ผู้การอึ้ง! เด็กวัย 13 ปี ยกพวกปาบึ้มใส่กัน ทำระเบิดเอง อ้างไว้ป้องกันตัว

1 ธ.ค. 2566 – ผู้สื่อข่าวจังหวัดสมุทรปราการรายงานว่า ภาพกล้องวงจรปิดที่ปากซอยหน้าตลาดแห่งหนึ่งในอำเภอเมือง จังหวัดสมุทรปราการ จับภาพได้ในขณะที่มีกลุ่มนักเรียนชั้นมัธยมต้นสองฝ่ายพากันขับขี่รถจักรยานยนต์ตามกันมาถึงปากซอยที่เกิดเหตุ ก่อนที่จะจอดรถประกบกัน แล้วเยาวชนอีกฝ่ายลงมากระชากคอเสื้อเพื่อจะลงมือทำร้ายร่างกายกัน แต่ปรากฏว่าเยาวชนอีกฝ่ายที่ถูกกระชากคอเสื้อ ควักระเบิดปิงปองปาลงพื้นกลางวง จนเกิดเสียงดังสนั่นและควันดินปืนเกิดขึ้นจำนวนมาก ท่ามกลางสายตาของประชาชนในละแวกที่เกิดเหตุจำนวนมาก ขณะที่อีกส่วนพยายามขับขี่รถจักรยานยนต์หลบหนี แล้วไปตัดหน้ารถเก๋งสีขาวที่ขับมาทางตรงจนถูกชนท้ายล้มกลิ้งไปกับพื้นถนน หลังเกิดเหตุไม่ถึงนาที เจ้าหน้าที่สายตรวจของ สภ.บางปู ชุดปะฉะดะ ซึ่งเฝ้าระวังเหตุนักเรียนนักเลงในละแวกนั้น ได้ช่วยกันจับกุมตัวกลุ่มวัยรุ่นทั้งสองฝ่าย รวม 7 คน ซึ่งพบว่าทั้งหมดอายุระหว่าง 13 – 15 ปี เท่านั้น จึงนำตัวมายัง สภ.บางปู พร้อมกับของกลางมีดดาบขึ้นสนิมหนึ่งเล่ม และประสานไปยังผู้ปกครองให้รับทราบเรื่องนี้ เหตุการณ์ครั้งนี้เกิดขึ้นเมื่อเวลา 16.00 น. วันที่ 30 พฤศจิกายน 2566

ต่อมาช่วงค่ำวันเดียวกัน พล.ต.ต.วิชิต บุญชินวุฒิกุล ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดสมุทรปราการ พร้อมด้วย พ.ต.อ.พิสุทธิ์ จันทรสุวรรณ ผกก.สภ.บางปู เข้าพูดคุยและสอบปากคำเบื้องต้นกับผู้ก่อเหตุทั้งสองฝ่าย ทราบว่าทั้งสองฝ่ายมีอายุไม่ถึง 15 ปี ต่ำสุดคือ 13 ปี จึงมีการสอบถามถึงสาเหตุและแรงจูงใจในการก่อเหตุ

พล.ต.ต.วิชิต กล่าวว่า ในฐานะผู้บังคับการ ได้นำเรื่องนักเรียนนักเลงตีกันขึ้นมาเป็นวาระสำคัญในระดับจังหวัดของจังหวัดสมุทรปราการ ในการหาแนวทางป้องกันไม่ให้เกิดเหตุในลักษณะเช่นนี้ ซึ่งที่ผ่านมาอาจมุ่งเน้นไปยังสถานศึกษาในระดับอาชีวะ ในเรื่องแผนป้องกันเหตุ แต่ล่าสุดกลับมาพบว่ามีการขยายแนวคิดและอุดมการณ์ที่ผิดลงมายังนักเรียนชั้นมัธยมต้น ซึ่งหลังจากนี้ ตนเองไม่ได้นิ่งนอนใจและนำเรียนผู้ว่าราชการจังหวัดเพื่อเพิ่มมาตรการรวมถึงประสานสถานศึกษาระดับมัธยมทุกแห่งให้วางมาตรการและหาแนวทางการระงับเหตุป้องกันเหตุ มุ่งเน้นดูแลให้อบรมให้ความรู้แก่กลุ่มเยาวชนเปราะบางที่มีปัญหาทางครอบครัว

เนื่องจากสถิติที่ผ่านมา นั้นพบว่ากว่าร้อยละ 80 นั้นเกิดจากปัญหาทางครอบครัว ที่เด็กและเยาวชนขาดการอบรมสั่งสอนและขาดความอบอุ่นทางครอบครัว ทำให้ติดเพื่อนและถูกรุ่นพี่ปลูกฝังแนวคิดและอุดมการณ์ในทางที่ผิด ซึ่งหลังจากนี้จะต้องเพิ่มความเข้มข้น ไม่ว่าจะยกระดับชุดเคลื่อนที่เร็ว ปะฉะดะ รวมถึงการแฝงตัวของตำรวจชุดสืบสวนเข้าไปยังสถานศึกษาเพื่อหาการข่าวและดูแลเฝ้าระวังกลุ่มเป้าหมาย ส่วนชนวนเหตุครั้งนี้จากการพูดคุยสอบถามทั้งสองฝ่ายก็มาจากเคยมีปัญหาทะเลาะวิวาทกันมาก่อน แล้วตามเอาคืนให้เพื่อนร่วมสถาบันกัน

ส่วนระเบิดที่นำมาใช้ก่อเหตุ พบว่าเยาวชนอายุ 13 ปี ยอมรับว่าเป็นคนที่ดัดแปลงทำขึ้นมาเอง ซึ่งอ้างว่าไว้ใช้เพื่อป้องกันตัว สำหรับการดำเนินคดีกับทั้งสองฝ่ายนั้น สั่งการให้ดำเนินคดีให้ถึงที่สุด เพื่อไม่ให้เป็นเยี่ยงอย่าง ซึ่งจะถูกแจ้งข้อหา ทั้งพกพานำพาวัตถุระเบิด พกพานำพาอาวุธมีด รวมถึงข้อหาร่วมกันสมัครใจทะเลาะวิวาท จากนั้นให้จัดทำประวัติและส่งตัวให้ผู้ปกครองรับไปดูแลก่อนจะนัดมาดำเนินการตามขวบการของกฎหมายต่อไป.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

'บิ๊กต่อ' สั่งนครบาลสอบด่วน! ป้ายซื้อขายพาสปอร์ต ผิดจริงฟันแน่

'ผบ.ตร.' สั่งตรวจสอบที่มาของป้ายโฆษณาภาษาจีน รับทำหนังสือเดินทาง-ขอสัญชาติต่างๆ กำชับ สตม. ตรวจสอบ คัดกรองคนต่างด้าว เจอกระทำผิดฟันตามกฎหมายทุกมิติ

อดีตจเรตำรวจฯ ขอทำเรื่องเฉพาะหน้า ‘เพิ่มเงิน-สวัสดิการตำรวจ’ ก่อนจะไปเปลี่ยนประธาน ก.ตร.

ณะนี้มีการเคลื่อนไหวจะปฏิรูปตำรวจโดยตำรวจเอง หลักๆคือให้นายกรัฐมนตรีไม่เป็นประธานคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ หรือ ก.ตร.  แต่ประธานจะมาจากการเลือกกันเองเหมือนคณะกรรมการข้าราชการอัยการ หรือ ก.อ. กระผม ไม่แน่ใจว่าจะเกิดผลดีกว่าเดิมหรือแย่กว่าเก่า

‘นักกฎหมายตำรวจ’ ถอดบทเรียน การเข้าระงับเหตุ ลดความสูญเสีย

ด้วยความเคารพความกล้าหาญ และเสียสละของผู้เสียชีวิต ควรแก่การยกย่องเป็นเกียรติประวัติสืบไป แต่การเข้าระงับเหตุ ของตำรวจไทยมีข้อผิดพลาด ต้องนำไปถอดบทเรียนแก้ไข

สลด! หนุ่มมุกดาหารโดนไฟดูด ดับคาเสาไฟฟ้าแรงสูง

เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.มุกดาหาร ได้รับแจ้งเหตุว่ามีคนตายบนเสาไฟฟ้าแรงสูง บริเวณทางเข้าหมู่บ้านคำตุนาง ไปยังหมู่บ้านกุดโง้ง ตำบลมุก อำเภอเมือง

‘บิ๊กเอก’ ยกเสียงสะท้อนจากตำรวจ เจ็บปวดผู้มีอำนาจข่มขืนองค์กร ถึงเวลาต้องปฏิรูปตร.

อีกเสียงสะท้อนจากนายตำรวจ ที่สื่อสารออกมา อย่างเจ็บปวด เปรียบเทียบให้เห็นภาพองค์กรตำรวจ ผู้มีอำนาจทางการเมือง อดีตผู้บังคับบัญชาสูงสุด ทำอะไรไว้ ควรที่จะปฏิรูปตำรวจอีกหรือไม่