แฟ้มภาพ
17 ก.พ.2567 - ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 8 ธ.ค.66 ที่ผ่านมา พนักงานอัยการสำนักงานปราบปรามทุจริตฯ ได้รับสำนวนการสอบสวน คดีอาญาที่ 724/2566 บก.สอท.1 ที่พนักงานสอบสวน มีความเห็นทางคดีสมควรสั่งฟ้องผู้ต้องหา 14 คน (เดิมผู้ต้องหามีทั้งหมด60 กว่าคน )ประกอบด้วย 1.นายณัฐวัตร พิมพ์สวัสดิ์ ผู้ต้องหาที่ 1 2.น.ส.ธันยนันท์ สุจริตชินศรี ผู้ต้องหาที่ 2 3.น.ส.อรณี ทองอรุณ ผู้ต้องหาที่ 3 4.พ.ต.ต.ซานนท์ อ่อมทร ผู้ต้องหาที่ 12 5.น.ส.ทักษพร หงษ์เหมวัฒนา ผู้ต้องหาที่ 13
6.นายกิตติชัชิ ปภันโรบล ผู้ต้องหาที่ 14 7.พ.ต.อ.ภาคภูมิ พิสมัย ผู้ต้องหาที่ 20 8.พ.ต.ท.คริษฐ์ ปริยะเกตุ ผู้ต้องหาที่ 21 9.พ.ต.อ.อาริศ คูประสิทธิรัตน์ ผู้ต้องหาที่ 22 10.พล.ต.ต.นำเกียรติ ธีระโรจนพงษ์ ผุ้ต้องหาที่ 23 11.พ.ต.อ.เขมรินทร์ พิศมัย ผู้ต้องหาที่ 24 12.ส.ต.อ.ณัฐวุฒิ หวัดแวว ผีต้องหาที่ 25 13.ส.ต.อ.อภิสิทธิ์ คนยงศ์ ผู้ต้องหาที่ 26 14.นางภัสราวดี พิศมัย ผู้ต้องหาที่ 61
โดยเห็นควรสั่งฟ้อง นายณัฐวัตร พิมพ์สวัสดิ์ ผู้ต้องหาที่ 1 นางสาวอรุณี ทองอรุณ ผู้ต้องหาที่ 3 ในความผิดฐานร่วมกันจัดให้มีการเล่น หรือทำอุบายล่อ ช่วยประกาศโฆษณาหรือชักชวนโดยทางตรงหรือทางอ้อมให้ผู้อื่นเข้าเล่น หรือเข้าพนันในการเล่นทางสื่ออิเล็กทรอนิกส์โดยไม่ใด้รับอนุญาตจากเจ้าพนักงาน,สมคบโดยการตกลงกันตั้งแต่สองคนขึ้นไปเพื่อกระทำความผิดฐานฟอกเงินและได้มีการทำผิดฐานฟอกเงิน เพราะเหตุที่ได้มีการสมคบกัน, ร่วมกันฟอกเงิน ตามพรบ.การพนัน2478มาตรา 4,4ทวิ, 5,6,12(2) พรบ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. 2542 มาตรา 3(9),5(1)(2)(3), 9วรรคสอง, 60ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83 และเห็นควรสั่งฟ้องผู้ต้องหาที่ 1,3 ในความผิดฐานสนับสนุนผู้อื่น ให้ทรัพย์สิน หรือประโยชน์อื่นใดแก่เจ้าพนักงาน เพื่อจูงใจให้กระทำการ ไม่กระทำการอันมิชอบด้วยหน้าที่, สนับสนุนเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 184 , 157, 86
นางสาวธันยนันท์ หรือ สุชานันท์ หรือมินนี่ สุจริตชินศรี หรือ กุลวัฒนโยธิน ผู้ต้องหาที่ 2 ในความผิดฐานร่วมกันจัดให้มีการเล่น หรือทำอุบายล่อ ช่วยประกาศโฆษณาหรือชักชวน โดยทางตรงหรือทางอ้อมให้ผู้อื่นเข้าเล่น หรือเข้าพนันในการเล่นทางสื่ออิเล็กทรอนิกส์โดยไม่ได้รับอนุญาตจาก เจ้าพนักงาน, สมคบโดยการตกลงกันตั้งแต่สองคนขึ้นไปเพื่อกระทำความผิดฐานฟอกเงินและได้มีการทำผิดฐานฟอกเงินเพราะเหตุที่ได้มีการสมคบกัน, ร่วมกันฟอกเงิน ตามพระราชบัญญัติการพนัน พ.ศ. 2478 มาตรา 4,5ทวิ, 5,6,12(2) พรบ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. 2542มาตรา 3 (9), 5(1/2)(3), 9วรรคสอง, 60ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83(เช่นเดียวกับผู้ต้องหาที่ 1,3) และเห็นควรสั่งฟ้องผู้ต้องหาที่ 2 ในความผิดฐานให้ทรัพย์สิน หรือประโยชน์อื่นใดแก่เจ้าพนักงาน เพื่อจูงใจให้กระทำการ ไม่กระทำการอันมิชอบด้วยหน้าที่, สนับสนุนเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 144,157,86
นางสาวทักษพรหรือโม พงษ์เหมวัฒนา ผู้ต้องหาที่ 13 นายกิตติชัชหรือชัชวาล ปกัสโรบล ผู้ต้องหาที่ 14 ในความผิดฐานสมคบโดยการตกลงกันตั้งแต่สองคนขึ้นไปเพื่อกระทำความผิดฐานฟอกเงินและได้มีการทำผิดฐานฟอกเงินเพราะเหตุที่ได้มีการสมคบกัน, ร่วมกันฟอกเงิน ตาม พรบ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. 2542มาตรา 3(9), 5(1)(2)(3), 9วรรคสอง, 60ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา83
และเห็นควรสั่งฟ้องผู้ต้องหาที่ 13,14ในความผิดฐานสนับสนุนเจ้าพนักงาน เรียก รับ หรือยอมจะรับทรัพย์สิน หรือประโยชน์อื่นใดสำหรับตนเองหรือผู้อื่นโดยมิชอบ เพื่อกระทำการหรือ ไม่กระทำการอย่างใดในตำแหน่งไม่ว่าการนั้นจะชอบหรือมิชอบด้วยหน้าที่, สนับสนุนเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต, สมคบโดยการตกลงกันตั้งแต่สองคนขึ้นไปเพื่อกระทำความผิดฐานฟอกเงินและได้มีการทำผิด ฐานฟอกเงินเพราะเหตุที่ได้มีการสมคบกัน, ร่วมกันฟอกเงิน ตามพรบ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. 2542มาตรา 3(5), 5(1)(2)(3), 9วรรคสอง, 60ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 149,157,86
พันตำรวจเอกภาคภูมิ พิศมัย ผู้ต้องหาที่ 20 ในความผิดฐานร่วมกันจัดให้มีการเล่น หรือทำอุบายล่อ ช่วยประกาศโฆษณาหรือชักชวนโดยทางตรงหรือทางอ้อมให้ผู้อื่นเข้าเล่น หรือเข้าพนันในการเล่นทางสื่ออิเล็กทรอนิกโดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าพนักงาน, สมคบโดยการตกลงกันตั้งแต่สองคนขึ้นไปเพื่อกระทำความผิดฐานฟอกเงินและได้มีการทำผิดฐานฟอกเงินเพราะเหตุที่ได้มีการสมคบกัน, ร่วมกันฟอกเงิน ตามพรบ.การพนัน พ.ศ.2478 มาตรา 4,4ทวิ, 5,6,12(2) พรบ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินพ.ศ. 2542มาตรา 3(4), 5(1)(2)(3),9วรรคสอง, 60ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83(เหมือนผู้ต้องหาที่ 1-3) และ ในความผิดฐานเป็นเจ้าพนักงาน เรียก รับ หรือยอมจะรับทรัพย์สิน หรือประโยชน์อื่นใดสำหรับตนเองหรือผู้อื่นโดยมิชอบ เพื่อกระทำการหรือไม่กระทำการอย่างใดในตำแหน่งไม่ว่าการนั้นจะชอบหรือมิชอบด้วยหน้าที่, เป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต, เป็นเจ้าพนักงานสมคบโดยการตกลงกันตั้งแต่สองคนขึ้นไปเพื่อกระทำความผิดฐานฟอกเงินและได้มีการกระทำผิดฐานฟอกเงินเพราะเหตุที่ได้มีการสมคบกัน, เป็นเจ้าพนักงานร่วมกันฟอกเงิน, เป็นเจ้าพนักงานของรัฐรับทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดอันอาจคำนาณเป็นเงินได้จากผู้อื่น นอกเหนือจากทรัพย์สิน หรือประโยชน์ อันควรได้ตามกฎหมาย กฎ หรือข้อบังคับที่ออกโดยอาศัยอำนาจตามบทบัญญัติแห่งกฎหมาย เว้นแต่การรับทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดโดยธรรมจรรยาตามหลักเกณฑ์และจำนวนที่คณะกรรมการ ป.ป.ช. กำหนด ตามพรบ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. 2542มาตรา 3(5), 5(1)(2)(3), 9วรรสอง, 10,60 พรป.ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริตพ.ศ. 2561มาตรา 128,169) ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 149,157,83
พันตำรวจตรี ชานนท์ อ่วมทร ผู้ต้องหาที่ 12 ,พันตำรวจโทคริษฐ์ ปริยะเกตุ ผู้ต้องหาที่ 21 ,พันตำรวจเอก อาริศ คูประสิทธิ์รัตน์ ผู้ต้องหาที่ 22 ,พลตำรวจตรีนำเกียรติ ธีระโรจนพงษ์ ผู้ต้องหาที่ 23 ,พันตำรวจเอก เขมรินทร์ หรือเปียก พิศมัย ผู้ต้องหาที่ 24 ,สิบตำรวจเอกณัฐวุฒิ หวัดแวว ผู้ต้องหาที่ 25 ,สิบตำรวจเอก อภิสิทธิ์ คนยงค์ ผู้ต้องหาที่ 26 ในความผิดฐานเป็นเจ้าพนักงาน เรียกรับ หรือยอมจะรับทรัพย์สิน หรือประโยชน์อื่นใดสำหรับตนเองหรือผู้อื่นโดยมิชอบเพื่อกระทำการหรือไม่กระทำการอย่างใดในตำแหน่งไม่ว่าการนั้นจะชอบหรือมิชอบด้วยหน้าที่, เป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต, เป็นเจ้าพนักงานสมคบโดยการตกลงกันตั้งแต่สองคนขึ้นไปเพื่อกระทำความผิดฐานฟอกเงินและได้มีการกระทำผิดฐานฟอกเงินเพราะเหตุที่ได้มีการสมคบกัน, เป็นเจ้าพนักงานร่วมกันฟอกเงิน, เป็นเจ้าพนักงานของรัฐ รับทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดอันอาจคำนวณเป็นเงินได้จากผู้อื่น
นอกเหนือจากทรัพย์สินหรือประโยชน์อันควรได้ตามกฎหมาย กฎ หรือข้อบังคับที่ออกโดยอาศัยอำนาจตามบทบัญญัติแห่งกฎหมาย ว้นแต่การรับทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดโดยธรรมจรรยาตามหลักเกณฑ์และจำนวน ที่คณะกรรมการ ป.ป.ช. กำหนด ตาม พรบ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. 2542 มาตรา3(5), 5(1)(2)(3), 9วรรคสอง, 10,60 พรป.ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 128,169ประมวลกฎหมายอาญามาตรา 149,157,83(เหมือนกับผู้ต้องหาที่ 20)
นางภัสราวดี พิศมัย ผู้ต้องหาที่ 61 ในความผิดฐานสมคบโดยการตกลงกันตั้งแต่สองคนขึ้นไปเพื่อกระทำความผิดฐานฟอกเงินและได้มีการทำผิดฐานฟอกเงินเพราะเหตุที่ได้มีการสมคบกัน, ร่วมกันฟอกเงิน, สนับสนุนเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต พรบ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. 2542มาตรา 3(5), 5(1)(2)(3), 9วรรคสอง, 10,60ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 ,86
ผู้สื่อข่าวรายงานว่านายอภิชาต ถาใจ อัยการพิเศษฝ่ายคดีปราบปรามการทุจริต 2 เป็นผู้รับผิดชอบสำนวน เมื่อรับสำนวนพิจารณาเเล้วมีคำสั่งให้สอบสวนเพิ่มเติม 14 ข้อ โดยมีรายงานว่ามีข้อปลีกย่อยกว่า 6 หน้ากระดาษ เมื่อวันที่ 14 ธ.ค.2566 เเละให้ส่งผลสอบเพิ่มภายในวันที่ 15 ธ.ค. ซึ่งเป็นวันคดีครบขังสุดท้ายแล้ว ส่งผลให้ 8 นายตำรวจเเละผู้ต้องหาบางรายขาดขังเเละต้องปล่อยตัว
ต่อมาเมื่อคดีขาดขังแล้วได้แจ้งคืนสำนวนบางข้อหา และบางคน เช่น ข้อหาตามพรบ.การพนัน ฯ ข้อหาเกี่ยวกับการฟอกเงิน
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
มาแล้ว! ศาลปกครอง ร่อนเอกสารชี้แจงปม 'บิ๊กโจ๊ก' ยังไม่มีคำพิพากษาใดๆ
ศาลปกครอง เผยแพร่เอกสารชี้แจง กรณีที่มีสื่อมวลชนนำเสนอผลการพิจารณาคดีของศาลปกครองสูงสุด ในคดีที่พลตำรวจเอก สุรเชษฐ์ หักพาล ยื่นฟ้องขอเพิกถอนคำสั่งสำนักงานตำรวจแห่งชาติที่ให้ผู้ฟ้องคดีออกจากราชการไว้ก่อน นั้น
กูรูใหญ่ปูดข่าว 'บิ๊กโจ๊ก' ให้การ ปปช. ยืนยันชั้น 14 'ป่วยทิพย์'
นายไพศาล พืชมงคล นักกฎหมาย โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก
ลุ้นองค์คณะฯอ่านคำพิพากษา ดับฝัน 'โจ๊ก-แมว9ชีวิต' กลับตร.
เมื่อวันที่ 27 ส.ค. ที่ผ่านมา "บิ๊กโจ๊ก" - พล.ต.อ.สุรเชชษฐ์ หักพาล ได้ยื่นฟ้องต่อศาลปกครองสูงสุด เพื่อตรวจสอบความชอบธรรมของคำสั่งให้ออกจากราชการ ซึ่งคดีนี้เป็นประเด็นสำคัญที่ได้รับความสนใจ เนื่องจากเกี่ยวข้องกับการใช้อำนาจทางปกครองในระดับสูงของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ
ผบ.ตร. ไม่ขอก้าวล่วง ศาลปกครองสูงสุด ชี้ขาด 'บิ๊กโจ๊ก' ขอคุ้มครองชั่วคราว
พล.ต.อ.กิตติรัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) เปิดเผยถึงกรณีที่ศาลปกครองยกคำร้องคุ้มครองชั่วคำสั่งให้ออกจากราชการไว้ก่อนของ พล.ต.อ.สุรเชชษฐ์ หักพาล ว่า ตนขอให้ความเห็นแบบกว้าง ๆ
ศาลปกครองสูงสุด ปิดเงียบผลชี้ขาดคดีบิ๊กโจ๊ก สั่งเก็บหลักฐานฟันสื่อละเมิดอำนาจศาล
นายประสิทธิ์ศักดิ์ มีลาภ ประธานศาลปกครองสูงสุด เป็นประธานการประชุมใหญ่ตุลาการศาลปกครองสูงสุด
จบแล้วบิ๊กโจ๊ก! สะพัด ศาลปกครองสูงสุด ชี้คำสั่ง 'ให้ออกจากราชการ' ชอบด้วยกฎหมาย
ที่ศาลปกครองกลาง ถ.เเจ้งวัฒนะ มีการประชุมใหญ่ศาลปกครองสูงสุด โดยนายประสิทธิ์ศักดิ์ มีลาภ ประธานศาลปกครองสูงสุด เป็นประธานการประชุม