โจรใต้เหิมหนัก ยิงถล่มทหารพราน ตาย 2 เจ็บ 8 นาย ระหว่างเยี่ยมชาวบ้าน

โจรใต้เหิมหนัก 10 วันสดท้ายรอมฎอน ยิงถล่มทหารพราน ระหว่างกลับจากเยี่ยมชาวบ้านทำซุ้มประตู เตรียมฉลองฮารีรออ ทหารพรานตาย 2 เจ็บ 8 นายที่รือเสาะ

 8 เม.ย.2567 - เมื่อเวลา 23.15 น. วันที่ 7 เมษายน พ.ต.อ.ศุภชัย ศุภกิจจารักษ์ ผกก.สภ.รือเสาะ จ.นราธิวาส รับแจ้งมีเหตุคนร้ายใช้อาวุธปืนซุ่มยิงใส่รถยนต์กระบะของเจ้าหน้าที่ทหารพราน กองร้อยทหารพรานที่ 4613 กรมทหารพรานที่ 46 ที่บริเวณริมถนนบ้านบลูกาฮีเล หมู่ 6 ต.บาตง อ.รือเสาะ จึงประสานกำลังเจ้าหน้าที่ทหารพรานที่ 46 และจัดกำลังเจ้าหน้าที่ สนธิกำลังกำลังจำนวนหนึ่ง
เดินทางไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ พบว่าเจ้าหน้าที่ที่ได้รับบาดเจ็บได้ถูกนำตัวส่งรักษาที่โรงพยาบาลรือเสาะไปก่อนหน้าแล้ว จึงได้กันพื้นที่ เนื่องอยู่ยามวิกาล ป้องกันคนร้ายดักซุ่มทำร้ายเจ้าหน้าที่ และประสานประสานเจ้าหน้าที่หน่วยเก็บกู้วัตถุระเบิด และหน่วยตรวจสอบพิสูจน์หลักฐานมาตรวจสอบในวันรุ่งขึ้น

จากการตรวจสอบผู้ได้รับบาดเจ็บที่โรงพยาบาลรือเสาะและส่งรักษาต่อที่โรงพยาบาลนราธิวาสราชนครินทร์ ทราบชื่อเสียชีวิต 2 นาย คือ 1.อส.ทพ.ประคอง สุดทนัง 2.อส.ทพ.วิทยา ปัวงาม ได้รับบาดเจ็บ 8 นาย ประกอบด้วย 1.ร.อ.ชัยยุทธ สุกบู ผบ.ร้อย ทพ.4613 บาดเจ็บเล็กน้อย 2.จ.ส.อ.ศักดิ์รพี เพชรเรือนทอง โดนยิงที่บริเวณขาซ้าย 3.ส.อ.สุรเดช สังขวงค์ ถูกกระสุนปืนเฉี่ยวที่บริเวณศีรษะ 4.อส.ทพ.อนันต์ บือราเฮง โดนยิงที่บริเวณขากับแขน 5.อส.ทพ.เปาซี เจ๊ะเต๊ะ โดนยิงที่บริเวณซี่โครงซ้าย 6.อส.ทพ.มะกอเส อึมา โดนยิงที่บริเวณขาซ้าย 7.อส.ทพ.สามะแอ ดือมาสิ บาดเจ็บเล็กน้อย และ 8.อส.ทพ.อาดนัย สุหลง บาดเจ็บเล็กน้อย

จากการสอบสวนทราบว่า ก่อนเกิดเหตุ ร.อ.ชัยยุทธ ผบ.ร้อย 4613 ได้นำกำลังพลรวม 10 นาย ขึ้นรถยนต์กระบะ เพื่อเดินทางไปตรวจเยี่ยมให้กำลังใจชาวบ้านที่กำลังทำซุ้มประตู (ปูตูกรือแบ) ซึ่งชาวบ้านทำขึ้นมาทุกปีเพื่อเฉลิมฉลองในช่วงเทศกาลรายอ หลังจากเสร็จสิ้นภารกิจในเดือนรอมฎอน และขณะที่เจ้าหน้าที่เดินทางกลับระหว่างทาง ถึงป่าทึบ คนร้ายไม่ทราบจำนวนแฝง ซุ่มอยู่ข้างป่าริมทาง ได้ใช้อาวุธปืนสงครามไม่ทราบชนิดและขนาดยิงใส่รถยนต์กระบะของเจ้าหน้าที่ จนเจ้าหน้าที่เสียชีวิตและได้รับบาดเจ็บดังกล่าว ช่วงเกิดเหตุ อยู่ในช่วง 10 วันสุดท้ายของเดือนรอมฎอน ซึ่งคนร้ายมักลงมือก่อเหตุป่วนสถานการณ์ประจำทุกปี เพื่อสร้างสถานการณ์

ด้าน กอ.รมน.ภาค 4 สน. รายงานเหตุคนร้ายซุ่มยิงเจ้าหน้าที่ เสียชีวิต 2 นาย บาดเจ็บ 9 นาย พื้นที่ อ.รือเสาะ จ.นราธิวาส เมื่อวันที่ 7 เมษายน 2567 เวลา 22.40 น. เกิดเหตุคนร้ายไม่ทราบจำนวน ใช้อาวุธไม่ทราบชนิดและขนาด ซุ่มยิงชุดปฏิบัติการกองร้อยทหารพรานที่ 4613 หน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 46 ขณะเดินทางด้วยรถยนต์กระบะ จำนวน 2 คัน กลับฐานปฏิบัติการ จากการตรวจเยี่ยมการจัดทำซุ้มประตู เหตุเกิดพื้นที่ บ้านบลูกาฮีเล หมู่ที่ 6 ตำบลบาตง อำเภอรือเสาะ จังหวัดนราธิวาส เป็นเหตุให้เจ้าหน้าที่ เสียชีวิต จำนวน 2 นาย คือ อาสาสมัครทหารพราน วิทยา ปวงงาม อายุ 30 ปี ที่อยู่บ้านเลขที่ 105/1 หมู่ที่ 7 ตำบลแม่กา อำเภอเมืองพะเยา จังหวัดพะเยา กับ อาสาสมัครทหารพราน ประคอง สุทนัง อายุ 48 ปี ที่อยู่บ้านเลขที่ 220 หมู่ที่ 15 ตำบลนาจะหลวย อำเภอนาจะหลวย จังหวัดอุบลราชธานี และบาดเจ็บ จำนวน 9 นาย มีรายละเอียดดังนี้1. สิบเอก สุรเดช สังขวงค์ ถูกยิงเล็กน้อยบริเวณศรีษะ เข้ารักษาตัวโรงพยาบาลรือเสาะ

2. จ่าสิบเอก ศักดิ์รพี เพชรเรือนทอง ถูกยิงบริเวณขาซ้ายได้รับบาดเจ็บ เข้ารักษาตัวโรงพยาบาลนราธิวาส
3. อาสาสมัครทหารพราน อนันต์ บือราเฮง ถูกยิงบริเวณขาและแขนได้รับบาดเจ็บ เข้ารักษาตัวโรงพยาบาลนราธิวาส
4. อาสาสมัครทหารพราน เปาซี เจ๊ะเต๊ะ ถูกยิงบริเวณซี่โครงด้านซ้ายได้รับบาดเจ็บสาหัส เข้ารักษาตัวโรงพยาบาลนราธิวาส
5. อาสาสมัครทหารพราน มะกอเส อุมา ถูกยิงบริเวณต้นขาซ้ายได้รับบาดเจ็บ เข้ารักษาตัวโรงพยาบาลนราธิวาส
6. ร้อยเอกชัยยุทธ สุกบู ผู้บังคับกองร้อยทหารพรายที่ 4613 หน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 46 ได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย รักษาตัวที่หน่วย
7. อาสาสมัครทหารพราน สามะแอ ดือมาสิ ได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย เข้ารักษาตัวโรงพยาบาลรือเสาะ
8. อาสาสมัครทหารพราน อาดนัย สุหลง ได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย เข้ารักษาตัวโรงพยาบาลรือเสาะ
9. อาสาสมัครทหารพราน สมาน ลีอาเดี๋ยว ได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย เข้ารักษาตัวโรงพยาบาลรือเสาะ

ด้าน พลโท ศานติ ศกุนตนาค แม่ทัพภาคที่ 4/ผู้อำนวยการรักษาความมั่งคงภายในภาค 4 ได้แสดงความเสียใจกับครอบครัวเจ้าหน้าที่ 2 นาย คือ อาสาสมัครทหารพราน วิทยา ปวงงาม และ อาสาสมัครทหารพราน ประคอง สุทนัง ที่ต้องสูญเสียบุคคลอันเป็นที่รักยิ่งจากเหตุการณ์ดังกล่าว พร้อมทั้งเน้นย้ำให้เร่งดำเนินการในเรื่องการดูแลสิทธิ ตลอดจนสวัสดิการด้านต่าง ๆ ให้เป็นไปตามระเบียบของทางราชการ พร้อมทั้งสั่งการคุมเข้มพื้นที่ เพื่อดำเนินการตรวจสอบ รวบรวมวัตถุพยาน และเร่งติดตามตัวผู้ก่อเหตุมาดำเนินคดีตามกฎหมายโดยเร็วที่สุด โดยเน้นย้ำให้ทุกพื้นที่ ทุกฐานปฏิบัติการเพิ่มมาตรการควบคุมความปลอดภัย ต้องเพิ่มความระมัดระวัง สอดส่องดูแลไม่ให้เกิดเหตุการณ์ความสูญเสียของกำลังพลเจ้าหน้าที่และพี่น้องประชาชน ใช้ปฏิบัติการเชิงรุก เพื่อจำกัดเสรีการก่อเหตุ คุมเข้มพื้นที่รับผิดชอบทุกตารางนิ้ว พร้อมสั่งการคุมเข้มพื้นที่ เร่งติดตามผู้ก่อเหตุมาดำเนินคดีตามกฎหมายโดยเร็วที่สุด

ทั้งนี้ กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า ขอความร่วมมือพี่น้องประชาชนในพื้นที่ หากผู้ใดพบเบาะแส หรือพบวัตถุต้องสงสัย แจ้งเบาะแสได้ที่หมายเลขโทรศัพท์สายตรงแม่ทัพภาคที่ 4 / ผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 โทร 061-1732999 หรือเบอร์สายด่วน กอ.รมน.ภาค 4 สน. 1341 และหน่วยเฉพาะกิจในพื้นที่ได้ตลอด 24 ชั่วโมง และขอเรียนให้ทราบว่าการให้ที่พักพิงหรือหลบซ่อนตัวแก่ผู้กระทำผิด เป็นความผิดตาม ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 189 ผู้ใดช่วยผู้อื่นซึ่งเป็นผู้กระทำความผิด หรือเป็นผู้ต้องหาว่ากระทำความผิด อันมิใช่ความผิดลหุโทษ เพื่อไม่ให้ต้องโทษ โดยให้ที่พำนักแก่ผู้นั้น โดยซ่อนเร้น หรือโดยช่วยผู้นั้นด้วยประการใด เพื่อไม่ให้ถูกจับกุม ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี หรือปรับไม่เกิน 40,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

'ผบ.ฉก.ทพ.43' นำกำลังปิดล้อมตรวจค้น จับมือบึ้มกลางเมืองปัตตานี

พันเอกปรเมธ ศานุพงศ์ ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 43 ได้นำเจ้าหน้าที่หน่วยปฏิบัติการร่วม จำนวน 30 นาย บังคับใช้กฎหมาย เข้าปิดล้อมตรวจค้น

คดีตากใบ หมดอายุความ วัฒนธรรมลอยนวลพ้นผิด กับผลการเมืองระหว่างประเทศ

ชื่อ "จักรภพ เพ็ญแข" คงไม่ต้องบรรยายอะไรให้มากว่าเป็นใคร มาจากไหน มีบทบาททางการเมืองอย่างไรในช่วงที่ผ่านมา เพราะชื่อนี้ถือเป็นคนดังในแวดวงการเมืองอยู่แล้ว

เฝ้าระวังพื้นที่3จ.ชายแดนใต้ หลังรัฐไทยทำคดีตากใบ หมดอายุความ จำเลยลอยนวล

หลัง คดีตากใบ หมดอายุความไปเมื่อเที่ยงคืนวันศุกร์ที่ 25 ต.ค.ที่ผ่านมา ทำให้หลายฝ่ายเป็นห่วงต่อสถานการณ์ความไม่สงบในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ยะลา-ปัตตานี-นราธิวาส

'ทวี' สวมบท สส. รับ 'คดีตากใบ' ไม่เป็นธรรม ไร้เงาผู้ต้องหา

'ทวี' ชี้ 'ตากใบ-ไฟใต้' ทุกภาคส่วนต้องร่วมหาทางออก ย้ำสังคมขาดความยุติธรรมมีความแตกแยก ผู้มีอำนาจอาจอยู่ไม่ได้ เร่งเยียวยาจิตใจคนชายแดนใต้

ทั่วโลกจับตา! 'คดีตากใบ' สะท้อนไทยล้มเหลว ปล่อยละเมิดสิทธิมนุษยชนซ้ำ

แอมเนสตี้ฯ ประเทศไทย หวั่นคดีตากใบหมดอายุความ กลายเป็นใบเบิกทางละเมิดสิทธิมนุษยชนซ้ำแล้วซ้ำเล่าอีก ชี้ชัด ทั่วโลกจับตาดูอยู่ เชื่อจะเป็นเรื่องที่ถูกพูดถึงบนเวทีสาธารณะระหว่างประเทศต่อเนื่อง

ชวน 'นายกฯอิ๊งค์' ลงใต้ ฟังความทุกข์ทรมานจากปาก 'เหยื่อ-ครอบครัวผู้เสียชีวิต'

'อังคณา' ชี้รัฐบาลพท.-แพทองธาร ปฏิเสธความรับผิดชอบคดีตากใบไม่ได้ ชวนนายกฯ ลงใต้ ฟังความทุกข์ทรมานจากปากเหยื่อ-ครอบครัวผู้เสียชีวิต เตือนระวังคนรู้สึกไม่เป็นธรรม อาจเข้าร่วมขบวนการก่อเหตุ