ตายตกไปตามกัน! 'ทนายตั้ม' แฉเส้นเงินโยง 'บิ๊กตำรวจ-3 หน่วยงาน' เก็บส่วยเว็บพนัน

"ทนายตั้ม​" แฉเส้นเงินโยง​ พล.ต.อ. "ต" รับส่วยเว็บพนัน โชว์เอทีเอ็มโอนบัญชีญาติ เปิดโปง 3 หน่วย บก.ปคม,คอมมานโด, ตำรวจไซเบอร์ ตีตั๋วส่วย 18 ธุรกิจสีเทา ปัดรับงานบิ๊กโจ๊ก เตรียมนำหลักฐานมอบให้ "บิ๊กเต่า" ดำเนินคดี

26​ มี.ค.2567 - ที่ Sittra Law Firm นายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือทนายตั้ม เปิดโปงขบวนการส่วยของกองบังคับการปฏิบัติการพิเศษ(คอมมานโด) ,กองบังคับการปราบปรามการค้ามนุษย์ (บก.ปคม.) และกองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี(บช.สอท.) ที่มีคนสนิทของบิ๊กตำรวจเกี่ยวของด้วย

นายษิทรา กล่าวว่า เรื่องดังกล่าวนั้น มี​ 3​ ตัวละครหลักๆที่จะมาพูดถึงในวันนี้ได้เเก่ ด.ต.อภิชาต ผบ.หมู่ กก.1 บก.สอท.2​ (ดาบยาว) มีหน้าที่รวบรวมข้อมูลของทุกทีมเก็บส่วย, พ.ต.ท.สุรกุล รอง ผกก. กก.วิเคราะห์ข่าวฯ บก.สอท 2 (รองฝาง) คนสนิทผบ.ตร. และ พล.ต.อ. ต โดยก่อนหน้านี้นั้นทาง พล.ต.อ. ต มีหน้าที่รับผิดชอบหน่วยงานในการดูเเลเเค่ 2 หน่วยงาน ได้เเก่ คอมมานโด และบก.ปคม. และภายหลัง พล.ต.ท.กรไชย คล้ายคลึง หรือ บิ๊กเเจง มีการนำคนของตนเองไปอยู่ที่ บช.สอท. และได้เลื่อนขึ้นไปเป็นตำแหน่งผู้ช่วย ผบ.ตร.

โดยการส่งคนของพล.ต.อ. "ต" เข้าไปดูแลงานใน สอท. แทนนั้นซึ่งมีผลประโยชน์มากมายมหาศาล เนื่องจากมีความเกี่ยวข้องกับเว็บไซต์พนันออนไลน์ทั้งในและต่างประเทศ ทำให้ขณะนี้มี 3 หน่วยงานภายใต้ดูแล ได้แก่ กองบังคับการปราบปรามการค้ามนุษย์ (บก.ปคม.) กองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (สอท.) และ กองบังคับการปฏิบัติการพิเศษ (คอมมานโด) ซึ่งทั้ง 3 หน่วยงานนี้มีการตีตั๋ว เรียกรับส่วย จาก 18 ธุรกิจสีเทา ได้เเก่ 1.เว็บพนัน 2.บ่อนการพนัน (ไฟ่,ไฮโล,กิไก่) 3. เงินกู้ไทย-แขก 4.หวยใต้ดิน 5.สถานบันเทิง สถานบริการผับ 6.ร้านนวดที่แฝงขายบริการ 7.อาบ อบ นวด 8.โรงซาวน่า 9.ร้านเหล้าที่มี PR 10.บุหรี่ไฟฟ้า 11.บุหรี่หนีภาษี 12.ตลาดนัด เลียบด่วน ตลาดนัด ตลาดไท 13.สถานประกอบการที่มีแรงงานต่างด้าวทำงาน ที่แอบเพิ่มแรงงานที่ไม่มีบัตร 14.จุดคอกรับซื้อน้ำมันเถื่อน โคมแดงข้างทาง 15.น้ำมันเขียวที่รัฐช่วยชาวประมง แต่จะมีเจ้าใหญ่ๆไม่กี่เจ้าที่ทำเป็นยี่ปั๊ว 16.โต๊ะสนุ๊กเกอร์ 17.หัวหน้าแขกที่เอาแขกมาขายถั่วโรดี 18.คนขายยาเซ็กซ์ และ มีเพศสัมพันธ์ไลฟ์สดเพื่อขายยาเซ็กซ์

ซึ่งจะแบ่งพื้นที่ออกเป็นสาย รวม 5 ภูมิภาคทั่วประเทศไทย แต่ละสายจะมีหัวหน้าชุดหรือเรียกว่า ”แม่บ้าน“ เป็นจ่าตำรวจและดาบตำรวจ ทำหน้าที่เก็บรวบรวมส่วยผ่านบัญชีม้า รวม 3 บัญชีหลัก ได้แก่ บัญชีชื่อนายณัฐพงค์ (สงวนนามสกุล) และบัญชีชื่อนายมงคล (สงวนนามสกุล) ซึ่งมี ดาบยาว เป็นผู้ดูแล ส่วนบัญชีชื่อนายคชาชาญ (สงวนนามสกุล) มี “รองฟาง“ เป็นผู้ดูแลนอกจากนี้ ยังมีบัญชีอื่นๆ ด้วย ซึ่งบางบัญชีพบว่า เจ้าของบัญชีเสียชีวิตไปแล้ว คือบัญชีชื่อนายสำฤทธิ์ (สงวนนามสกุล) แต่ยังคงมีการทำธุรกรรมอยู่

โดยแม่บ้านแต่ละสาย จะรวบรวมส่วยทั้งหมดที่ได้ส่งต่อไปยังบัญชีม้าที่ใช้ชื่อว่า “มงคล” กับ “ณัฐพงค์” จากนั้นจะมีการโอนเงินจากทั้ง 2 บัญชีส่งไปยังบัญชีม้าที่ชื่อ “คชาชาญ” ก่อนจะโอนเงินต่อไปยังบัญชีภรรยาของ “รองฟาง” อีกทอด รวมถึงมีการโอนเงินไปยังบัญชีที่ใช้นามสกุล “ส” ซึ่งเป็นภรรยา,พี่สาว และพี่ชาย ของ พล.ต.อ. "ต" แต่ละสายจะส่งยอดส่วยเดือนละ 8-9 ล้านบาท และหลังจากนั้นจะรวบรวมส่งไปยังระดับสูงสุด รวมเดือนละกว่า 100 ล้านบาท

นอกจากนี้ เส้นทางการเงินยังพบว่ามีการโอนต่อไปยังนักข่าวที่ประจำอยู่กองบังคับการปราบปราม สมาคมผู้สื่อข่าวและช่างภาพอาชญากรรมแห่งประเทศไทย สมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย

นายษิทรา ยังเปิดเผยเกี่ยวกับเส้นเงินของบัญชีม้าที่ชื่อนายคชาชาญอีกว่า เมื่อวันที่ 12 พฤศจิกายน 2566 มีการโอนเงิน 500,000 บาท และ 200,0000 บาท รวมเป็น 700,000 บาท เข้าบัญชีทอดกฐิน สร้างวิหารวัดนครอินทร์ ซึ่งมีชื่อ พล.ต.อ. "ต" เป็นประธานในพิธีด้วย

นายษิทรา ยังยืนยันอีกว่า ในการนำข้อมูลมาเปิดเผยครั้งนี้ ไม่ได้รับงานใครมาและไม่ได้มีใครอยู่เบื้องหลัง แต่ต้องการให้สังคมรับรู้ข้อมูล แม้จะรู้ว่าอาจได้รับอันตรายจากการออกมาเปิดเผย แต่ยอมรับว่า ก่อนจะมีการแถลวข่าว ได้มีนายตำรวจใหญ่ติดต่อมาเพื่อขอทราบข้อมูล แต่ไม่ได้ขอให้ยกเลิกการแถลงข่าว รวมถึงพล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ก็โทรศัพท์มาขอให้ยกเลิก เนื่องจากเกรงว่าจะส่งกระทบทำให้ไม่ได้กลับเข้าสำนักงานตำรวจแห่งชาติ แต่ตนเองยืนยัน จะนำข้อมูลมาเปืดเผย

ทั้งนี้ ในระหว่างการแถลงข่าว ทนายตั้มยังได้ติดต่อไปยัง พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผบช.ก. เพื่อประสานนักหมาย นำเอกสารหลักฐารทั้งหมดเข้าแจ้งความในวันพฤหัสบดี ที่ 28 มีนาคม เวลา 11.00 น.

อย่างไรก็ตาม หากนายเศรษฐา ทวีวิน นายกรัฐมนตรีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ได้เห็นการแถลงข่าวและเห็นว่าข้อมูลที่นำมาเปิดเผนมีประโยชน์ ต้องการขอข้อมูลเพิ่มเติม ก็ยินดีจะเข้าไปพบด้วย

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

'สนธิ' ร้องเรียนสภาทนายความ สอบมรรยาท 'ทนายษิทธา-ทนายเดชา'

ที่สภาทนายความ ถ.พหลโยธิน นายสนธิ ลิ้มทองกุล ผู้ก่อตั้งสื่อเครือผู้จัดการและเจ้าของรายการสนธิทอร์ค, นายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ พร้อม

'บิ๊กต่าย' สั่งสอบ 'พ.ต.ต.' อาจารย์โรงเรียนนายร้อยตำรวจ กระทำอนาจาร

พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ  (ผบ.ตร.) เปิดเผยกรณีเพจดังเผยแพร่ข้อมูลระบุว่า มีนักเรียนนายร้อยตำรวจ ถูกอาจารย์ของโรงเรียนนายร้อยตำรวจ และสารวัตร (สอบสวน) สังกัดกองบัญชาการตำรวจนครบาล

มาแล้ว! ศาลปกครอง ร่อนเอกสารชี้แจงปม 'บิ๊กโจ๊ก' ยังไม่มีคำพิพากษาใดๆ

ศาลปกครอง เผยแพร่เอกสารชี้แจง กรณีที่มีสื่อมวลชนนำเสนอผลการพิจารณาคดีของศาลปกครองสูงสุด ในคดีที่พลตำรวจเอก สุรเชษฐ์ หักพาล ยื่นฟ้องขอเพิกถอนคำสั่งสำนักงานตำรวจแห่งชาติที่ให้ผู้ฟ้องคดีออกจากราชการไว้ก่อน นั้น

ตร. เรียก 'เจ๊อ้อย' ให้ข้อมูลเพิ่ม 2 คดี 'ทนายตั้ม' วางแผนเป็นผู้จัดการมรดก-เงิน 39 ล้าน

พล.ต.ต.สุวัฒน์ แสงนุ่ม รอง ผบช.ก. กล่าวถึงความคืบหน้าคดีฉ้อโกงเงิน น.ส.จตุพร อุบลเลิศ หรือเจ๊อ้อย จำนวน 39 ล้านบาท ว่า ขณะนี้คดีมีความคืบหน้าไปมาก สอบปากคำพยานบุคคลต่างๆไปแล้วจำนวนหลายปาก รวมถึงสืบพบพยานหลักฐานสำคัญเพิ่มเติมหลายอย่าง

สาวไส้ 'ทนายตั้ม' เปลี่ยนพินัยกรรม ตั้งตัวเป็นผู้จัดการมรดก 'เจ๊อ้อย'

ที่กองบังคับการปราบปราม(บก.ป.) นายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ คณบดีวิทยาลัยการแพทย์แผนตะวันออก มหาวิทยาลัยรังสิต เดินทางเข้าให้ข้อมูลกับพนักงานสอบสวนในคดีที่ น.ส.จตุพร อุบลเลิศ หรือ เจ๊อ้อย แจ้งความดำเนินคดีกับ นายษิทรา เบี้ยบังเกิด ทนายความกับพวก ในข้อหาฉ้อโกง

นายกฯ ถึงไทย ‘บิ๊กต่าย’ เข้ารายงานปมร้อน จัดโผแต่งตั้ง รองผบ.ตร- ผบช. 20 พ.ย.นี้

พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) ได้เข้ารายงานนายกฯถึงการประชุมคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ (ก.ตร.) ครั้งที่10/2567 ในวันที่ 20 พ.ย.นี้ เวลา 14.30 น.