ตำรวจเตือน 5 สิ่งที่จะต้องเจอ เมื่อรับจ้างเปิดบัญชีม้า

7 เมษายน 2567 – พล.ต.ต.ศิริวัฒน์ ดีพอ รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวว่า พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ รักษาราชการแทนผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ได้มีความห่วงใยพี่น้องประชาชนที่อาจได้รับความเสียหายจากอาชญากรรมรูปแบบต่าง ๆ ซึ่งจากสถิติที่ผ่านมาพบว่ากลุ่มมิจฉาชีพมักใช้บัญชีม้าเป็นเครื่องมือในการกระทำความผิด เพื่อถ่วงเวลาเจ้าหน้าที่ตำรวจในการสืบสวนและอายัดเงินที่ได้จากการกระทำความผิด

วิธีการได้มาซึ่งบัญชีม้าเหล่านี้ เกิดจากการที่มีผู้ที่หวังแต่ประโยชน์ส่วนตน เห็นว่าการขายบัญชีธนาคารเป็นวิธีการที่ได้เงินมาง่าย และไม่ต้องลงทุนอะไรมากมาย โดยไม่ได้คำนึงถึงความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นหากบัญชีธนาคารดังกล่าวถูกนำไปใช้โดยกลุ่มมิจฉาชีพ ทำให้ปัจจุบันได้มีการออก พ.ร.ก.มาตรการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี พ.ศ.2566 มีวัตถุประสงค์เพื่อคุ้มครองประชาชนผู้สุจริตซึ่งถูกหลอกลวงจนสูญเสียไปซึ่งทรัพย์สิน และกำหนดมาตรการเพื่อป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี โดยได้กำหนดโทษของการยินยอมให้ผู้อื่นใช้บัญชีเงินฝากฯ และหมายเลขโทรศัพท์เคลื่อนที่ของตน โดยรู้หรือควรจะรู้ได้ว่าจะนำไปใช้ในการกระทำความผิด หรือซิมผี บัญชีม้า

สำนักงานตำรวจแห่งชาติจึงขอเตือนที่น้องประชาชน ถึง 5 สิ่งที่จะเกิดขึ้น หากท่านรับจ้างเปิดบัญชีม้า ดังต่อไปนี้

  1. ถูกดำเนินคดี ตาม พ.ร.ก.มาตรการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี พ.ศ.2566 มาตรา 9 ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 300,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
  2. ถูกดำเนินคดีตามฐานความผิดที่มิจฉาชีพนำบัญชีท่านไปใช้ ในฐานะเป็นตัวการร่วม หรือผู้สนับสนุนในการกระทำความผิด
  3. มีประวัติอาชญากรรรมติดตัว
  4. ถูกดำเนินคดีหลายท้องที่ ตามที่มิจฉาชีพได้นำไปใช้หลอกลวงผู้เสียหาย
  5. ถูกฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายทางแพ่งจากผู้เสียหาย
    ทั้งนี้ หากพี่น้องประชาชนเคยหลงเชื่อขายบัญชีธนาคาร หรือซิมโทรศัพท์มือถือให้กับบุคคลอื่นไปแล้ว ให้รีบไปติดต่อกับธนาคารเพื่อขอปิดบัญชีธนาคารดังกล่าวโดยเร็ว เพื่อหยุดวงจรฉ้อโกงออนไลน์ ที่สร้างความเสียหายให้กับพี่น้องประชาชน
    สุดท้ายนี้ หากพี่น้องประชาชนได้รับความเสียหายจากอาชญากรรมทางเทคโนโลยี สามารถแจ้งความร้องทุกข์ได้ที่ศูนย์รับแจ้งความออนไลน์ บนเว็บไซต์ www.thaipoliceonline.go.th หรือสายด่วน 1441 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

'บิ๊กต่อ' สั่งนครบาลสอบด่วน! ป้ายซื้อขายพาสปอร์ต ผิดจริงฟันแน่

'ผบ.ตร.' สั่งตรวจสอบที่มาของป้ายโฆษณาภาษาจีน รับทำหนังสือเดินทาง-ขอสัญชาติต่างๆ กำชับ สตม. ตรวจสอบ คัดกรองคนต่างด้าว เจอกระทำผิดฟันตามกฎหมายทุกมิติ

กลุ่มไลน์ตร.เฮลั่น! 'รองผกก.สอบสวน' ชี้ชัด ม.131 ให้ตร.ออกจากราชการไว้ก่อนได้ แยกอิสระกับ ม.120

'พ.ต.ท.สุริยา' เผยกลุ่มไลน์ตร.เฮลั่น! หลังมติก.ตร.ให้ 'โจ๊ก' ออกจากราชการไว้ก่อนชอบด้วยกม. ชี้ชัดม.131 กับ ม.120 แยกอิสระต่อกัน ถ้าทุกกรณีต้องฟังกก.สอบสวนก่อน จะมีมาตรา 131 ไว้ทำไม ที่มีปัญหาเมื่อคนมีกองเชียร์เยอะ โดยเฉพาะนักกฎหมายศรีธนญชัย-อัยการคนใต้

'บิ๊กต่าย' ไม่หวั่นตายเดี่ยว พร้อมรับทุกอย่าง ยันเซ็นปลด 'โจ๊ก' ยึดหลักสุจริต

'บิ๊กต่าย' ลั่นไม่คิดโดนเช็กบิล หลัง 'โจ๊ก' จ่อยื่น ป.ป.ช. ยันเซ็นปลดสุจริต ย้ำหากเกิดอะไรขึ้นพร้อมน้อมรับ ร้องโอ้โห ไม่เคยคิดนั่ง 'ผบ.ตร.' ไม่หวั่นตายเดี่ยว ยกธรรมะเข้าสู้

ไร้เงา ‘บิ๊กต่อ’ ประชุม ผบ.เหล่าทัพ ‘รองต่าย’ ยันสถานการณ์ ตร.ไม่มีอะไรทุกคนต้องทำงาน

พล.ต.อ.กกิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ(รองผบ.ตร.) ได้เดินทางมายังอาคาร กองบัญชาการกองทัพอากาศเพื่อเข้าร่วมประชุมผู้บัญชาการเหล่าทัพ

จับบัญชีม้า ลวงอดีตผู้ว่ารัฐวิสาหกิจลงทุนเทรดเหรียญคริปโต สูญกว่า 20 ล้านบาท

พ.ต.อ.พิเชียรยศ อรุณพันธกุล ผกก.กก.1 บก.สอท.1 ส่งกำลังชุดสืบสวน นำโดย พ.ต.ท.กฤชณัท เหล่ากอ รอง ผกก.กก.1 บก.สอท.1 เข้าร่วมจับกุมตัว นางสาวกัญญาณัฐ ทองจำรัส อายุ 23 ปี ตามหมายจับศาลอาญา ในข้อหา“ร่วมกันฉ้อโกงโดยแสดงตนเป็นบุคคลอื่นและร่วมกันโดย