ตร.แนะ 3 ขั้นตอนเก็บหลักฐานบนสื่อสังคมออนไลน์ ก่อนแจ้งความ

ตร. แนะ 3 ขั้นตอนเก็บหลักฐานบนสื่อสังคมออนไลน์ ก่อนไปแจ้งความพนักงานสอบสวน

4 ก.พ.67 – พล.ต.ต.ศิริวัฒน์ ดีพอ รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวว่า พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผบ.ตร. ได้มีความห่วงใยพี่น้องประชาชนที่อาจได้รับความเสียหายจากอาชญากรรมรูปแบบต่าง ๆ โดยในปัจจุบันจากสถิติการรับแจ้งความออนไลน์คดีอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ พบว่ารูปแบบคดีที่มีจำนวนการแจ้งความมากที่สุดอันดับ 1 ยังคงเป็น “การหลอกลวงซื้อขายสินค้าหรือบริการทางออนไลน์”

ซึ่งปัญหาส่วนใหญ่ของการสืบสวนสอบสวนคดีอาชญากรรมทางเทคโนโลยีในปัจจุบันนั้น เกิดจากการที่ผู้เสียหายไม่สามารถเก็บรวบรวมพยานหลักฐานเบื้องต้นในการแจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวนได้เอง ทำให้คนร้ายมีเวลาในการลบข้อมูลต่าง ๆ อาทิ โพสต์ที่ใช้หลอกลวง ข้อความการสนทนา และบัญชีสื่อสังคมออนไลน์ที่คนร้ายใช้ในการกระทำความผิด ก่อนที่ผู้เสียหายจะมาแจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน ทำให้พนักงานสอบสวนไม่สามารถรวบรวมพยานหลักฐานที่จำเป็นต้องใช้ในการประสานขอข้อมูลจากผู้ให้บริการสื่อสังคมออนไลน์ได้

สำนักงานตำรวจแห่งชาติ จึงขอแนะนำ 3 ขั้นตอนเบื้องต้น ในการเก็บรวบรวมพยานหลักฐาน ก่อนที่จะไปแจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน คือ “แคปจอ เซฟลิงก์ ดูโปรไฟล์” โดยมีรายละเอียดดังต่อไปนี้

“แคปจอ” หรือ การบันทึกภาพหน้าจอ เป็นขั้นตอนที่สำคัญอย่างยิ่ง ในการเก็บรวบรวมพยานหลักฐานที่เกี่ยวข้องกับการหลอกลวงทางออนไลน์ เพราะจะสามารถแสดงให้เห็นถึง ชื่อบัญชี วันเวลาที่โพสต์ ตลอดจนข้อความและภาพต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการกระทำความผิดได้

“เซฟลิงก์” หรือ การบันทึกลิงก์ URLs ที่สามารถนำไปสู่โพสต์ที่เป็นความผิด เพื่อให้พนักงานสอบสวนสามารถนำลิงก์ดังกล่าวไปตรวจสอบข้อมูลกับผู้ให้บริการสื่อสังคมออนไลน์ และใช้เป็นหลักฐานประกอบสำนวนการสอบสวนเพื่อดำเนินคดีกับผู้กระทำความผิด

“ดูโปรไฟล์” หรือ การเข้าไปตรวจสอบหน้าบัญชีสื่อสังคมออนไลน์ของคนร้าย รวบรวมข้อมูลเบื้องต้น และหาลิงก์ของบัญชีสื่อสังคมออนไลน์ดังกล่าว ซึ่งเป็นข้อมูลที่สำคัญที่พนักงานสอบสวนต้องใช้ในการขอข้อมูลจากผู้ให้บริการสื่อสังคมออนไลน์ “เพราะลิงก์ของบัญชีสื่อสังคมออนไลน์แต่ละบัญชีเปรียบเสมือนรหัสประจำตัวประชาชน ที่จะไม่ซ้ำกับบัญชีอื่นแม้จะมีชื่อโปรไฟล์เดียวกัน จึงสามารถนำมาใช้ระบุบัญชีที่ใช้ในการกระทำความผิดได้”

โดยหากพี่น้องประชาชน สามารถทำตาม 3 ขั้นตอนในการเก็บหลักฐานบนสื่อสังคมออนไลน์ ก่อนไปแจ้งความพนักงานสอบสวนที่กล่าวมาข้างต้น จะส่งผลให้พนักงานสอบสวนสามารถรวบรวมพยานหลักฐานที่เกี่ยวข้องกับคดีของท่านได้อย่างมีประสิทธิภาพ และเพิ่มโอกาสที่จะนำตัวผู้กระทำความผิดมาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

สุดท้ายนี้ หากพี่น้องประชาชนได้รับความเสียหายจากอาชญากรรมทางเทคโนโลยี สามารถแจ้งความร้องทุกข์ได้ที่ศูนย์รับแจ้งความออนไลน์ บนเว็บไซต์ www.thaipoliceonline.go.th หรือสายด่วน 1441 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

'ดุสิตโพล' เผยคนไทยเบื่อความขัดแย้งในสตช.

สวนดุสิตโพล มหาวิทยาลัยสวนดุสิต สำรวจความคิดเห็นประชาชนทั่วประเทศ เรื่อง “หัวอกของคนเสพข่าวความขัดแย้งในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ” กลุ่มตัวอย่าง จำนวน 1,040 คน (สำรวจทางออนไลน์และภาคสนาม) ระหว่างวันที่ 25-28 มิถุนายน 2567

เลขาฯ ก.ตร. แถลงผลประชุม เห็นชอบคำสั่งให้ 'บิ๊กโจ๊ก' ออกจากราชการ โดยชอบกฎหมาย

พล.ต.ท.อนุชา รมยะนันทน์ ผู้บัญชาการสำนักงาน ก.ตร. ในฐานะเลขานุการ ก.ตร. กล่าวว่า ได้รับมอบหมายให้มาชี้แจงเกี่ยวกับกรณีผู้ร้องขอให้ ก.ตร. พิจารณาเกี่ยวกับการปฎิบัติการบริหารงานบุคคลของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ

'บิ๊กต่าย' ไม่หวั่นตายเดี่ยว พร้อมรับทุกอย่าง ยันเซ็นปลด 'โจ๊ก' ยึดหลักสุจริต

'บิ๊กต่าย' ลั่นไม่คิดโดนเช็กบิล หลัง 'โจ๊ก' จ่อยื่น ป.ป.ช. ยันเซ็นปลดสุจริต ย้ำหากเกิดอะไรขึ้นพร้อมน้อมรับ ร้องโอ้โห ไม่เคยคิดนั่ง 'ผบ.ตร.' ไม่หวั่นตายเดี่ยว ยกธรรมะเข้าสู้

'บิ๊กต่อ' ยังไม่เข้า สตช. หลังหนังสือส่งตัวกลับยังไม่ถึงสำนักงานกำลังพล

ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) ตลอดทั้งวันนี้ ได้มีสื่อมวลชนหลายสำนักเดินทางมารอติดตามความเคลื่อนไหวและการกลับเข้ามาทำงานวันแรกของ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ

เอ๊ะยังไง! นายกฯ เซ็นคำสั่งเองส่งคืน 'บิ๊กต่อ' แต่ขอดูอีกรอบก่อนเผยแพร่

นายกฯ ขอดูคำสั่ง 'บิ๊กต่อ' กลับ ตร. ก่อนเผยเเพร่ วอนอย่าเพิ่งด่วนสรุป รับปัญหาวงการสีกากีมีมานาน ยันพยายามสะสางไม่ได้ทิ้ง ลั่นพบผิดฟันขั้นเด็ดขาดแน่