5 มี.ค.2567 - สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ภายใต้การอำนวยการของ นายนิวัติไชย เกษมมงคล เลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ช. นายศรชัย ชูวิเชียร ผู้ช่วยเลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ช. และนายสุขสันต์ ประสาระเอ ผู้อำนวยการสำนักสืบสวนและกิจการพิเศษ มอบหมายให้กลุ่มสืบสวนและปฏิบัติการข่าว 1 โดยนายธนิต สุวรรณากาศ หัวหน้ากลุ่มสืบสวนและปฏิบัติการข่าว 1 มอบหมายให้เจ้าหน้าที่ดำเนินการสืบสวนติดตามผู้ถูกกล่าวหา ตามหมายจับของศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง
นายสุเมธ เพ็งจันทร์ อายุ 40 ปี ซึ่งต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน “สนับสนุนเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต และฐานสนับสนุนเจ้าพนักงาน มีหน้าที่ทำเอกสาร รับเอกสารหรือกรอกข้อความลงในเอกสาร กระทำการรับรองเป็นหลักฐานว่า ตนได้กระทำการอย่างใดขึ้นหรือว่าการอย่างใดได้กระทำต่อหน้าตนอันเป็นความเท็จ รับรองเป็นหลักฐานว่าได้มีการแจ้งซึ่งข้อความอันมิได้มีการแจ้ง และรับรองเป็นหลักฐานซึ่งข้อเท็จจริงอันเอกสารนั้น มุ่งพิสูจน์ความจริงอันเป็นความเท็จ ฐานฉ้อโกง ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 มาตรา 162 (1) (2) (4) ประกอบมาตรา 86 และมาตรา 341 และฐานสนับสนุนเจ้าหน้าที่ของรัฐปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติอย่างใดในตำแหน่งหรือหน้าที่ หรือใช้อำนาจในตำแหน่งหรือหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2542 และที่แก้ไขเพิ่มเติม มาตรา 123/1 (ปัจจุบันเป็นความผิดตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 172) ประกอบประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 86”
สำหรับผู้ต้องหารายดังกล่าว มีพฤติการณ์และรายละเอียดการกระทำความผิด คือ เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2557 ขณะเกิดเหตุคดี นายวรยุทธ คุ้มสิน ผู้ถูกกล่าวหาที่ 1 ปลัดเทศบาลตำบลบ่อพลอย และเจ้าพนักงานประเมินและเจ้าพนักงานสำรวจ สำนักงานเทศบาลตำบลบ่อพลอย นางสาวกัญจนา หนูขาว ผู้ถูกกล่าวหาที่ 2 นักวิชาการจัดเก็บรายได้ และผู้ช่วยเจ้าพนักงานสำรวจ สำนักงานเทศบาลตำบลบ่อพลอย นายสุเมธ เพ็งจันทร์ ผู้ถูกกล่าวหาที่ 3 นายรัฐศาสตร์ หรือเจียม ชื่นชูกลิ่น ผู้ถูกกล่าวหาที่ 4 นายธีรเดช เพ็งหวี ผู้ถูกกล่าวหาที่ 5 นางอำนวย แซ่เฮง ผู้ถูกกล่าวหาที่ 6 นางสาวบัวลอย คล้ายเจ๊ก ผู้ถูกกล่าวหาที่ 7 และนางภัคกร กองสงค์ ผู้ถูกกล่าวหาที่ 8 ได้ร่วมกันกระทำความผิดในลักษณะที่มีการแบ่งหน้าที่กันทำและให้การช่วยเหลือสนับสนุนซึ่งกันและกัน ดังนี้
นายวรยุทธ คุ้มสิน ผู้ถูกกล่าวหาที่ 1 และนางสาวกัญจนา หนูขาว ผู้ถูกกล่าวหาที่ 2 ได้ร่วมกันกระทำการโดยมิชอบด้วยหน้าที่ โดยนายวรยุทธ คุ้มสิน ผู้ถูกกล่าวหาที่ 1 ในฐานะเจ้าพนักงานประเมินและเจ้าพนักงานสำรวจ ได้ดำเนินการออกเอกสารแบบแสดงรายการที่ดินเพื่อชำระภาษีบำรุงท้องที่ (ภ.บ.ท.5) เลขสำรวจที่ 985 ตั้งอยู่ หน่วยที่ 1 หมู่ที่ 1 ตำบลบ่อพลอย อำเภอบ่อพลอย จังหวัดกาญจนบุรี ระบุชื่อนายสุเมธ เพ็งจันทร์ ผู้ถูกกล่าวหาที่ 3 เป็นผู้ยื่นเสียภาษีและเป็นเจ้าของที่ดิน นายสุเมธ เพ็งจันทร์ ผู้ถูกกล่าวหาที่ 3 ได้ลงลายมือชื่อเป็นผู้ยื่นและผู้ชี้เขต ส่วนนางสาวกัญจนา หนูขาว ผู้ถูกกล่าวหาที่ 2 ได้ออกใบเสร็จรับเงินภาษีบำรุงท้องที่ประจำปี พ.ศ. 2556 สำหรับที่ดินเลขสำรวจดังกล่าว โดยระบุว่าได้รับเงินภาษีบำรุงท้องที่จากนายสุเมธ เพ็งจันทร์ ผู้ถูกกล่าวหาที่ 3 เพื่อให้นายสุเมธ เพ็งจันทร์ ผู้ถูกกล่าวหาที่ 3 ใช้แสดงเป็นหลักฐานว่าที่ดินเลขสำรวจดังกล่าว มีนายสุเมธ เพ็งจันทร์ ผู้ถูกกล่าวหาที่ 3 เป็นเจ้าของที่ดินและได้ยื่นเสียภาษีบำรุงท้องที่ไว้แล้ว ทั้งที่นายวรยุทธ คุ้มสิน ผู้ถูกกล่าวหาที่ 1 นางสาวกัญจนา หนูขาว ผู้ถูกกล่าวหาที่ 2 และนายสุเมธ เพ็งจันทร์ ผู้ถูกกล่าวหาที่ 3 ทราบดีอยู่แล้วว่าที่ดินแปลงดังกล่าวไม่มีอยู่จริง
หลังจากนั้นนายวรยุทธ คุ้มสิน ผู้ถูกกล่าวหาที่ 1 นางสาวกัญจนา หนูขาว ผู้ถูกกล่าวหาที่ 2 นายสุเมธ เพ็งจันทร์ ผู้ถูกกล่าวหาที่ 3 นายรัฐศาสตร์ หรือเจียม ชื่นชูกลิ่น ผู้ถูกกล่าวหาที่ 4 นายธีรเดช เพ็งหวี ผู้ถูกกล่าวหาที่ 5 นางอำนวย แซ่เฮง ผู้ถูกกล่าวหาที่ 6 นางสาวบัวลอย คล้ายเจ๊ก ผู้ถูกกล่าวหาที่ 7 และนางภัคกร กองสงค์ ผู้ถูกกล่าวหาที่ 8 ได้ร่วมกันหลอกลวงนายสุเมธ ศรีรัตนมงคล กับนายนริศ กิจวรเมธา ซื้อฝากที่ดินตามเอกสารแบบแสดงรายการที่ดินเพื่อชำระภาษีบำรุงท้องที่ (ภ.บ.ท.5) เลขสำรวจที่ 985 เป็นเงินจำนวน 1,200,000 บาท
การหลอกลวงดังกล่าวมีนายรัฐศาสตร์ หรือเจียม ชื่นชูกลิ่น ผู้ถูกกล่าวหาที่ 4 เป็นผู้ติดต่อนางสาวบัวลอย คล้ายเจ๊ก ผู้ถูกกล่าวหาที่ 7 ให้หานายทุนมาซื้อฝากที่ดิน และนายสุเมธ เพ็งจันทร์ ผู้ถูกกล่าวหาที่ 3 ได้อ้างกับนายสุเมธ ศรีรัตนมงคล และนายนริศ กิจวรเมธา ว่าเป็นเจ้าของที่ดินตามเอกสารแบบแสดงรายการที่ดินเพื่อชำระภาษีบำรุงท้องที่ (ภ.บ.ท.5) เลขสำรวจที่ 985 นายธีรเดช เพ็งหวี ผู้ถูกกล่าวหาที่ 5 และนางอำนวย แซ่เฮง ผู้ถูกกล่าวหาที่ 6 ซึ่งเป็นนายหน้าของนายสุเมธ ศรีรัตนมงคล กับนายนริศ กิจวรเมธา และนางสาวบัวลอย คล้ายเจ๊ก ผู้ถูกกล่าวหาที่ 7 และนางภัคกร กองสงค์ ผู้ถูกกล่าวหาที่ 8 ซึ่งเป็นนายหน้าของนายสุเมธ เพ็งจันทร์ ผู้ถูกกล่าวหาที่ 3 ได้ร่วมกันนำที่ดินแปลงดังกล่าวไปเสนอเป็นหลักประกันการขายฝากของนายสุเมธ เพ็งจันทร์ ผู้ถูกกล่าวหาที่ 3 กับนายสุเมธ ศรีรัตนมงคล และนายนริศ กิจวรเมธา
โดยอ้างว่าที่ดินดังกล่าวสามารถใช้ยึดหน่วงเป็นประกันการขายฝากและเปลี่ยนชื่อเจ้าของที่ดินเป็นนายสุเมธ ศรีรัตนมงคล กับนายนริศ กิจวรเมธา ได้ นายสุเมธ เพ็งจันทร์ ผู้ถูกกล่าวหาที่ 3 นายธีรเดช เพ็งหวี ผู้ถูกกล่าวหาที่ 5 นางอำนวย แซ่เฮง ผู้ถูกกล่าวหาที่ 6 นางสาวบัวลอย คล้ายเจ๊ก ผู้ถูกกล่าวหาที่ 7 และนางภัคกร กองสงค์ ผู้ถูกกล่าวหาที่ 8 ยังได้ร่วมกันนำชี้ที่ดินแปลงที่เป็นของบุคคลอื่นโดยอ้างกับนายสุเมธ ศรีรัตนมงคล และนายนริศ กิจวรเมธา ว่าที่ดินดังกล่าวเป็นที่ดินตามเอกสารแบบแสดงรายการที่ดินเพื่อชำระภาษีบำรุงท้องที่ (ภ.บ.ท.5) เลขสำรวจที่ 985 ที่จะใช้เป็นหลักประกันการขายฝาก และพานายสุเมธ ศรีรัตนมงคล กับนายนริศ กิจวรเมธา ไปทำสัญญากู้ยืมเงินที่สำนักงานเทศบาลตำบลบ่อพลอย เมื่อวันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2557
โดยนายวรยุทธ คุ้มสิน ผู้ถูกกล่าวหาที่ 1 และนางสาวกัญจนา หนูขาว ผู้ถูกกล่าวหาที่ 2 ได้ร่วมกันยืนยันกับนายสุเมธ ศรีรัตนมงคล และนายนริศ กิจวรเมธา ว่าที่ดินดังกล่าวมีอยู่จริงและสามารถโอนเปลี่ยนแปลงสิทธิในที่ดินได้ และนางสาวกัญจนา หนูขาว ผู้ถูกกล่าวหาที่ 2 ได้ดำเนินการแก้ไขเปลี่ยนแปลงชื่อและที่อยู่เจ้าของที่ดินจากนายสุเมธ เพ็งจันทร์ ผู้ถูกกล่าวหาที่ 3 เป็นชื่อและที่อยู่ ของนายสุเมธ ศรีรัตนมงคล พร้อมระบุชื่อนายนริศ กิจวรเมธา เป็นผู้ถือกรรมสิทธิ์ร่วม โดยนายวรยุทธ คุ้มสิน ผู้ถูกกล่าวหาที่ 1 ได้ลงลายมือชื่อรับรองการเปลี่ยนแปลงให้กับนายสุเมธ ศรีรัตนมงคล และนายนริศ กิจวรเมธา พร้อมกับส่งมอบสำเนาเอกสารแบบแสดงรายการที่ดินเพื่อชำระภาษีบำรุงท้องที่ (ภ.บ.ท.5) เลขสำรวจที่ 985 ใบเสร็จรับเงินภาษีบำรุงท้องที่ และเอกสารใบ ภ.บ.ท.5 (ท่อนนี้มอบให้เจ้าของที่ดิน) ที่มีการแก้ไขเปลี่ยนแปลงแล้วให้กับนายสุเมธ ศรีรัตนมงคล และนายนริศ กิจวรเมธา โดยมีเจตนาเพื่อให้นายสุเมธ ศรีรัตนมงคล กับนายนริศ กิจวรเมธา หลงเชื่อว่าเป็นเอกสารที่แท้จริงและมีที่ดินตามที่ปรากฏอยู่จริง และตกลงทำสัญญาให้นายสุเมธ เพ็งจันทร์ ผู้ถูกกล่าวหาที่ 3 ขายฝากที่ดินเป็นจำนวน 1,200,000 บาท
จากการสืบสวนทราบว่าผู้ถูกกล่าวหาตามหมายจับดังกล่าว หลบหนีไปพักอาศัย ณ พื้นที่หมู่ที่ 8 ตำบลดอนแสลบ อำเภอห้วยกระเจา จังหวัดกาญจนบุรี เจ้าหน้าที่ได้วางกำลังเฝ้าสังเกตการณ์ จนกระทั่งพบผู้ถูกกล่าวหา จึงแสดงตัวเป็นเจ้าหน้าที่และแสดงหมายจับ พร้อมทั้งแจ้งข้อกล่าวหาและแจ้งสิทธิให้ผู้ถูกกล่าวหาทราบและเข้าใจดีแล้ว จึงควบคุมตัวผู้ถูกกล่าวหาไปยังสถานีตำรวจภูธรห้วยกระเจา เพื่อทำบันทึกการจับและดำเนินการตามพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการทรมานและการกระทำให้สูญหาย พ.ศ. 2565 จากนั้น นำตัวผู้ต้องหาส่งพนักงานอัยการสำนักงานอัยการพิเศษฝ่ายคดีปราบปรามการทุจริต 1 ภาค 7 เพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
นายกฯรวยหมื่นล้าน อิ๊งค์แจงบัญชีทรัพย์สิน ใช้จ่ายส่วนตัวปีละ45ล.
“ป.ป.ช.” เปิดทรัพย์สิน “นายกฯ อิ๊งค์” รวยมโหฬารกว่า 1.3 หมื่นล้านบาท แบกหนี้กู้เงินญาติพี่น้อง 4.4 พันล้าน สะสมนาฬิกา 75 เรือน มูลค่า 162 ล้านบาท มีกระเป๋า 217 ใบ
12ปีฟัน3สส.เสียบบัตรแทนกัน
เปิดปีใหม่มาวันแรก ป.ป.ช.ดุรับขวัญปีมะเส็ง ฟันดะ 3 อดีต สส.เสียบบัตรแทนกัน
ป.ป.ช. ฟันอาญา-จริยธรรมร้ายแรง 'ณัฏฐ์ชนน' รับเงินค่ารักษาพยาบาล แลกแต่งตั้งผู้เชี่ยวชาญ
นายสาโรจน์ พึงรำพรรณ เลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ช.ในฐานะโฆษกสำนักงาน ป.ป.ช. แถลงว่า คณะกรรมการ ป.ป.ช.มีมติชี้มูลความผิดคดีสำคัญกรณีเกี่ยวกับการกระทำความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการ
โธ่ถัง! ป.ป.ช. มีมติชี้มูลความผิด 3 อดีต สส. เสียบบัตรแทนกัน เหตุเกิดตั้งแต่ปี 56
นายสาโรจน์ พึงรำพรรณ เลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ช. ในฐานะโฆษกสำนักงาน ป.ป.ช. แถลงว่า คณะกรรมการ ป.ป.ช.มีมติชี้มูลความผิดคดี
ป.ป.ช. แจงไม่มีการวิ่งเต้นคดีชั้น14
นายสาโรจน์ พึงรำพรรณ เลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ช.ในฐานะโฆษกสำนักงาน ป.ป.ช. เปิดเผยถึงกรณีที่สื่อมวลชนนำเสนอข่าวว่า มีอีโม่ง คนใน ป.ป.ช. วิ่งเต้นเพื่อให้เจ้าของสำนวนเดิมถอนตัว เพื่อล้มคดีชั้น 14
ป.ป.ช.แจงปมอดีตเจ้าหน้าที่ ป.ป.ช.เรียกรับเงิน
นายสาโรจน์ พึงรำพรรณ เลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ช. ในฐานะโฆษกสำนักงาน ป.ป.ช. เปิดเผยถึงกรณีที่สื่อมวลชนมีการนำเสนอข่าวเกี่ยวกับอดีตเจ้าหน้าที่สำนักงาน ป.ป.ช. ซึ่งเคยดำรงตำแหน่งพนักงานไต่สวน ระดับสูง