หนีหมายจับ 19 ปี ไม่รอด! สืบนครบาลรวบผู้ต้องหาคดีข่มขืน

11 มี.ค. 2567 – พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผู้บังคับการสืบสวนสอบสวน กองบัญชาการตำรวจนครบาล (ผบก.สส.บช.น.) พร้อมเจ้าหน้าที่สืบนครบาล ได้จับกุมตัว นายมีชัย หรือโด้ อายุ 43 ปี ซึ่งเป็นผู้ต้องหาตามหมายจับศาลกำแพงเพชร ที่ 38/2548 ลงวันที่ 8 กุมภาพันธ์ 2548 ซึ่งต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน “ร่วมกันข่มขืนกระทำชำเราหญิงซึ่งมิใช่ภริยาของตน โดยใช้กำลังประทุษร้าย โดยหญิงนั้นอยู่ในภาวะที่ไม่สามารถขัดขืนได้ อันมีลักษณะเป็นการโทรมหญิง” โดยจับกุมได้บริเวณซอยไม่มีเลขที่ไซต์งานก่อสร้าง แขวงบางบอนเหนือ เขตบางบอน กทม. หลังจากชุดลาดตระเวนออนไลน์สืบนครบาลได้ตรวจสอบ พบนายมีชัย ผู้ต้องหาข่มขืนตามบัญชีประกาศสืบจับ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ปี 2566 ลำดับ 122 หลบหนีคดีมา 19 ปี อีกไม่กี่เดือนหมายจะหมดอายุ

สืบเนื่องจากเดือน ส.ค. 2547 ผู้ต้องหาพร้อมพวกร่วมกันมอมเหล้าผู้เสียหายเป็นหญิงสาว จากนั้นได้พาไปข่มขืนกระทำชำเราที่ห้องพักในพื้นที่ อ.เมืองกำแพงเพชร จ.กำแพงเพชร ต่อมา ผู้ต้องหาทราบว่าตัวเองถูกออกหมายจับ จึงหลบหนีออกจาก จ.กำแพงเพชร ตระเวนหลบหนีไปตามจังหวัดต่างๆ โดยจะไม่ทำบัตรประชาชนใหม่ ไม่ทำเอกสารราชการใดๆ ไม่ใช้บัญชีธนาคารตัวเอง เพื่อป้องกันการสืบสวนติดตามจับกุมของเจ้าหน้าที่ตำรวจ โดยทำบัตรประชาชนครั้งสุดท้ายเมื่อ ปี พ.ศ. 2545

จากการสอบถามผู้เสียหาย แจ้งว่าถูกผู้ต้องหากับพวกหลายคนมอมเหล้าจนไม่ได้สติ จากนั้นกลุ่มผู้ต้องหาได้พาผู้เสียหายไปที่ห้องพักของเพื่อนผู้ต้องหาและได้ข่มขืนผู้เสียหายโดยไม่ได้ยินยอมแต่อย่างใด ทราบจากเจ้าของห้องพักดังกล่าวแจ้งว่ากลุ่มผู้ต้องหาเคยพาหญิงอื่นมากระทำลักษณะดังกล่าวแล้วหลายครั้ง ผู้เสียหายจึงได้ไปแจ้งความร้องทุกข์ดำเนินคดีกับผู้ต้องหาจนกว่าจะถึงที่สุด

โดยนายมีชัย รับว่าเป็นบุคคลตามหมายจับ แต่ยังให้การปฏิเสธว่าไม่ได้ข่มขืน ตามข้อกล่าวหาในหมายจับ ซึ่งได้หลบหนีออกจากบ้านที่ จ.กำแพงเพชร มาใช้ชีวิตในกรุงเทพมหานคร และ จ.สมุทรปราการ ทำอาชีพเป็นช่างก่อสร้างกับเพื่อนที่รู้จัก เพื่อนำเงินมาเลี้ยงชีพในระหว่างหลบหนี

“ขอเตือนภัยสุภาพสตรีที่ชอบเที่ยวกลางคืนต้องระมัดระวังบุคคลแปลกหน้าโดยการดื่มเครื่องดื่มมึนเมา จากบุคคลที่ไม่รู้จัก อาจเกิดเหตุร้ายตามมาได้ ต้องมีสติอยู่ตลอดเวลา โดยตามนโยบายของ พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ให้สืบสวนติดตามคนร้ายที่สร้างความเดือดร้อนให้กับประชาชน ไม่ว่าคดีจะผ่านมานานเท่าใด ตราบใดที่หมายจับยังไม่ขาดอายุความ สืบนครบาลไม่เคยนิ่งนอนใจ จะติดตามจับกุม ผู้ต้องหามาดำเนินคดีอย่างสุดความสามารถ” พล.ต.ต.ธีรเดช ระบุ.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

'บิ๊กต่อ' สั่งนครบาลสอบด่วน! ป้ายซื้อขายพาสปอร์ต ผิดจริงฟันแน่

'ผบ.ตร.' สั่งตรวจสอบที่มาของป้ายโฆษณาภาษาจีน รับทำหนังสือเดินทาง-ขอสัญชาติต่างๆ กำชับ สตม. ตรวจสอบ คัดกรองคนต่างด้าว เจอกระทำผิดฟันตามกฎหมายทุกมิติ

‘อนุทิน’ สั่ง กทม.เร่งสอบที่มาป้ายโฆษณาขายพาสปอร์ตและสัญชาติ ย่านห้วยขวาง

นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.มหาดไทย ได้ทราบถึงกรณีที่สื่อสังคมออนไลน์ได้เปิดเผยและวิพากษ์วิจารณ์ในวงกว้างถึงกรณีมีการติดตั้งป้ายโฆษณาภาษาจีน

อดีตจเรตำรวจฯ ขอทำเรื่องเฉพาะหน้า ‘เพิ่มเงิน-สวัสดิการตำรวจ’ ก่อนจะไปเปลี่ยนประธาน ก.ตร.

ณะนี้มีการเคลื่อนไหวจะปฏิรูปตำรวจโดยตำรวจเอง หลักๆคือให้นายกรัฐมนตรีไม่เป็นประธานคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ หรือ ก.ตร.  แต่ประธานจะมาจากการเลือกกันเองเหมือนคณะกรรมการข้าราชการอัยการ หรือ ก.อ. กระผม ไม่แน่ใจว่าจะเกิดผลดีกว่าเดิมหรือแย่กว่าเก่า

‘นักกฎหมายตำรวจ’ ถอดบทเรียน การเข้าระงับเหตุ ลดความสูญเสีย

ด้วยความเคารพความกล้าหาญ และเสียสละของผู้เสียชีวิต ควรแก่การยกย่องเป็นเกียรติประวัติสืบไป แต่การเข้าระงับเหตุ ของตำรวจไทยมีข้อผิดพลาด ต้องนำไปถอดบทเรียนแก้ไข