ตำรวจ สภ.ชะอวด ทาสยานรกคลั่งแทงคอ 2 สาวสูงอายุดับสยอง 1 สาหัส 1

เปิดชื่อ “จ่าอาร์ม” ตำรวจ สภ.ชะอวดทาสยานรกคลั่งแทงคอ 2 สาวสูงอายุดับสยอง 1 สาหัส 1-ญาติ ๆ คนตายและคนเจ็บสุดทนปลุกกระแสสุจริตชนเปิดโปงตำรวจบนโรงพักเกี่ยวข้องกับผลประโยชน์ยาเสพติด

25 ก.พ. 2567 – จากกรณีที่ผู้หญิงสูงวัย 2 คนอายุประมารณ 60 ปีเศษ ขับผ่านมาหน้าศูนย์ กศน. และหน้า สภ.ชะอวด จ.นครศรีธรรมราช และถูกตำรวจคลุ้มคลั่งวิ่งลงมาจากแฟลตตำรวจ ถือมืดปลายแหลมตรงเข่าไปถีบรถ จยย.ของผู้หญิงสูงวัยจนล้มลงก่อนจะใช้มีดกะซวกแทงทั้งสองคนอย่างโหดเหี้ยมผิดมนุษย์ จนลำคอทะลุเสียชีวิตคาที่ 1 คน อีกคนอาการสาหัส ถูกนำส่ง รพ.ชะอวด และส่งต่อไปยัง รพ.มหาราช ส่วนตำรวจฆาตกรเหี้ยมถูกตำรวจในโรงพักช่วยกันจับกุมเอาได้ เหตุเกิดเมื่อค่ำวันนี้ (24 ก.พ.)

ความคืบหน้าล่าสุด ..เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ควบคุมตัวตำรวจฆาตกรซึ่งทราบชื่อว่า “จ่าอาร์ม” มาสอบสวนแต่ให้การวกวนไม่รู้เรื่อง จึงนำเข้าห้องควบคุมตัวโดยแยกขังเดียวพร้อมจัดกำลังคอยควบคุมดูแลอย่างใกล้ชิด ในขณะที่บรรดาญาติ ๆ ของผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตได้เข้าไปแสดงความคิดเห็นในเพจเฟซบุ๊คของสื่อมวลชนที่นำเสนอข่าวอย่างกว้างขวาง โดยระบุว่าตำรวจทั้งโรงพักรู้ดีว่าจ่าอาร์มติดยาเสพติดยาเสพติดงอมแงม จนมีอาการประสาทหลอน จนแทบไม่มีใครอยากเข้าไปใกล้หรือสุงสิงด้วย จนระยะหลัง ๆ จะเก็บตัวอยู่ในห้องพักบนแฟลตตำรวจชั้น 2 หรือชั้น 3 ก่อนเกิดเหตุคลุ้มวิ่งลงมาจากบนแฟลตลงมาก่อเหตุอย่างโหดเหี้ยมกลงถนนหน้าโรงพัก

สำหรับผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บตามปกติไปอาศัยและทำการค้าขายอยู่ที่ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา นาน ๆ จะกลับมาเยี่ยมญาติในพื้นที่ อ.ชะอวด สักครั้ง ในครั้งนี้เพิ่งกลับมาถึงบ้านและชวนกันขับรถ จยย.เพื่อไปเยี่ยมญาติ ๆที่อยู่ทางด้านทิศตะวันออกของสถานีรถไฟ และจำเป็นต้องขับรถผ่านหน้า ศูนย์ กศน. และโรงพัก โดยจ่าอาร์มฆาตกรนรกมีอาการคลุ้มคลั่งวิ่งลงมาจากแฟลตตำรวจตรงเข้ามาใช้เท้าถบรถ จยย.จนล้มก่อนใชมีดแทงผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตอย่างโหดร้ายทารุณคนละหลายครั้ง โดยเฉพาะผู้ตายซึ่งมีลักษณะเป็นสาวทอมรุ่นใหญ่ ถูกกระหน่ำแทงที่ท้ายทอย ลำคอ จนเป็นแผลเหวอะหวะเสี่ยชีวิตคาที่

ญาติของผู้ตายคนหนึ่งกล่าวว่า คนเจ็บและตายไม่เคยรู้จักหรือมีเรื่องโกรธแค้นใด ๆ กับจ่าอาร์ม ฆาตกรชั่วรายนี้ วันนี้ประชาชนจะไปพึ่งใคร เมื่อตำรวจเป็นทายยานรก กลายเป็นคนเชือนหรือระเบิดมนุษย์เสียเองแบบนี้สังคมจะอยู่กันอย่างไร ไม่แปลกใจที่นครศรีธรรมราชมีข่าวคนบ้า คนคลั่ง คนเชือนเป็นระเบิดมนุษย์ที่สร้างความเสียหายกับชีวิตและทรัพย์สินของสุจริตชนอย่างต่อเนื่องไม่เว้นแต่ละเว้น ต้นเหตุคือยาเสพติด วันนี้ขายยาเสพติดกันอย่างอิสระเสรี ยาเสพติดเป็นของใคร ชาวบ้านคนทราบว่าแต่ละพื้นที่รายใหญ่ล้วนเป็นตำรวจหรือเดกตำรวจทั้งนั้น

“ปัญหาที่เกิดขึ้นเพราะตำรวจปกป้อง ปกปิด ซุกปัญหาไว้ใต้พรม จนลุกลามเกินจะแก้ไข ยิ่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขมีประกาศเรื่องการครอบครองยาบ้า 5 เม็ดและยาเสพติดทุกประเภทในปริมาณน้อยไม่มีความผิด ให้ถือว่ามีไว้เพื่อเสพ ผู้เสพคือผู้ป่วย ต่อไปประชาชน สุจริตชนต่างอยู่กันหวาดผวารอวันตายสถานเดียวเท่านั้น”

ญาติสองสาวผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตกล่าวอีกว่า เรื่องนี้ชาว อ.ชะอวด สุดที่จะทนต่อไปอีกแล้ว ตำรวจอยู่กันสบาย ไม่สนใจว่าประชาชนจะมีความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินหรือไม่ ขอให้ชาวชะอวดออกมาร่วมต่อสู้เปิดโปงกลุ่มค้ายาที่มีตำรวจร่วมขบวนการ ใครบางที่อยู่บนโรงพักชะอวด ใครบ้างที่รับผลประโยชน์จากขบวนการค้ายาเสพติด น่าเชื่อว่า ผกก.ไม่รู้ รอง ผกก. ชุดสืบสวนไม่รู้เรื่องเลย มันเป็นไม่ได้ ชาวชะอวด ชาวโลกโซเชี่ยลช่วยกันขุดคุ้ย แฉข้อมูลออกมา ก่อนที่เหยื่อรายต่อไปอาจจะเป็นตัวคุณ.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ศาลให้ประกัน พี่เมียทนายตั้ม วงเงิน 1 ล้าน ห้ามออกนอกประเทศ

ภายหลังศาลรับฝากขังนางสาวปิณฑิรา หรือดาว การิวัลย์ อายุ 43 ปี พี่สาวภรรยาทนายตั้ม ผู้ต้องหายื่นคำร้องพร้อมหลักทรัพย์ขอปล่อยชั่วคราว ระหว่างฝากขังศาลคำร้องพร้อมหลักทรัพย์

ปิดล้อม! ล่าตัวชายคลั่งยิงดับ 3 ศพ หนีข้ามจังหวัด ขอข้าวกินในวัดก่อนหลบเข้าป่า

จากกรณีมีเหตุยิงกันเสียชีวิตที่ตำบลโนนม่วง อ.ศรีบุญเรือง จ.หนองบัวลำภู มีผู้เสียชีวิต 3 ราย ทราบคนร้ายชื่อ นายสามารถ อายุ 54 ปี ได้ขับรถจักรยานยนต์หลบหนี

ละเอียดยิบ! เปิดพฤติการณ์ พี่เมีย 'ทนายตั้ม' สมคบฟอกเงิน โกงเจ๊อ้อย 39 ล้าน

ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก คณะพนักงานสืบสวนสอบสวน ตามคำสั่งกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ควบคุมตัว นางสาวปิณฑิรา หรือดาวการวัลย์ อายุ 43 ปี พี่สาวภรรยาทนายตั้ม ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาที่ ในความผิดฐาน "ร่วมกันกันฟอกเงิน

คุมตัวพี่เมีย 'ทนายตั้ม' ฝากขังศาล ตร.ค้านประกัน เจ้าตัวไม่ยอมปริปาก

เจ้าหน้าที่ตำรวจได้คุมตัว น.ส.ปิณฑิรา การิวัลย์ ซึ่งเป็นพี่สาวของภรรยานายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือทนายตั้ม ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาข้อหา “ร่วมกันฟอกเงินและสมคบตั้งแต่สองคนขึ้นไปเพื่อฟอกเงิน” ในคดีเงิน 39 ล้านบาทของ