ตำรวจปราบจริง สกัด 3 ทาง งัด 4 มาตรการ คุก – ปรับ – ริบรถ กำราบแข่งรถในทาง ซิ่งก่อกวนป่วนเมือง ผู้ปกครองโดนด้วย
3 มี.ค.67 – ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ( ตร. ) พล.ต.ท.สำราญ นวลมา ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ( ผู้ช่วย ผบ.ตร. ) ในฐานะหัวหน้าคณะทำงานป้องกันและปราบปรามการขับขี่รถโดยไม่คำนึงถึงความปลอดภัยหรือความเดือดร้อนของผู้อื่น แข่งรถในทาง และความผิดอื่นที่เกี่ยวข้อง สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยว่า พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผบ.ตร. ได้มอบหมายให้คณะทำงานฯ นำโดย พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร รอง ผบ.ตร. ขับเคลื่อนกวดขัน ปราบปราม และแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชน โดยมีตนเป็นหัวหน้าคณะทำงานฯ ประสานความร่วมมือทั้งงานป้องกันปราบปราม บูรณาการร่วมกับงานจราจรและสืบสวนสอบสวน เป็นผู้สนับสนุนข้อมูลให้กับสถานีตำรวจในการเฝ้าระวัง
“คณะทำงานป้องกันและปราบปรามการขับขี่รถโดยไม่คำนึงถึงความปลอดภัยหรือความเดือดร้อนของผู้อื่น แข่งรถในทาง และความผิดอื่นที่เกี่ยวข้อง ตร. ให้นโยบายรับมือกับการนัดหมายรวมกลุ่มของเด็กแว้น แข่งรถในทาง ผ่านทางโซเชียลมีเดียช่องทางต่าง ๆ ทั้ง ต้นทาง กลางทาง และปลายทาง พร้อมดำเนินการตามแนวทางมาตรการเชิงรุก 4 ข้อ” พล.ต.ท.สำราญฯ กล่าว
ผู้ช่วย ผบ.ตร. กล่าวอีกว่า แนวทางป้องกันพื้นที่ “ต้นทาง” ที่มีการรวมตัวกัน ให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าประชาสัมพันธ์พูดคุยเจรจาทำความเข้าใจเกี่ยวกับข้อกฎหมายต่าง ๆ ทำความเข้าใจ หรือ MOU ข้อตกลงการจัดกิจกรรมอย่างเหมาะสม และไม่เป็นการรบกวนผู้ใช้รถใช้ถนนในเส้นทางนั้น พื้นที่ “กลางทาง” ตลอดเส้นทางถึงจุดหมาย ให้บูรณาการกำลังตั้งจุดตรวจจุดสกัด กวดขันวินัยจราจร บังคับใช้กฎหมายอย่างจริงจัง โดยเฉพาะข้อหา “ขับรถโดยไม่คำนึงถึงความปลอดภัยฯ” และ พื้นที่ “ปลายทาง” ให้เฝ้าระวังพฤติกรรมของกลุ่มวัยรุ่น ไม่ให้สร้างความเดือดร้อนรำคาญให้กับพี่น้องประชาชน และนักท่องเที่ยว แล้วประชาสัมพันธ์ให้การจัดกิจกรรมนั้น ไม่ไปรบกวน หรือสร้างความเดือดร้อนให้กับผู้อื่น
พล.ต.ท.สำราญ กล่าวว่า ได้กำหนด 4 มาตรการเชิงรุกในการป้องกันและปราบปรามการแข่งรถในทาง ดังนี้
1.มาตรการก่อนเกิดเหตุ สืบสวนหาข่าวจากทุกช่องทาง เช่น เฟซบุ๊ก กลุ่มไลน์ โซเชียลมีเดีย ประชาชนในพื้นที่ ,จัดชุดเคลื่อนที่เร็ว ตั้งด่านกวดขันร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องออกตรวจตรา แหล่งมั่วสุม จุดนัดหมาย สถานศึกษา ร้านแต่งรถ ฯลฯ
2.มาตรการขณะเกิดเหตุ วางแผนดำเนินการปิดล้อมจับกุม ,วางแผนบูรณาการกับทุกฝ่าย และหน่วยงานสนับสนุนในพื้นที่
3.มาตรการสอบสวนขยายผล หากผู้กระทำผิดเป็นประชาชน ผู้ปกครองมีความผิด ตาม พ.ร.บ.คุ้มครองเด็กฯ ,แอดมินเพจผู้ชักชวน คนซ้อน กองเชียร์ มีความผิดฐานสนับสนุน
และ 4.มาตรการเฝ้าระวังและปรับเปลี่ยนพฤติกรรม,บันทึกข้อมูลกลุ่มเสี่ยงต่อการแข่งรถในทางในทุกพื้นที่ทั่วประเทศ ไว้ในระบบ CRIME อย่างเป็นระบบ,บูรณาการกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จัดอบรมความประพฤติเพื่อปรับเปลี่ยนพฤติกรรมของผู้กระทำผิดและกลุ่มเสี่ยง ให้มีจิตสาธารณะทำประโยชน์เพื่อส่วนรวม และพร้อมกลับคืนสู่สังคม
พล.ต.ท.สำราญ กล่าวด้วยว่า ได้นำข้อมูลการปราบปรามการแข่งรถในทาง หรือแว้น ในพื้นที่ สภ.พระสมุทรเจดีย์ จว.สมุทรปราการ ที่วางแผน ปิดล้อมจับกุม และขยายผลจนสามารถดำเนินคดีกับเด็กแว้นได้ทั้งหมด 32 ราย ยึดรถ 49 คัน ศาลพิพากษาจำคุก 3 เดือน ปรับรายละ 10,000 บาท ริบรถจักรยานยนต์ของกลางทุกคัน สำหรับผู้ต้องหาที่เป็นเยาวชนได้ขยายผลถึงพ่อแม่ผู้ปกครองทั้งหมด โดยศาลสั่งลงโทษผู้ปกครอง ปรับรายละ 10,000 บาท ในข้อหา “ส่งเสริม หรือ ยินยอม ให้เด็กประพฤติตนไม่สมควรหรือน่าจะทำให้เด็กมีความประพฤติเสี่ยงต่อการกระทำความผิด” ตาม พ.ร.บ.คุ้มครองเด็กฯ พ.ศ.2546 และกรณีท้องที่ สภ.เมืองพัทลุง ดำเนินคดีแอดมินเพจที่โพสต์ชักชวน ขยายผลไปถึงผู้ที่โพสต์ ชักชวน คนซ้อนท้าย กองเชียร์ มีความผิดฐาน เป็นผู้สนับสนุน ต้องถูกระวางโทษสูงสุด จำคุกไม่เกิน 1 ปี ปรับไม่เกิน 20,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
และในกรณีของ เพจ สจ.บางซ่อน ที่มีการโพสเฟซบุ๊คชวนกันไปออกทริป ซึ่งมีการนัดรวมตัวกันในหลายพื้นที่ หลายจังหวัด เจ้าหน้าที่ตำรวจได้มีการเข้าไปประชาสัมพันธ์ไม่ให้ขับขี่รถกีดขวางการจราจรกับประชาชนผู้ใช้รถใช้ถนน หรือยกล้อ ขับรถประมาทหวาดเสียวเช่นเดียวกับกลุ่มที่รวมตัวกันเป็นลักษณะทริปสายบุญ ทริปน้ำไม่อาบ เจ้าหน้าที่ตำรวจในพื้นที่ ต้นทางจนถึงปลายทาง จะเฝ้าติดตามถ้ามีการกระทำผิดกฎหมาย ก็จะมีการดำเนินคดีจนถึงที่สุดทุกข้อหา ซึ่งศาลเคยมีคำพิพากษายึดรถมาแล้ว สำหรับกลุ่มที่ไปยกล้อบนทางขึ้นภูทับเบิก เป็นต้น
“คณะทำงานฯ จะขับเคลื่อนในการแก้ไขปัญหาเด็กแว้นอย่างจริงจังต่อเนื่อง เพื่อให้เกิดความสงบเรียบร้อยกับประชาชนอย่างแท้จริง ขอเชิญชวนประชาชนร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการจัดระเบียบสังคม พบเห็นเด็กแว้นหรือการกระทำผิดอื่นที่เกี่ยวข้อง แจ้งเบาะแสได้ที่ สายด่วน 1599 หรือ 191” ผู้ช่วย ผบ.ตร. กล่าว
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
'นครบาล' ทลาย 'ซาลอนเจ็ก' บริการครบวงจรย่านอาร์ซีเอ
สืบนครบาลทลายซาลอนเถื่อนชาวจีนบริการครบวงจร หมอเก๊ฉีดยาเสริมความงาม
ศาลสั่งจำคุก แอดมินเพจ 'ออยศรีและผองเผือก' หมิ่น 'ทนายตั้ม' ชดใช้เงิน 1 แสน
ศาลอาญาพิพากษาลงโทษ เพจ "ออยศรีและผองเผือก" จำคุก 8 เดือนปรับ 20,000 บาท โทษจำคุกรอลงอาญา 2 ปี หมิ่นประมาททนายตั้มให้ชดใช้เงิน 100,000 บาท
ศาลให้ประกัน พี่เมียทนายตั้ม วงเงิน 1 ล้าน ห้ามออกนอกประเทศ
ภายหลังศาลรับฝากขังนางสาวปิณฑิรา หรือดาว การิวัลย์ อายุ 43 ปี พี่สาวภรรยาทนายตั้ม ผู้ต้องหายื่นคำร้องพร้อมหลักทรัพย์ขอปล่อยชั่วคราว ระหว่างฝากขังศาลคำร้องพร้อมหลักทรัพย์
ปิดล้อม! ล่าตัวชายคลั่งยิงดับ 3 ศพ หนีข้ามจังหวัด ขอข้าวกินในวัดก่อนหลบเข้าป่า
จากกรณีมีเหตุยิงกันเสียชีวิตที่ตำบลโนนม่วง อ.ศรีบุญเรือง จ.หนองบัวลำภู มีผู้เสียชีวิต 3 ราย ทราบคนร้ายชื่อ นายสามารถ อายุ 54 ปี ได้ขับรถจักรยานยนต์หลบหนี
ละเอียดยิบ! เปิดพฤติการณ์ พี่เมีย 'ทนายตั้ม' สมคบฟอกเงิน โกงเจ๊อ้อย 39 ล้าน
ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก คณะพนักงานสืบสวนสอบสวน ตามคำสั่งกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ควบคุมตัว นางสาวปิณฑิรา หรือดาวการวัลย์ อายุ 43 ปี พี่สาวภรรยาทนายตั้ม ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาที่ ในความผิดฐาน "ร่วมกันกันฟอกเงิน
คุมตัวพี่เมีย 'ทนายตั้ม' ฝากขังศาล ตร.ค้านประกัน เจ้าตัวไม่ยอมปริปาก
เจ้าหน้าที่ตำรวจได้คุมตัว น.ส.ปิณฑิรา การิวัลย์ ซึ่งเป็นพี่สาวของภรรยานายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือทนายตั้ม ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาข้อหา “ร่วมกันฟอกเงินและสมคบตั้งแต่สองคนขึ้นไปเพื่อฟอกเงิน” ในคดีเงิน 39 ล้านบาทของ