อัยการจ่อตั้งคณะทำงานคดี 'หุ้นสตาร์ค' นัดฟังคำสั่งฟ้อง 12 ม.ค. 67

‘อธิบดีอัยการคดีพิเศษ’ เปิดขั้นตอนหลังรับคดีหุ้นสตาร์ค เสียหาย 1.4 หมื่นล้าน จากดีเอสไอ จ่อตั้งคณะทำงานพิจารณา นัดฟังคำสั่งฟ้องหรือไม่ 12 ม.ค. 67 พร้อมโชว์ผลงานส่งฟ้องศาลยึดทรัพย์เกือบหมื่นล้าน

11 ธ.ค. 2566 – นายวิรุฬห์ ฉันท์ธนนันท์ อธิบดีอัยการสำนักงานคดีพิเศษ เปิดเผยขั้นตอนภายหลังพนักงานอัยการสำนักงานคดีพิเศษ รับสำนวนจากพนักงานสอบสวนพนักงานสอบสวนกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ได้นำตัวผู้ต้องหาคดีทุจริตในบริษัท สตาร์ค คอร์เปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) พร้อมสำนวนการสอบสวน รวมถึงเอกสารพยานหลักฐาน ในคดีที่มีการกล่าวหา นายชนินทร์ เย็นสุดใจ (อยู่ระหว่างหลบหนี) กับพวกรวม 11 คนในความผิดตามพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) หลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ.2535 ฐานตกแต่งบัญชีและงบการเงิน และฐานฉ้อโกงประชาชนฯ ต่อพนักงานอัยการสำนักงานคดีพิเศษเพื่อพิจารณามีคำสั่งทางคดี เมื่อวันที่ 8 ธ.ค.ที่ผ่านมาว่า เรื่องนี้ทางสำนักงานอัยการสูงสุดได้รับสำนวนคดีหุ้นสตาร์ค เมื่อวันที่ 8 ธ.ค. ที่ผ่านมา ช่วงเวลา 14.00 น.เศษ ซึ่งเป็นคดีที่พนักงานสอบสวนคดีพิเศษเป็นผู้มีอำนาจสอบสวนคดีและมีการสรุปสำนวนพร้อมความเห็นสมควรสั่งฟ้องผู้ต้องหาให้กับทางสำนักงานคดีพิเศษ ซึ่งคดีดังกล่าวเป็นคดีที่ประชาชนให้ความสนใจเป็นจำนวนมาก เพราะเป็นคดีที่มีผู้เสียหาย มูลค่าความเสียหายจำนวนมาก มีการกล่าวหาผู้ต้องหาทั้งหมด 12 คน หลบหนี 1 คน เหลือตัวผู้ต้องหา 11 คน มี 5 รายเป็นนิติบุคคล ทุกคนมาทราบนัดวันส่งตัว

โดยพฤติการณ์ของการกล่าวหาคือ ผู้ต้องหาทั้งหมดได้ร่วมกันสร้างบัญชีเท็จขึ้นมาโดยเป็นบัญชีของบริษัทซึ่งไม่ตรงกับความจริง มีลักษณะเหมือนกับเป็นการสร้างรายได้ปลอมที่มีมูลค่ากำไรสูงเกินการสร้างรายได้เเละรายได้ปลอมผ่านทางบริษัทย่อย ที่เป็นเครือข่ายหลายบริษัท หลังจากนั้นก็มีการนำรายได้ที่สร้างขึ้นเท็จนี้ เอาไปเสนอขายหุ้นให้กับประชาชน ผ่านทางแบบแสดงรายการข้อมูลเสนอขายตราสารหนี้ และหนังสือชี้ชวนจนกระทั่งมีผู้สนใจเข้ามาซื้อหุ้นและร่วมลงทุนเป็นจำนวนมากรวมผู้เสียหายทั้งหมด 4,000 กว่าคน ค่าเสียหายมูลค่ากว่า 14,000 ล้านบาท ซึ่งหลังจากได้เงินของจากการลงทุนของประชาชนและจากผู้ลงทุนสถาบันมาแล้ว จะมีการยักย้ายถ่ายเทเปลี่ยนเงินออกไปเป็นทอดๆ มีข้อสังเกตว่าบางส่วนเป็นการนำเงินไปเข้าบัญชีส่วนตัว บางส่วนก็นำไปชำระหนี้แทนลูกหนี้การค้าซึ่งมีการสร้างปลอมขึ้น

โดยภายหลังพนักงานอัยการเราได้รับสำนวนก็ได้ตรวจสอบพยานเอกสารทั้งหมดที่อยู่ในสำนวนทั้งหมด 22 ลังรายรวมจำนวน 130 เเฟ้มเศษ มีผู้เสียหาย 4,000 กว่าคน ซึ่งภายในสัปดาห์หน้า ตนจะมีคำสั่งตั้งคณะทำงานประกอบด้วยพนักงานอัยการสำนักงานคดีพิเศษประมาณ 5-7 คน มีระดับอัยการพิเศษฝ่ายขึ้นไปเป็นหัวหน้าคณะทำงานพิจารณาสำนวนทำความเห็น เเละนัดผู้ต้องหาทุกคนมาฟังคำสั่งในวันที่ 12 ม.ค. 2567 เวลา 10.00 น.

สำหรับคดีนี้เป็นคดีที่ประชาชนให้ความสนใจ เพราะมีความผิดในลักษณะกระทบเศรษฐกิจหุ้น ซึ่งผู้เสียหายมีเป็นจำนวนมากความเสียหายเป็นวงกว้างทางอัยการจะต้องพิจารณาสำนวนอย่างรอบคอบให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย บนพื้นฐานของประโยชน์สาธารณะ ตนคิดว่าสำนวนคดีนี้เราจะพิจารณาสั่งให้เสร็จโดยเร็ว แต่การจะสั่งฟ้องหรือไม่ฟ้องให้ทันวันที่ 12 ม.ค. ได้หรือไม่นั้น ขึ้นอยู่กับพยานหลักฐานในสำนวนว่าสิ้นกระแสความหรือไม่ ถ้าหากสิ้นกระแสความจนสามารถสั่งฟ้องได้หรือสั่งฟ้องไม่ได้ อัยการก็จะมีคำสั่งสั่งฟ้องหรือไม่ฟ้องคดี แต่ถ้าหากว่ายังไม่สิ้นกระแสความเนื่องจากว่าขาดพยานหลักฐานสำคัญที่จำเป็นที่จะต้องใช้ในการพิจารณาสั่งคดี ก็จะต้องมีการสั่งให้พนักงานสอบสวนดีเอสไอทำการสอบสวนเพิ่มเติม

นอกจากคดีฉ้อโกงหุ้นคดีนี้เเล้ว ทางสำนักงานอัยการคดีพิเศษมีหน้าที่ทำคดีเกี่ยวกับการฟอกเงิน และมีการขอยึดทรัพย์สินให้ตกเป็นของแผ่นดิน ที่ผ่านมาพนักงานสอบสวนของสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินได้ยื่นขอให้อัยการสำนักงานคดีพิเศษยื่นต่อศาลขอให้ยึดทรัพย์สินต่อศาล ซึ่งที่ผ่านมาเคยได้แจ้งผ่านสื่อมวลชนว่าตั้งแต่ปี 60 เป็นต้นมา คดีที่อัยการสำนักงานคดีพิเศษยื่นขอยึดทรัพย์เราชนะคดีเกือบทุกคดี โดยศาลได้สั่งให้เราชนะคดีเป็นจำนวนเทรัพย์สินทั้งสิ้นประมาณ 30,000 ล้านบาทเศษ ในช่วงปี 2565 -2566 ซึ่งเป็นช่วงที่ตนดำรงตำแหน่งเป็นอธิบดีอัยการคดีพิเศษ เราก็ชนะคดียึดทรัพย์สินใก้ตกเป็นของเเผ่นดินเกือบ 100%

โดยเฉพาะในส่วนของการขอยึดทรัพย์ฯ ตั้งเเต่ปี 2565-2566 จนถึงปัจจุบันเป็นจำนวนเงินทั้งสิ้นประมาณเกือบ 10,000 ล้านบาท และคาดว่าในปีนี้คือ 2566-2667 ทรัพย์สินที่เราชนะและมีการยึดทรัพย์สินตกเป็นของแผ่นดินคาดว่าจะมีจำนวนไม่ต่ำกว่า 10,000 ล้านบาท.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

'รมว.ยธ' โยนถาม DSI สอบปม MOU บ.สแกนม่านตา หลังอดีตปลัดดีอีให้การฝ่ายการเมืองสั่ง

รมว.ยุติธรรม โยนถาม ดีเอสไอ หลังเรียก สอบปม MOU กระทรวงดีอี-บ.สิงคโปร์ สแกนม่านตา หลังอดีตปลัดดีอีให้การ ฝ่ายการเมืองสั่ง ยํ้า เรื่องนี้น่าเป็นห่วง เพราะกระทบ ปชช.หลายคน

'ไชยชนก' แย้ม 'DSI' มีข้อมูลโยง 2 นักการเมือง ปม MOU บ.สแกนม่านตา

'ไชยชนก' ชี้หน้าที่ 'ดีเอสไอ' สอบสวน หลังพบข้อมูลนักการเมือง 1-2 คน เอี่ยว MOU กระทรวงดีอี-บ.สิงคโปร์ สแกนม่านตา โยงฟอกเงินดิจิทัล

อึ้ง! 11 เดือนจับสินค้าละเมิดสิขสิทธิ์กว่า 3 ล้านชิ้นมูลค่ากว่าพันล้าน

รัฐบาลเผยสถิติจับกุมสินค้าละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาช่วง 11 เดือน ปี 68 ยึดของกลาง กว่า 3 ล้านชิ้น มูลค่าความเสียหายกว่าพันล้านบาท เดินหน้ายกระดับจัดการสินค้าละเมิดบนแพลตฟอร์มออนไลน์

'ชนนพัฒฐ์' เมินกระแสพัวพันเว็บพนัน ยันได้ลงเลือกตั้งสงขลา

กล้าธรรมคึกคัก แกนนำ-ว่าที่ผู้สมัคร-อดีต สส. ทยอยตบเท้าเข้าพรรค "ชนนพัฒฐ์" ยันได้ลงเลือกตั้งสงขลา พร้อมเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม ปมถูกตรวจสอบ