'ทนายตั้ม' ไม่หวั่น 'บิ๊กต่อ' ขู่ฟ้องยันทำใจไว้แล้ว ลั่นมีข้อมูลมากกว่าที่แถลง

'ทนายตั้ม' ไม่หวั่น 'บิ๊กต่อ' ขู่ฟ้องยันทำใจไว้แล้ว แย้มมีข้อมูลมากกว่าที่แถลง ย้อนถาม'จรูญเกียรติ' เห็นเส้นเงินนี้นานแล้วไม่ดำเนินการสองมาตรฐานหรือไม่ ลั่นกลัวโดนเก็บเป็นเรื่องของโชคชะตา ตายไปถ้าสังคมเปลี่ยนแปลงยอมทำ

27 มี.ค.2567 - นายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือ ทนายตั้ม เลขาธิการมูลนิธิทีมงานทนายประชาชน เปิดเผยต่อถึงเจ้าหน้าที่ตำรวจระดับสูงรับส่วย โดยเฉพาะเว็ปพนันออนไลน์ที่ระบุเส้นเงินถึงคนใกล้ชิด พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผบ.ตร และทาง พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ เตรียมฟ้องกลับ ว่า เรื่องการฟ้องร้องทำใจไว้ก่อนว่าว่าจะต้องถูกฟ้องแน่ และไม่มั่นใจว่าจะมีอิทธิพลมือดอะไรมาอีก แต่เป็นเรื่องที่เตรียมใจไว้แล้วจึงไม่ได้กังวล ส่วนเรื่องเงินทอดกฐินจริงหรือเปล่าเวลทำบุญตัวเองเป็นเจ้าภาพอย่างที่วานนี้ตนแถลงไปเป็นเงิน 7 แสนบาท เมื่อคืนนอนไม่หลับตรวจพบเส้นเงินหนึ่ง จำนวน 199,998 บาทวันที่ 15 ธ.ค.65 ต่มาอีก 2 วันมีการจัดงาน พบว่าบัญชีท้าที่วิ่งไปเกี่ยวของกับ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ อีก และมีการโอนเข้าเครือญาติแล้วจะบอกไม่รู้ไม่เห็นได้อย่างไร

"บัญชีพวกนี้ก็เป็นบัญชีม้ารับส่วย รับเงินจากเว็ปพนัน เหตุผลใดที่ทำไม ผบ.ตร.ไม่ชี้แจ้งเงินจากบัญชีม้าจากส่วยเข้าบัญชีญาติ ทำไมไม่ชี้แจงมาให้ชัดเจน สังคมเขารอฟังอยู่"

นายษิทรา กล่าวว่า เส้นเงินจริงๆไม่ส่งถึงตัวพล.ต.อ.ต่อศักดิ์ แต่เป็นคนรอบข้าง เป็นการทำบุญต้องพิจารณาหรือเปล่า เพราะ การทำบุญ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ถ้าถูกดำเนินคดีต้องดำเนินคดีทั้งคู่ โดยบัญชีม้าที่ไปทำบุญที่วัดเป็นบัญชีม้าของณัฐพงษ์ มีการโอนให้พี่ชาย พี่สาว ภรรยาและตำรวจอีกหลายคน จริงๆตนไม่มีเรื่องอะไรไปทะเลาะกับ ผบ.ตร.ไม่จำเป็นต้องไปดิสเครดิตอะไร แต่เรื่องนี้ถือเป็นโอกาสดีของสังคม นายกฯมาบอกว่าไม่รับรู้ จริงๆแล้วนายกฯต้องรับรู้เรื่องนี้เป็นการดำเนินคดีคนระดับ ผบ.ตร. สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ตอนนี้เหมือนเป็นฝีร้ายเม็ดใหญ่ อยากให้นายกฯมาเป็นแพทย์ใหญ่มาฝ่าตัดให้ ถ้าทำสำเร็จต้องมีแต่คนสรรเสริญนายกฯแน่นอน เพราะรัฐบาลที่ผ่านมา ไม่เคยมีใครปฏิรูปตำรวจสำเร็จเลย เป็นโอกาสดีที่สังคมตื่นตัว ถ้านายกฯบอกไม่รับรู้ไม่ได้แล้ว

เมื่อถามถึงเส้นเงินที่ไปถึงญาติ ผบ.ตร.โดยเฉพาะพี่ชายที่มีหลายคน นายษิทรา ตอบว่า อย่างที่บอกไปเมื่อวานไม่ขอระบุตัวบุคคล แต่ขอระบุว่าไม่ใช่คนที่รับราชการอยู่ เป็นอีกคนถ้ามีการฟ้องร้องตนสามารถมีหลักฐานไปโต้แย้งได้ แต่ก่อนจะฟ้องตน สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ต้องไปตรวจสอบก่อน ซึ่งยังไม่รู้จะไปพึ่งใครได้ ตอนนี้อยากให้มีการดำเนินคดีกับ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ ใครจะกล้าทำ และในพรุ่งนี้(28 มี.ค.) จะไปหา พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก.ก็ยังไม่รู้ว่าถ้าถึงเวลาเข้าจะกล้าทำหรือเปล่า เพราะสายของตนก็กลัวว่าการที่จะเอาหลักฐานเอาไปให้ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ แล้วความปลอดภัยเขาจะเป็นอย่างไร ขอชื่นชมสังคมที่ออกมาชื่นชมความกล้าหาญของตนและจริงๆแล้วยากให้ขอบคุณกับสายมากกว่าที่กล้าออกมาสู้กับตนครั้งนี้

ถามต่อถึงประเด็นทนายตั้งมีความใกล้ชิดกับ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ เหมือนอยู่ในการครอบครองของเขา ทนายตั้ม บอกว่า ตนไม่ได้อยู่ในความครอบครองของเขา เป็นแค่คนรู้จัก ยอมรับว่าสนิทกัน แต่ไม่ได้บอกว่าให้ดำเนินคดีกับ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ เพียงคนเดียวแต่บอกว่าใครก็แล้วแต่ที่รับเงินส่วยต้องดำเนินคดี แต่ตอนนี้ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ เข้าสู่กระบวนการแจ้งข้อหา เรื่องไปถึง ป.ป.ช.แล้ว แต่ทาง ผบ.ตร.ยังไม่มีอะไรเกิดขึ้น อย่างที่ ผบ.ตร.แถลงเขาเห็นเส้นเงินเส้นนี้มานานแล้ว พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ก็เห็นแต่ยังไม่มีการดำเนินการ แบบนี้เรียกว่าสองมาตรฐานหรือเปล่า ยืนยันมีข้อมูลมากกวว่าทีเปิดเผยเมื่อวานนี้ (26 มี.ค.) จะเป็นอะไรยังไม่ขอเปิดเผย

"ถ้าไปยื่นที่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ แล้วไม่คืบหน้าจะไปยื่นที่นายกฯ ถ้านายกฯไม่สนใจจะไปหาผู้นำฝ่ายค้านไปหาที่พึ่งอื่น ในเมื่อประชาชนตื่นตัวแล้วถ้าผู้นำรัฐบาลไม่สนใจก็ไปพึ่งอีกฝ่าย ถ้าวันนี้ทำไม่สำเร็จวันหน้าก็ไม่มีโอกาสแล้ว คงจะหาใครที่โง่อย่างผมมาทำแบบนี้"

ผู้สื่อข่าวถามว่าไม่กลัวโดนเก็บในลิ้นชักเหรอ เขาตอบว่า “ผมอยากทำงานผมให้สำเร็จก่อนถ้าจะโดนเก็บในอนาคตก็เป็นเรื่องของโชคชะตา” สื่อแจงว่า เก็บในลิ้นชักไม่ได้เก็บแบบนั้น ทนายตั้มยิ้มแล้วบอกว่าไม่รู้เหมือนกัน

ถามต่อว่า พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ รรท.ผบ.ตร.ระบุว่า ใครพูดต้องรับผิดชอบคำพูดตัวเอง ทนายตั้ม ระบุว่า ตนรับผิดชอบอยู่แล้ว ตนรู้วาต้องถูกดำเนินคดีแน่นอน แต่ตนมีเส้นเงินไม่ได้กล่าวหาลอยๆอยากให้มีการตรวจสอบ

เมื่อถามต่อหลังการแถลงกลัวอิทธิพลมืดหรือไม่ เขากล่าวว่า ตนก็ระวังตัวแต่ยังไม่มีจะมาทำร้าย แต่การออกมาสู้กับคนระดับนี้ไม่ต้องกลัวที่จะถูกทำร้าย ถ้าโลกลืมไปแล้วก็มีโอกาสเกิด ตนต้องรับในสิ่งที่ตนตัดสินใจแล้ว วันนี้ตัดสินใจออกมาแฉส่วยตำรวอยากให้สังคมตื่นตัว อนาคตอย่างที่บอกถ้าจะถูกลอบทำร้ายจะตายไปถ้าสังคมเปลี่ยนแปลง ตนตัดสินใจแล้วว่าตนยอม

"ผมเคยบอกเสมอว่าผมไม่ใช่คนดี ถ้าผมออกมาแฉอะไรก็จะถูกแฉกลับทุกครั้ง คราวนี้ก็แล้วแต่เลยถ้าจะออกมาทำอะไรพร้อม ข้อต่างๆที่จะตามมาพร้อมสู้ในศาล ที่มีการกล่าวอ้างว่าผมรับเงินมาทำเรื่องนี้ ถึงจะได้เงินมา 20-30 ล้าน ก็ไม่คุ้ม ถ้าถูกดำเนินสัก 10 คดี ค่าใช้จ่ายเท่าไหร่ เสียเวลา ถ้าเป็นข้อมูลปลอมก็ติดคุกอีก ที่ออกมาเพราระมั่นใจแล้วข้อมูลของแท้โยงใยไปถึง ผบ.ตร. ทั้งเรื่องคนใกล้ชิดและบริวาณทั้งหมด"นายษิทรา กล่าว

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

'สนธิ' ร้องเรียนสภาทนายความ สอบมรรยาท 'ทนายษิทธา-ทนายเดชา'

ที่สภาทนายความ ถ.พหลโยธิน นายสนธิ ลิ้มทองกุล ผู้ก่อตั้งสื่อเครือผู้จัดการและเจ้าของรายการสนธิทอร์ค, นายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ พร้อม

ตร. เรียก 'เจ๊อ้อย' ให้ข้อมูลเพิ่ม 2 คดี 'ทนายตั้ม' วางแผนเป็นผู้จัดการมรดก-เงิน 39 ล้าน

พล.ต.ต.สุวัฒน์ แสงนุ่ม รอง ผบช.ก. กล่าวถึงความคืบหน้าคดีฉ้อโกงเงิน น.ส.จตุพร อุบลเลิศ หรือเจ๊อ้อย จำนวน 39 ล้านบาท ว่า ขณะนี้คดีมีความคืบหน้าไปมาก สอบปากคำพยานบุคคลต่างๆไปแล้วจำนวนหลายปาก รวมถึงสืบพบพยานหลักฐานสำคัญเพิ่มเติมหลายอย่าง

สาวไส้ 'ทนายตั้ม' เปลี่ยนพินัยกรรม ตั้งตัวเป็นผู้จัดการมรดก 'เจ๊อ้อย'

ที่กองบังคับการปราบปราม(บก.ป.) นายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ คณบดีวิทยาลัยการแพทย์แผนตะวันออก มหาวิทยาลัยรังสิต เดินทางเข้าให้ข้อมูลกับพนักงานสอบสวนในคดีที่ น.ส.จตุพร อุบลเลิศ หรือ เจ๊อ้อย แจ้งความดำเนินคดีกับ นายษิทรา เบี้ยบังเกิด ทนายความกับพวก ในข้อหาฉ้อโกง

ทนายตั้มมีข่าวดี! กกต.ยันอยู่บัญชีสำรอง สว.จนกว่าศาลตัดสิน

'แสวง' ยันทนายตั้มยังไม่ขาดคุณสมบัติ ยังอยู่ในบัญชีสำรองสว.ได้ จนกว่าศาลจะพิพากษา ส่วนคำร้องสว.หมอเกศ และคนอื่น รอสำนักงานมัดรวมสำนวนส่งกกต.ภายในพ.ย.นี้