ผบ.ตร. สอบปากคำมือยิงนศ.อุเทน รับสารภาพก่อเหตุเพื่อให้ได้เลื่อนชั้น

ผบ.ตร. สอบปากคำมือยิงครูเจี๊ยบ-นศ.อุเทนฯ รับสารภาพ เพื่อเลื่อนชั้นให้ได้รับการยอมรับ สั่งทลายทั้งแก๊งสร้างตัวเป็นองค์กรใต้ดิน ยึดเป็นโมเดลป้องกันนักเรียนตีกัน

20 ธ.ค.2566 - ที่กองบังคับการสืบสวนสอบสวน กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บก.สส.บช.น.) ความคืบหน้าคดียิงน้องหยอด นักศึกษาอุเทนถวายและครูเจี๊ยบ ล่าสุด น.ส.พรพิมล จำเมือง อายุ 50 ปี แม่น้องหยอด เดินทางมาดูผู้ต้องหาซึ่งเป็นมือยิงลูกชาย พร้อมเผยว่า ขอให้เป็นไปตามกระบวนการทางกฎหมาย เพราะ”คนพวกนี้สำนึกไม่เป็น“

ส่วนกรณีที่มีคนเข้ามาก่อกวนทั้งส่งคลิป มาเยาะเย้ยยอมรับว่ามีจริงมาเยาะเย้ยตน และหัวเราะเยาะใส่ซึ่งมีผู้หวังดีส่งภาพมาให้ แต่ไม่รู้ว่าจริงหรือไม่ก็ปล่อยไป ไม่คิดเอามาเป็นประเด็น ส่วนเมื่อเช้า ระหว่างเดินทางมาที่กองบังคับการสืบสวนสอบสวนกองบัญชาการตำรวจนครบาลมีคนมาดักรอตนนั้น และมีการส่งภาพเข้ามาป่วนว่าระวังตัวไว้ ตนก็ได้แต่ปล่อยไปเพราะไม่รู้ว่าจริงหรือไม่

น.ส.พรพิมล ยังเล่าถึงเหตุการณ์ที่ศาลอาญากรุงเทพใต้ตอนที่ตนเดินทางเข้าไปเพื่อคัดค้านการประกันตัวของกลุ่มผู้ต้องหาทั้ง 12 คน เผยว่าขณะยื่นหนังสือมีคนเข้ามาถามรุ่นพี่ของน้องหยอด ซึ่งเดินทางมาพร้อมตน ในลักษณะการก่อกวน ปั่นป่วน ให้มีอารมณ์แต่รู้ทันเกมเลยปล่อยไป ซึ่งเมื่อสอบถามไปก็ไม่ยอมบอกว่าเป็นใครมาจากไหน แต่ก็พอจะทราบว่ามาจากฝ่ายไหน โดยเหตุการณ์นี้จะไม่แจ้งความ เนื่องจากตำรวจศาลมีหลักฐาน และภาพจากกล้องวงจรปิดพบว่ายังไม่มีอะไรที่น่าเป็นห่วงเป็นแค่การยั่วยุเท่านั้น

เมื่อถามว่ากลัวหรือไม่ที่ถูกข่มขู่ ในความรู้สึกของตนตอนนี้มันเกินคำว่ากลัวไปแล้วมาถึงจุดนี้ก็ต้องไปให้ถึงที่สุด และมั่นใจว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจจะจับกุมคนที่หลบหนี มั่นใจ 99% ยอมรับอยากเห็นตัวนายเลาะ มากที่สุด เพราะอยากดูหน้าคนที่โหดเหี้ยมสั่งให้ฆ่าคนให้ตายได้ มีหน้าตา แววตา สายตา เป็นอย่างไร และ จิตใจทำด้วยอะไร

น.ส.พรพิมล ฝากถึงผบ.ตร. ว่าหลายๆเคส ที่ก่อเหตุโดยกลุ่มนักเรียนอาชีวะ ผู้ปกครองที่สูญเสียก็จะพูดเหมือนกันว่า “ขอให้จบ ให้มันหมด ให้มันสุดแค่นี้” แต่ไม่รู้ว่าจะสามารถทำได้สักแค่ไหน เชื่อในชุดทำงานชุดนี้ทุกคนมีความมุ่งมั่น และตั้งใจในตามจับตัวคนร้าย อยากให้มันจบสงบยุตติสักที

น.ส.พรพิมล ยอมรับว่าขณะนี้ก็มีความกังวลใจหลังจากที่มีข่าวออกมาว่ากลุ่มผู้ต้องหา 9 คนก่อนหน้าได้รับการประกันตัว และไม่รู้ว่าทางเขาจะอะไรยังไงกันเพราะเราเป็นคนบ้านๆ ไม่เคยเจอเหตุการณ์แบบนี้ แต่หากมองอีกมุมหนึ่งนี่คือข่าวใหญ่ระดับประเทศความผิดร้ายแรงโทษหนัก รับรู้กันทั่วประเทศ เพราะฉะนั้นผู้ใหญ่ที่มองเห็นเขาก็น่าจะพิจารณาได้ว่าเห็นสมควรแบบไหนอย่างไร

“ก่อนเดินทางมาได้จุดธูปบอกกับลูกชายว่า วันนี้จะเดินทางมาเพื่อดูหน้าของคนร้ายตอนนี้เข้าใกล้ความจริงแล้ว ขอให้คนที่สั่งฆ่า ไปไหนไม่รอดถึงทางตัน น้องหยอดจะได้ไปแบบไม่ต้องมีห่วงอะไรซักที เพราะเวลานี้ต้นรู้ว่าน้องหยอดยังคงวนเวียนกังวลอยู่”น.ส.พรพิมล กล่าว

“หากได้เจอหน้ามือยิงตนอยากถามว่า ทำแล้วได้อะไรบ้าง ได้โล่ไหม ได้เงินรางวัลไหม ได้คุณงามความดีไหม เขาได้เชิดชูเราไหม เมื่อทำไปแล้วได้อะไรบ้างครอบครัว และตัวคุณได้อะไร นอกจากหนีหัวซุกหัวซุน ครอบครัวจะเดือดร้อนไหมและจะเป็นบาปกรรม เวรกรรมที่ติดตัว อยากรู้ว่าที่ทำน้องหยอด และครูเจี๊ยบ ตายแล้วสิ่งที่ได้จากสังคมตอนนี้ได้อะไรบ้าง จากคนที่ยุ และหนุนคุณให้ทำและคุณนะได้อะไรจากพวกเขาบ้างนอกจากหนีหัวซุก หัวซุน จนหนีไม่รอด “น.ส.พรพิมล กล่าว

หลังจากนี้ตนก็จะใช้ชีวิตปกติ เพราะไม่ได้ทำเขาก่อนแต่เขามาทำแม่ก่อน และอยากจะบอกให้ต่างคนต่างอยู่ ไม่ต้องมาอะไรกับแม่ เพราะแม่เป็นคนบ้านๆไม่มีพิษมีภัยแต่ที่มาถึงจุดนี้เพราะทำลูกแม่แม่ก็ต้องเดินหน้าเรียกความยุติธรรมให้กับลูกแม่

ส่วนที่ สน.ทุ่งมหาเมฆ พนักงานสอบสวนควบคุมตัว นางสาวอัญญารัตน์ อายุ 24 ปี ผู้ต้องหาหมายจับศาลอาญากรุงเทพใต้ที่ จ.1203/2566 ลงวันที่ 16 ธ.ค. 66 ข้อหา “สนับสนุนร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน” ไปขออำนาจศาลอาญากรุงเทพเทพใต้ฝากขังผัดแรก โดยท้ายคำร้องพนักงานสอบสวนได้ขอคัดค้านการให้ประกันตัว เนื่องจากคดีมีอัตราโทษสูง และเกรงว่าหากปล่อยชั่วคราวผู้ต้องหาจะหลบนี

โดยระหว่างที่พนักงานงานสอบสวนควบคุมตัว นางสาวอัญญารัตน์ไปขึ้นรถ ผู้สื่อข่าวพยายามสอบถามถึงประเด็นต่าง ๆ แต่นางสาวอัญญารัตน์ไม่ได้ตอบคำถามใดกับผู้สื่อข่าว และมีสีหน้าที่ดูอิดโรยอย่างเห็นได้ชัด

นอกจากนี้พนักงานสอบสวน ยังให้ข้อมูลกับผู้สื่อข่าวอีกว่า ตลอดทั้งคืนที่ผ่านมา นางสาวอัญญารัตน์ มีอาการเครียด นอนไม่หลับ แต่สามารถรับประทานอาหารได้ตามปกติ ซึ่งนางสาวอัญญารัตน์เองได้มีการติดต่อไปหาญาติ แต่ก็ไม่มีญาติคนใดมาติดต่อขอเยี่ยม

สำหรับนางสาวอัญญารัตน์ มีสถานะเป็นเพื่อนสาวคนสนิทของนายนพวุฒิ ซึ่งนายนพวุฒิเป็นบุคคลที่ขับรถพานายอนาวิน และนายอับดุลเลาะ หลบหนีไปยังจังหวัดสุพรรณบุรี หลังก่อเหตุใช้อาวุธปืนยิงน้องหยอด และครูเจี๊ยบ จากนั้นนางสาวอัญญารัตน์ ได้ขับรถ honda accord สีทอง ไปรับนายนพวุฒิกลับมายังกรุงเทพฯ

ต่อมา พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผบ.ตร. ได้เดินทางมาสอบปากคำ นายอนาวิน แก้วเก็บ มือยิงครูเจี๊ยบและน้องหยอด ด้วยตนเอง ที่กองบังคับการสืบสวนสอบสวน กองบัญชาการตำรวจนครบาล

โดยพล.ต.อ.ต่อศักดิ์ เปิดเผยว่า นายอนาวินให้การรับสารภาพว่าเป็นคนยิง เป็นการก่อเหตุยิงครั้งแรกเพื่อเลื่อนชั้นให้เป็นที่ยอมรับ จากการพูดคุยสังเกตได้ว่าเป็นเด็กหัวอ่อน มีปัญหาทางครอบครัว จึงถูกชี้นำไปในทางที่ผิดได้ง่าย จึงได้อธิบายให้ผู้ต้องหาเข้าใจว่าตำรวจได้ดำเนินการไปตามพยานหลักฐาน ไม่ใช่เป็นการหว่านแหแล้วจับมา ซึ่งถือว่ามีพฤติกรรมเป็นองค์กรอาชญากรรมขนาดเล็ก เพราะมีการให้ความช่วยเหลือเรื่องคดีความ, จัดหาอุปกรณ์อาวุธปืนต่างๆ ซึ่งตนมองว่า พฤติกรรมแบบนี้ไม่ใช่นักศึกษาแล้ว ซึ่งจากคดีนี้จะเป็นโมเดลในการป้องกันเหตุที่อาจเกิดกับสถาบันอื่นอีก ซึ่งการทำงานจะต้องเป็นมืออาชีพแบบชุดจับกุมคดีนี้ เพื่อให้สำนวนแน่นหนาเอาผิดผู้ก่อเหตุได้

ส่วนสาเหตุก็มาจากเรื่องความขัดแย้งระหว่างสถาบันที่ถูกปลูกฝังวัฒนธรรมองค์กรแบบผิด ๆ เป็นโลกเสมือนจริงสร้างเรื่องราวให้เกิดความเคียดแค้น ส่วนเรื่องการที่กลุ่มเพื่อนผู้ต้องหาได้ไปข่มขู่ญาติผู้เสียหายถึงในศาลอาญากรุงเทพใต้นั้น ก็ต้องดำเนินการตรวจสอบต่อ และให้ความดูแลญาติผู้เสียหาย โดยจะสั่งการให้ตำรวจพื้นที่ไปดำเนินการ

อีกทั้งยืนยันว่าจะต้องทำลายจอมปลวกทั้งรัง ไม่ใช่ฆ่าปลวกที่บินออกมาสร้างความรำคาญ โดยจะต้องไปตรวจสอบคดีเก่ากับสถาบันอื่น เนื่องจากไม่ได้มีจอมปลวกเดียวที่สร้างปัญหาสังคม เป็นการขุดรากถอนโคนทำลายองค์กรที่มีพฤติกรรมเช่นนี้

การแก้ปัญหาระยะยาวนอกจากตำรวจแล้ว สถาบัน หน่วยงานการศึกษาก็มีความสำคัญ ที่ต้องเปลี่ยนแปลงวัฒนธรรมองค์กร ซึ่งก่อนหน้านี้ทางสถาบันมักจะอ้างว่าผู้ที่ก่อเหตุนั้นเป็นนักศึกษาที่ผลสภาพไปแล้ว แต่เมื่อความจริงปรากฏก็พบว่ามีทั้งนักศึกษาที่พ้นสภาพไปแล้ว และยังเป็นนักศึกษาอยู่ ร่วมกันก่อเหตุ เพราะปัญหาช่างกลยิงกันนั้น เป็นปัญหาที่มีมานานแต่แก้ปัญหากันไม่ถูกจุด โดยยกตัวอย่างว่า ถ้าสถาบันอยู่ใกล้กันควรจะมีการย้ายออกไปให้อยู่ห่างกัน เพื่อไม่ให้เกิดการปะทะกันได้ง่ายหรือไม่ และไม่ควรอยู่ในแหล่งชุมชนที่มีประชาชนผู้บริสุทธิ์สัญจรไปมาอยู่แบบนึ้ ซึ่งก็เป็นหนึ่งในการสร้างมาตรการความปลอดภัยในระยะยาว

ส่วนผู้ต้องหาที่หลบหนีอยู่ แนะนำว่าให้มามอบตัว ถ้าจะหนีต้องหนีทั้งชีวิต เพราะคดีมีอายุความหลายปี

หลังจากที่พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ ได้ชี้แจงต่อสื่อมวลชน นางสาวพรพิมล จำเมือง มารดาของ นายธนสรณ์ ห้องสวัสดิ์ หรือ น้องหยอด ก็ได้เข้ามาขอบคุณที่ตำรวจสามารถจับกุมผู้ต้องหาที่เกี่ยวข้องได้ เป็นการทวงคืนความยุติธรรมให้กับครอบครัวของตน และขอให้ทลายเครือข่ายดังกล่าวให้สิ้นซากไปเสียที

สำหรับผลการปฎิบัติปิดเมืองล่ามือยิงครูเจี๊ยบและน้องหยอด จากปฏิบัติการตรวจค้นกวาดล้างทั้ง 3 ครั้ง ออกหมายจับผู้ต้องหา 26 คน จับกุมแล้ว 24 คน ยังหลบหนีอีก 2 คน คือ นายอับดุลเลา ะดือราแม คนขี่รถจักรยานยนต์พานายอนาวินไปก่อเหตุยิง และนายรัชวุฒิ แก้วสว่าง ผู้ต้องหาตามหมายจับข้อหาซ่องโจร ที่ร่วมอยู่ในขบวนการนี้

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

‘ผบ.ตร.’ สั่งตำรวจเข้มงวดดูแลชีวิตและทรัพย์สินประชาชนช่วงปีใหม่

"ผบ.ตร."กำชับมาตรการเข้ม ดูแลชีวิตและทรัพย์สินของพี่น้องประชาชน ช่วงเทศกาลคริสต์มาส -ปีใหม่ ระดมกวาดล้างอาชญากรรม ลดอุบัติเหตุฟัน 10 ข้อหาหลัก

'สันธนะ' หอบหลักฐานเด็ดให้ 'บิ๊กต่าย' มัดคนฆ่า สจ.โต้ง ไม่ใช่ 'โกทร'

นายสันธนะ ประยูรรัตน์ อดีตตำรวจสันติบาล พร้อมทีมงาน ประสานเข้าพบ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.)

'บิ๊กต่าย' ยันไม่ได้ลอยตัว ปม ป.ป.ช. รับไต่สวนจนท.รัฐ เอื้อทักษิณนอนชั้น 14 พร้อมทำตามกฎหมาย

พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ( ผบ.ตร.) เปิดเผยกรณีคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ หรือ  ป.ป.ช. มีมติให้ตั้งองค์คณะไต่สวนเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์และแพทย์ใหญ่โรงพยาบาลตำรวจ รวม12 ราย

ผบ.ตร. เซ็นโอนคดี 'สจ.โต้ง' ให้กองปราบแล้ว ผลนิติวิทยาศาสตร์เป็นประโยชน์ต่อรูปคดี

พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาจิ (ผบ.ตร.) เปิดเผยว่า ขณะนี้ได้เซ็นโอนคดี นายชัยเมศร์ สิทธิสนิทพงศ์ หรือ สจ.โต้ง ถูกยิงเสียชีวิตในบ้านพักของ นายสุนทร วิลาวัลย์  หรือ โกทร  อายุ 86 ปี นายก อบจ.ปราจีนบุรี

'บิ๊กอ้อ' ลุยปราจีนฯ คุมสางคดีฆ่า 'สจ.โต้ง' มั่นใจหลักฐานพอ ไม่พึ่งวงจรปิด

'บิ๊กอ้อ' บินสางปมยิง 'สจ.โต้ง ปราจีน' เชื่อชนวนเหตุสังหารจากการเมืองท้องถิ่น มั่นใจหลักฐานเพียงพอ แม้วงจรปิดที่เกิดเหตุเสีย