ศาลออกหมายจับ 'ไอ้นาย ท้าวโคตร' อดีตสามีจอมอำมหิตฆ่า 'น้องสา' อินฟูลเอนเซอร์สาวชาวเมียนมาร์

12 มี.ค.2567- จากกรณีที่ นางสา หรือ “น้องสา” ยุ 32 ปี นางสา (THUZAR AUNG) สัญชาติเมียนมาร์ ที่ทำงานเป็นพนักงานชงกาแฟอยู่ห้างนครดีซี อ.เมืองนครศรีธรรมราช และยังเป็นอินฟูลเอนเซอร์สาวจำหน่ายสินค้าประเภทครีมบำรุงผิวทางออนไลน์ ซึ่งได้หายตัวออกไปจากหอพักตั้งแต่วันที่ 3 มีนาคมที่ผ่านมา หลังจากมีหลักฐานจากวีดีโอวงจรปิดว่าขับรถจักรยานยนต์บิ๊กไบด์ ไปบ้านนายพิทญา บุญญัติศักดิ์ หรือ “นาย ท้าวโคตร” ซึ่งเป็นพ่อหม้ายลูกติดและเป็นอดีตสามี ซึ่งอยู่ในบริเวณวัดท้าวโคตร ต.ในเมือง อ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช และพบว่าก่อนหายตัวไปนั้นวงจรปิดพบว่านายพิทญา หรือ “นาย ท้าวโคตร” อดีตสามีขับรถบิ๊กไบด์ของนางสา หรือน้องสา ไปจอดหน้าบ้านเช่าของเพื่อน ๆ น้องสา ที่ซอยมิตรสัมพันธ์ ต.คลัง อ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช ก่อนว่าจ้างรถ จยย.รับจ้างไปส่งที่ บ.ข.ส.นครศรีธรรมราช และโดยสารรถบัสเดินทางไป จ.ภูเก็ต

จนกระทั้งเมื่อเวลา 11.30 น.วานนี้ (11 มี.ค.) ได้พบศพน้องสา ถูกฆ่าก่อนนำศพไปทิ้งในบ่อน้ำภายในกุฏิร้างข้างตลาดวัดท้าวโคตร ภายในวัดท้าวโคตร ทางเจ้าหน้าที่กู้ภัยต้องระดมกำลังและอุปกรณ์กู้ศพขึ้นจากบ่อนำร้างขึ้นมาได้อย่างทุลักทุเลใช้เวลา 3 ชม. คาดว่าเสียชีวิตมาแล้วอย่างน้อย 7 วัน และเชื่อว่านายพิทญา บุญญัติศักดิ์ หรือ “นาย ท้าวโคตร” จะเป็นฆาตกรอำมหิตฆ่าน้องวาก่อนชิงเอาทรัพย์เงินสดและสร้อยคอทองคำ ก่อนหลบไปไป ตามที่ได้เสนอข่าวไปแล้วนั้น

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าการชันสูตรพลิกของแพทย์และตำรวจพิสูจน์หลักฐานพบว่าศพน้องสา ขึ้นอืดเต็มที่และมีบาดแผลที่คาดว่าถูกแทงด้วยมีดปลายแหลมที่ลำคอ และลำตัวรวม 3 แผล จนเสียชีวิต จากนั้นจึงถูกฆาตกรปลดเอาทรัพย์สินก่อนจะนำจีจรเก่า ๆ ของพระสงฆ์มาห่อศพน้องสาก่อนนำไปโยนทิ้งในบ่อร้างภายในกุฏิร้างวัดท้าวโตคร จึงสั่งการให้พนักงานสอบสวนรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อเสนอขอออกหมายจับนายพิทญา บุญญัติศักดิ์ หรือ“นาย ท้าวโคตร”อดีตสามีน้องสา ซึ่งจากการตรวจค้นบ้านของนายพิทญา หรือ “นาย ท้าวโคตร” ที่อยู่ห่างจากจุดที่พบศพแค่ 30-40 เมตร พบเอกสารที่เกี่ยวข้องกับการที่ นายพิทญา หรือ “นาย ท้าวโคตร”และคนในครอบครัวหยิบยืมเงินของน้องสา ผู้ตายรวมหลายหมื่นบาท

ซึ่งจากการรวบรวมภาพยังพบกล้องวงจรปิดของเทศบาลนคร นครศรีธรรมราช ในแต่ละจุดตั้งแต่วันที่ 3 มี.ค.2567 เริ่มจากการที่น้องสาขับรถบิ๊กไบด์ ออกจากที่ทำงานร้านกาแฟศูนย์การค้านครดีซี กลับมาหองเช่าในซอยศรีนคร ก่อนจะเปลี่ยนรถบิ๊กไบด์คาบูติ สีชมพูออกจากบ้านผ่านจุดต่าง ๆ จำนวน 14 ตัว โดยตัวสุดท้ายเวลา 18.34 น. บริเวณสามแยกหัวท่า ซึ่งในบริเวณนี้จะเป็นจุดสุดท้ายที่กล้องวงจรปิดสามารถจับภาพนางสาได้ โดยจุดนี้จะอยู่ห่างจากบ้านของนายพิทญา บุญญัติศักดิ์ หรือ “นาย ท้าวโคตร” อดีตสามี ผู้ต้องสงสัยหรือ ระยะทางเพียง 260 เมตรเท่านั้น

นอกจากนี้ในวันที่ 4 มีนาคม 2567 เวลาประมาณ 10.25.57 น. กล้องวงจรปิดจับภาพนายพิทญา หรือ “นาย ท้าวโคตร” อดีตสามีสวมเสื้อแขนยาวสีแดง กางเกงขายาวสีดำ สวมหมวกกันน็อคแบบเต็มใบสีดำ ขับขี่รถจักรยานยนต์ยี่ห้อเบลเนลี่ สีชมพู หมายเลขทะเบียน 6กฮ 3105 กทม. ออกมาจากสามแยกประปา ผ่านถนนหลังพระธาตุ เวลา 10.26.14 น. ผ่านตลาดท่าชี เวลา 10.26.34 น. ผ่านสี่แยกตึกดิน เวลา 10.27.46 น. ผ่านสี่แยกศาลากลาง เวลา 10.28.33 น. แล้วได้จอดรถหน้าร้านทองศรีอุดม ตรงข้ามตลาดท่าม้า เวลา 10.28.59 น. จากนั้นนายพิทญา ฯ เดินเข้าไปในร้านทอง ก่อนจะขับออกมาจากร้านทอง หลังจากนั้นพบภาพวงจรปิด อดีตสามีขับรถบิ๊กไบด์บลเนลี่ สีชมพู หมายเลขทะเบียน 6กฮ- 3105 กทม.ของนางสา หรือน้องสา ไปจอดหน้าบ้านเช่าของเพื่อน ๆ น้องสา ผู้ตาย ที่ซอยมิตรสัมพันธ์ ต.คลัง อ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช ก่อนว่าจ้างรถ จยย.รับจ้างไปส่งที่ บ.ข.ส.นครศรีธรรมราช และโดยสารรถบัสเดินทางไป จ.ภูเก็ต

ในช่วงเย็นวันที่ 11 มี.ค.2567 พ.ต.ท.วิรัตน์ แท่นทอง สว.(สอบสวน)ด้วยกำลังตำรวจชุดสืบสวน ได้รวบรวมสำนวนเสนอศาลจังหวัดนครศรีธรรมราช พิจารณาอนุมัติหมายจับนายพิทญา บุญญัติศักดิ์ หรือ “นาย ท้าวโคตร”อายุ 27 ปี อยู่บ้านเลขที่ 21 ซอยหัวหลวง ต.ในเมือง อ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช จนกระทั้งช่วงค่ำวันเดียวกันศาลจังหวัดนครศรีธรรมราได้อนุมัติหมายจับเลขที่ 146/2567 ฐานว่ากระทำความผิดฐานฆ่าผู้อื่นตายโดยเจตนาและลอบฝั่ง ซ่อนเร้น ย้ายหรือทำลายศพ เพื่อปิดบังการตายหรือหรือเหตุแห่งการตายและลักทรัพย์ ในเวลากลางคืน ก่อนที่ชุดสืบสวนจะนำหมายจับเดินทางไปประสานเจ้าหน้าที่ตำรวจใน จ.ภูเก็ต และจังหวัดใกล้เคียงเพื่อติดตามจับกุมนายพิทญา บุญญัติศักดิ์ หรือ “นาย ท้าวโคตร”อดีตสามีของน้องสา ผู้ตายมาดำเนินคดีตามกฎหมายอย่างเร่งด่วนต่อไป

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับรายงานและมีพยานหลักฐานว่านายพิทญา หรือ “นาย ท้าวโคตร”ผู้ต้องหาตามหมายจับแม้จะซื้อตั๋วรถบัสโดยสารปลายทางท่า จ.ภูเก็ต ไม่ได้ดินทางไป จ.ภูเก็ต โดยได้ลงรถที่ จ.กระบี่ เพื่อไปนอนบ้านญาติคนหนึ่ง และมีกล้องวงจรปิดและพยานยืนยันว่าพบนายพิทญา หรือ “นาย ท้าวโคตร”ผู้ต้องหาขับรถ จยย.พ่วงข้างไปเช่าที่พักในโรงแรมแห่งหนึ่งที่ ต.อ่างนาง อ.เมือง จ.กระบี่ ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน สภ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช จึงร่วมกับชุดสืบสวน จ.กระบี่ ปูพรมลงพื้นที่ติดตามจับกุมนายพิทญา หรือ “นาย ท้าวโคตร”ผู้ต้องหาในพื้นที่ จ.กระบี่ คาดว่าจะสามารถจับกุมตัวนายพิทญา หรือ “นาย ท้าวโคตร”ผู้ต้องหาได้ในเร็ว ๆ นี้อย่างแน่นอน

อย่างไรก็ตามในส่วนของคนร้ายที่ร่วมก่อเหตุคาดว่ามีมากกว่า 1 คนเพราะจุดก่อเหตุน่าจะเป็นบริเวณห้องพักที่เป็นร้านจำหน่ายน้ำชา-กาแฟ ริมกำแพงวัดท้าวโคตร ห่างจากจุดที่พบศพแค่ 30-40 เมตรเท่านั้น ซึ่งห้องพักดังกล่าวายพิทญา หรือ “นาย ท้าวโคตร”ผู้ต้องหา อาศัยอยู่กับแม่และลูกของนายพิทญา หรือ “นาย ท้าวโคตร”ผู้ต้องหา อายุ 4-5 ขวบ ที่เกิดจากเมียคนก่อน รวมทั้งพี่สาวและพี่เขยของนายพิทญา หรือ “นาย ท้าวโคตร” จึงน่าจะมีคนรู้เห็นและช่วยเหลือในการปิดบังซ่อนเร้นอำรางศพ และหามศพน้องสาไปทิ้งบ่อน้ำในกุฏิร้าง ห่างออกไป 30-40 เมตร นั้นจะต้องมีคนช่วยหามศพน้องสาอย่างน้อย 1 คน ซึ่งเป็นไม่ได้ที่นายพิทญา หรือ “นาย ท้าวโคตร” จะอุ้มศพน้องสา ผู้ตาย ซึ่งรูปร่างค่อนข้างใหญ่มีน้ำหนักประมาณ 55-60 กก.เพียงคนเดียว

ในขณะที่พ่อค้าคนหนึ่งในตลาดวัดท้าวโคตร ห่างจากร้านจำหน่ายน้ำ-กาแฟ ของแม่นายพิทญา หรือ “นาย ท้าวโคตร” กล่าวว่า ตั้งแต่วันที่ 5 มี.ค. ตนสังเกตุเห็นความผิดปกติของแม่นายพิทญา หรือ “นาย ท้าวโคตร” ที่จุดธูปและตะเกียงไข่เป็ด ซึ่งมักจะใช้จุดวางหน้าโลงศพในงานศพทั่ว ๆ ไป และวางหน้าร้านทุกวัน คล้ายการขออโหสิกรรมศพน้องสา ผู้ตาย นอกจากนี้ในกุฏิร้างที่นำศพไปทิ้งในบ่อน้ำ ตนก็ไปปัสสวะวันละ 2-3 ครั้ง แต่น่าแปลกใจก็ไม่ได้กลิ่นเหม็นเลยอาจจะเป็นเพราะศพอยู่ก้นบ่อลึกลงไปอย่างน้อย 5 เมตรและมีจีจรเก่าของพระสงฆ์จำนวนมากถูกโยนลงไปวางสุมอยู่ด้านบนของศพทำให้กลิ่นไม่โชยขึ้นมาด้านบนก็เป็นได้

“ตามปกติตนก็รู้จักน้องสา และพูดคุยกันบ่อย ๆ ตอนที่อยู่กินกับนายพิทญา หรือ “นาย ท้าวโคตร”ผู้ต้องหา โดยน้องสา เป็นคนร่าเริงและใจดี มีฐานะดีสวมสร้อยทองคำเส้นใหญ่ และสวมแหวนทองคำเกือบทุกนิ้ว และจะช่วยเหลือด้นการเงินให้นายพิทญา หรือ“นาย ท้าวโคตร”และแม่ของนายพิทญา หรือ“นาย ท้าวโคตร”มาโดยตลอด และมักจะพานายพิทญา หรือ“นาย ท้าวโคตร” และลูกสาวนายพิทญา หรือ “นาย ท้าวโคตร”ไปเลี้ยงวันคล้ายวันเกิดและวันสำคัญต่างๆ เป็นประจำ ในขณะที่ นายพิทญา หรือ “นาย ท้าวโคตร” ไม่มีงานทำเป็นหลักแหล่ง ตนอยากให้ตำรวจสอบสวนสืบสวนให้ละเอียดตนมั่นใจว่าการก่อเหตุฆ่านองสาและช่วยเหลือปิดบังอำพรางซ่อนเร้นศพจะต้องมีคนอื่น ๆ ร่วมช่วยเหลืออย่างแน่นอน เป็นไปได้ยากมากที่นายพิทญา หรือ “นาย ท้าวโคตร” จะทำคนเดียวโดยไม่มีใครช่วยเหลือ” พ่อค้าในตลาดท้าวโคตร กล่าวในที่สุด.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

รพ.ศูนย์การแพทย์ ม.วลัยลักษณ์ สานพลัง สสส. ประกาศความร่วมมือเข้มแข็ง ผสานองค์ความรู้-สร้างนวัตกรรมฐานข้อมูล เตรียมพัฒนาหลักสูตรสร้างเสริมสุขภาพ บรรจุในการเรียนการสอน ม.วลัยลักษณ์

ที่วัดพระมหาธาตุวรมหาวิหาร อ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช โรงพยาบาลศูนย์การแพทย์ มหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์ ร่วมกับ สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) จัดพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือวิชาการ ด้านการสร้างเสริมสุขภาพของประชาชนโดยเฉพาะในจังหวัดนครศรีธรรมราช

'นายกต้อย' ไขก๊อก! อบจ.เมืองคอน อ้างเหตุผลสุดอึ้ง

างกนกพร เดชเดโช นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดนครศรีธรรมราช ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว ยื่นหนังสือลาออกแล้วจากการปฏิบัติหน้าที่นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดนครศรีธรรมราช

คนคอนศรีฯมีหนึ่งเดียว สร้างพลังชุมชนเข้มแข็ง สู่“นครแห่งความสุข”

ระหว่างวันที่ 28-29 ส.ค. 67 ขบวนองค์กรชุมชนจังหวัดนครศรีธรรมราช ร่วมกับ 11 หน่วยงานภาคีเครือข่าย จัดสัมมนาเชิงปฏิบัติการและเปิดตัวโครงการวิจัยเชิงปฏิบัติการพื้นที่จังหวัดนครศรีธรรรมราช