าความเสียหายเดือน มิ.ย. กว่าสามพันล้านบาท