ศาลอนุมัติหมายจับ 3 บิ๊กตำรวจ-พลเรือน ออกหมายเรียก 'พล.ต.อ.' พันเว็บพนัน


รอง ผบช.น. บุกยื่นคำร้องขอออกหมายจับ "บิ๊กตำรวจ" กับพวก 5 รายพัวพันเว็บพนัน BNKMaster ศาลอาญาประชุมเข้มพบเส้นเงินโยงครบทุกคน ก่อนออกหมายจับ 4 ราย ส่วนนายตำรวจใหญ่ให้ออกหมายเรียกก่อน "ทินกร" ยันไม่กดดันเพราะทำตามกฎหมาย

12 มี.ค.2567 - ที่ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก พล.ต.ต.ทินกร รังมาตย์ รอง ผบช.น.เดินทางมายื่นคำร้อง ขอออกหมายจับกลุ่มนายตำรวจระดับสูง ในความผิดฐาน สมคบกันกระทำความผิด ฐานฟอกเงินและ เป็นเจ้าพนักงานร่วมกันฟอกเงิน ตามที่สมคบกัน ตามพรบป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ.2542 มาตรา 5,9,10

จากการการสืบสวนสอบสวนเส้นเงินที่เชื่อมจาก คดีที่ สน.เตาปูน ได้เคยขออนุมัติหมายจับ คดีเว็บการพนัน ที่4543-4547/2566 ของศาลอาญา ไว้แล้ว ต่อมาได้จับกุมตัว ผู้ต้องหาบางคนได้ และมี นางพิมพ์ (ชื่อสมมติ) เป็นผู้จัดการเว็บ BNKMaster จึงมีการมาขยายผลเเละมาร้องขอออกหมายจับในครั้งนี้

ต่อมาเวลา 14.30 น. ภายหลังยื่นคำร้องพล.ต.ต.ทินกร ตอบคำถามผู้สื่อข่าวยอมรับว่ามีการขอออกหมายจับกลุ่มนายตำรวจพัวพันเว็บพนันจริง โดยวันนี้ศาลอนุญาตออกหมายจับ ผู้ต้องหาจำนวน4 ราย เเยกเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ 3 รายเเละพลเรือน 1 ราย ส่วนนายตำรวจอีก1 คนให้ออกหมายเรียกก่อน เเต่ไม่ขอระบุว่าเป็นใคร พร้อมยอมรับว่าในส่วนนายตำรวจที่ถูกออกหมายเรียกเป็นนายตำรวจระดับนายพล ส่วนอีก3 คนไม่มีตำรวจระดับนายพลพร้อมระบุว่าการมาขอออกหมายจับครั้งนี้ไม่กดดันเพราะเราทำตามกฎหมาย

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าสำหรับการยื่นขอออกหมายจับในวันนี้ ข่าวว่า ผู้พิพากษาศาลอาญามีการประชุมก่อนมีคำสั่ง พบว่า เส้นทางการเงินโยงถึงผู้ต้องหาทั้ง 5 คน จึงอนุญาตออกหมายจับให้ 4 คน เว็บ BNKMaster แต่เนื่องจากมี 1 ราย เป็นข้าราชการตำรวจชั้นผู้ใหญ่ระดับพล.ต.อ.จึงให้ออกหมายเรียกแทน

โดยจากการตรวจสอบพบว่า เว็บพนันนี้เป็นเว็บที่ทำกำไรเงินหมุนเวียนหลักหลายล้านบาท เจ้าหน้าที่ตำรวจใช้หมายจับศาลอาญา บุกจับ นางพิมพ์กับพวก ได้พร้อมของกลาง รวมทั้งสมุดบัญชีอีกหลายเล่ม

ซึ่งเป็นบัญชีที่ใช้ บริหารจัดการเว็บ และ มีเส้นเงิน คาดว่าเป็นกำไร โอนเข้าให้พ่อบ้านของนายตำรวจใหญ่ ซึ่งพ่อบ้านนั้นนั้นถูกแจ้งข้อหาฐานสมคบกันฟอกเงิน และฟอกเงิน ฯไปแล้ว

จากการตรวจสอบเส้นเงินของบัญชีม้า(ม้าอีกตัว) ที่พ่อบ้านใช้ พบว่า เส้นเงินเชื่อมไปยัง ค่าใช้จ่ายอื่นๆ ส่วนตัวหลากหลาย ทั้งบุคคลในครอบครัวและของตนเอง หลักหลาน ล้านบาท ตามที่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว นายตำรวจคนดังเคยให้สัมภาษณ์ไว้ ทั้งมีกรมธรรม์ในหลายบริษัท หลายฉบับ ที่ออกมาจากเส้นเงินนี้ รวมทั้งเงินที่บริจาคเข้าวัด และออกใบอนุโมทนาบัตร ในงาน ถวายผ้าพระกฐินพระราชทาน จากเส้นเงินนี้ จึงล้วนแต่เป็นค่าใช้จ่ายส่วนตัว จำนวนมหาศาล แต่ยังไม่พบมีการโอน ไปจ่ายแก่ตำรวจเช่นคดีอื่น แต่เป็นเส้นส่วนตัว ครอบครัว และบริจาค


‘ตรงนี้ค่อนข้างเสี่ยง อาจจะพิจารณาเอา’

จากการสอบสวนยังพบว่าเส้นเงิน บัญชีม้าหญิง ที่พ่อบ้านถือนี้ เป็นเส้นที่ใช้จ่ายรองรับดูแล ส่วนตัวเป็นค่าเครื่องบินให้กับชุด เจ้าพนักงาน ปปช จำนวนหลายคน ที่กำลังเป็นข่าวอยู่ในขณะนี้ด้วย และ ยังพ่วงจ่ายค่าเครื่องให้แฟน ของเจ้าหน้าที่ ปปช.ในเที่ยวบินนี้ด้วย ซึ่งเห็นว่าอยู่ในระหว่างสืบสวนของ บก.ปปป

ส่วนแฟนของเจ้าหน้าที่ ปปช.ที่พ่วงไปดังกล่าว ปัจจุบันพบว่า หลังจาก กลับจากนั่งเครื่องเที่ยวบิน จากเส้นเงินบัญชีม้าหญิงนี้แล้ว ได้บรรจุเป็นข้าราชการตำรวจ ในสังกัดสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ปัจจุบันทำงานอยู่เป็นนายตำรวจในกองบัญชาการแห่งหนึ่ง

ทั้งนี้ เส้นเงินที่พัวพันท่อน้ำเลี้ยงนี้ ไม่มีจ่ายตรง นายตำรวจคนดังแม้แต่บาทเดียว แต่พบพยานหลักฐาน ที่เป็นการฟอกเงินเพื่อปกปิดแหล่งที่มา โดยโอนจากเส้นเงินม้าหญิงนี้ ไปยังผู้อื่น วัด บริษัทต่างๆ หลายร้อยครั้ง รวมเกินกว่าสิบล้านบาท

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

นอนคุกต่อ! ศาลอุทธรณ์ไม่ให้ประกัน 'แยม ธมลพรรณ์' ฟอกเงินเว็บพนัน

ศาลอาญา มีคำพิพากษาคดีเว็บพนัน และฟอกเงินหมายเลขดำ ที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีพิเศษ 5 เป็นโจทก์ฟ้อง น.ส.ธมลพรรณ์ ประเสริฐวิทย์ หรือ แยม อดีตดารานักเเสดงชื่อดังกับพวก ในความผิดฐานร่วมกันเพื่อ

ศาลตัดสินจำคุก 5 ปี อดีตนางเอก 'แยม ธมลพรรณ์' ส่วนสามีโดน 20 ปี คดีเว็บพนัน-ฟอกเงิน

ศาลอาญาสั่งจำคุก 5 ปี แยม ธมลพรรณ์ อดีตนักแสดงละครจักรๆวงศ์ๆ ส่วนสามี ภูมิพัฒน์ โดนคุก 20 ปี เปิดเว็บพนัน ฟอกเงินอื้อ ส่วนจำเลยอื่นรับโทษลดหลั่นไป ยกฟ้อง 1 คน หนีประกัน 2 คน

'บิ๊กต่อ' ยืนยันไม่กดดันพนักงานสอบสวน สน.เตาปูน ทำคดีเว็บพนัน

พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) กล่าวถึงกรณี นายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือทนายตั้ม แจ้งความดำเนินคดีว่าเกี่ยวข้องกับเว็บพนันออนไลน์ในพื้นที่ สน.เตาปูน ว่า เรื่องดังกล่าวให้เป็นไปตามกร

ล้อมคอกโจรไซเบอร์ เดินหน้า 'ปอง.2'

อสส. เปิด ปอง. 2  เดินหน้าพัฒนาศักยภาพบุคลากร รับมือรับมืออาชญากรรมเทคโนโลยีที่ทันสมัยขึ้น  ชี้เป็นหลักสูตรติดอาวุธทางปัญญาที่สำคัญในการต่อต้านการฟอกเงินและอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ที่สร้างความเสียหายให้ประเทศ