'ทนายตั้ม' พาพยานสำคัญ 2 ปาก ให้ข้อมูลเก็บส่วยเว็บพนันจ่ายตำรวจ

ทีมแม่บ้านเก็บส่วยให้การตำรวจ สน.เตาปูน “ทนายตั้ม” อ้างสำนึกผิดเก็บเงินส่ง”บิ๊กตำรวจ”ร้อยล้านต่อเดือน แต่เหลือเงินเพียง 1- 2 หมื่นต่อเดือน

5 เม.ย.2567 - ที่สน.เตาปูน ภายหลังการเข้าให้ปากคำกว่า 2 ชั่วโมง นายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือทนายตั้ม ออกมาเปิดเผยกับสื่อมวลชนว่า โดยพยานทั้ง 3 ปากถือเป็นพยานสำคัญ รวมถึงตนในฐานะผู้กล่าวหา สำหรับสายลับ เป็นทีมแม่บ้านของตำรวจ ซึ่งเป็นทีมงานจ่ากอล์ฟ เป็นบุคคลที่รู้ว่าจ่ายส่วยให้กับบุคคลใดบ้าง ที่ห้องไหน ใครเป็นคนเก็บเงิน ถือเป็นทีมที่เก็บเงินส่วยได้มากที่สุดไม่ต่ำกว่า 8-9 ล้านต่อเดือน

ส่วนปากที่ 2 น.ส.พิมพ์วิไล เป็นคนจ่ายส่วยหรือตัวแทนจ่ายส่วยของเว็บพนัน ว่าจ่ายไปถึงใคร กี่หน่วยงาน ซึ่งตนจะนำไปเปิดเผยให้กับพนักงานสอบสวนทั้งหมด

หลังจากนี้ทางพนักงานสอบสวนจะต้องขอสเตทเมนท์เพื่อมาตรวจสอบว่ามีการโอนเงินกันจริงหรือไม่ และดูว่านายคชาชาญ และนายณัฐพงศ์ บัญชีม้านั้นมีรายได้จากส่วนไหน ทำไมถึงมีคนโอนเงินมาทีละหลายล้านต่อเดือน ซึ่งคาดว่าหลักฐานที่ตนนำมาให้ในวันนี้ ทางพนักงานสอบสวนจะออกหมายเรียกกลุ่มผู้ต้องหาได้

โดยในส่วนของสน.เตาปูน ที่ตนแจ้งความไว้มีทั้งหมด 4 ราย ส่วนคดีของ บก.ปปป. ซึ่งเป็นส่วยเกี่ยวกับการเก็บเงินส่วยทุกสายทั้งระบบ ซึ่งเชื่อว่าจะพบเจ้าหน้าที่ที่กระทำความผิดมากกว่านี้ โดยเฉพาะส่วนที่ตนเคยนำผังมาแถลงข่าวมีตำรวจชั้นประทวนและสัญญาบัตร กว่า 20 คนแล้ว

ทนายตั้ม กล่าวอีกว่า สำหรับสายลับทีมแม่บ้าน จะให้ข้อมูลทั้งหมดเพราะรู้จักบัญชีม้าของทุกทีม ซึ่งบางครั้งทีมเก็บเงินก็พลาดที่โอนไปบัญชีญาติหรือคนใกล้ชิด ส่วนคนที่เก็บเงินทุกทีมของคอมมานโด และ บช.สอท.ต้องเป็นผู้ต้องหาทั้งหมด ซึ่งตัวสายลับเองค่อนข้างกลัวเนื่องจากเมื่อวานนี้ 4 เม.ย.ต้องเข้าไปให้ข้อมูลที่ บก.ปปป. ซึ่งกลัวว่าจะถูกอุ้มไปก่อนบ้าง และมีความกังวล ตนจึงบอกว่าเมื่อเราเดินมาถึงขนาดนี้แล้วต้องนำความจริงเปิดเผยกับพนักงานสอบสวนไปให้หมด เพื่อให้คนผิดได้รับโทษทุกคน รวมถึงตัวสายลับต้องมีผลที่ตามมาเพราะเป็นหนึ่งในบัญชีที่ร่วมโอนเงิน และร่วมกระทำความผิดด้วยเช่นกัน โดยตัวสายลับก็พร้อมจะรับผลที่ตามมาและพร้อมให้ข้อมูลกับทางเจ้าหน้าที่

โดย น.ส.พิมพ์วิไล นั้นเป็นผู้เกี่ยวข้องเฉพาะพนันออนไลน์ของเว็บพนันวีนัส และบีเอ็นเค มาสเตอร์ ส่วนลายลับ เป็นคดีส่วยของ 18 ธุรกิจที่มีการเปิดเผยกับสื่อมวลชนไปก่อนหน้านี้ทั้งหมด โดยสายลับ เป็นผู้เก็บเงินทีม บช.สอท.และคอมมานโด จะมีข้อมูลแชท และสลิปเงินต่างๆที่ส่งให้ดาบยาว และส่งต่อให้รองฟาง

ทนายตั้มกล่าวอีกว่า ตัวสายลับเองรู้สึกสำนึกผิดเนื่องจากขณะไปเก็บเงินธุรกิจละ 500 บาท แต่ตัวสายลับเหลือเงินต่อเดือนเพียง 1-2 หมื่นบาท แต่ยอดที่เก็บมหาศาล จากหลายสาย เพื่อส่งให้คนอยู่บนสุด ต่อเดือนหลักร้อยล้านบาท จนคิดว่าไม่ต้องการทำให้คนใดคนนึง และทำให้ประชาชนเดือดร้อน ทำให้วันนี้จึงต้องนำมาเปิดเผย ยืนยันว่าไม่ได้มีการจ้างสายลับเพื่อมาให้ข้อมูลใด ๆ เนื่องจากตัวสายลับประสานมาที่ตน และตนเพียงออกค่าที่พักให้ เพราะตัวสายลับเพิ่งเข้ามาอยู่กรุงเทพฯได้ 3-4 วัน และไม่มีข่มขู่บังคับให้มาด้วย

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

'สนธิ' ร้องเรียนสภาทนายความ สอบมรรยาท 'ทนายษิทธา-ทนายเดชา'

ที่สภาทนายความ ถ.พหลโยธิน นายสนธิ ลิ้มทองกุล ผู้ก่อตั้งสื่อเครือผู้จัดการและเจ้าของรายการสนธิทอร์ค, นายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ พร้อม

ตร. เรียก 'เจ๊อ้อย' ให้ข้อมูลเพิ่ม 2 คดี 'ทนายตั้ม' วางแผนเป็นผู้จัดการมรดก-เงิน 39 ล้าน

พล.ต.ต.สุวัฒน์ แสงนุ่ม รอง ผบช.ก. กล่าวถึงความคืบหน้าคดีฉ้อโกงเงิน น.ส.จตุพร อุบลเลิศ หรือเจ๊อ้อย จำนวน 39 ล้านบาท ว่า ขณะนี้คดีมีความคืบหน้าไปมาก สอบปากคำพยานบุคคลต่างๆไปแล้วจำนวนหลายปาก รวมถึงสืบพบพยานหลักฐานสำคัญเพิ่มเติมหลายอย่าง

สาวไส้ 'ทนายตั้ม' เปลี่ยนพินัยกรรม ตั้งตัวเป็นผู้จัดการมรดก 'เจ๊อ้อย'

ที่กองบังคับการปราบปราม(บก.ป.) นายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ คณบดีวิทยาลัยการแพทย์แผนตะวันออก มหาวิทยาลัยรังสิต เดินทางเข้าให้ข้อมูลกับพนักงานสอบสวนในคดีที่ น.ส.จตุพร อุบลเลิศ หรือ เจ๊อ้อย แจ้งความดำเนินคดีกับ นายษิทรา เบี้ยบังเกิด ทนายความกับพวก ในข้อหาฉ้อโกง

ทนายตั้มมีข่าวดี! กกต.ยันอยู่บัญชีสำรอง สว.จนกว่าศาลตัดสิน

'แสวง' ยันทนายตั้มยังไม่ขาดคุณสมบัติ ยังอยู่ในบัญชีสำรองสว.ได้ จนกว่าศาลจะพิพากษา ส่วนคำร้องสว.หมอเกศ และคนอื่น รอสำนักงานมัดรวมสำนวนส่งกกต.ภายในพ.ย.นี้