กองปราบตั้งอัยการ ที่ปรึกษากฎหมายเอาผิด ม.157 ตำรวจ 13 นาย นำ 6 ตร.ขังเรือนจำ

กองปราบตั้งอัยการเป็นที่ปรึกษาข้อกฎหมายเอาผิด 157 ตำรวจ 13 นาย คาดสัปดาห์ชัดเจน พร้อมส่งเรื่องศาลทุจริตภาค 7 นำ 6 ตำรวจขังเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ

19 ก.ย.2566 - ที่กองบังคับการปราบปราม (บก.ป) พ.ต.อ.วิวัฒน์ จิตโสภากุล ผกก.3 บก.ป. เรียกประชุมตำรวจชุคคลี่คลายการเสียชีวิตของ พ.ต.ต.ศิวกร สายบัว ตำรวจทางหลวง ที่ถูกยิงเสียชีวิตภายในงานเลี้ยงบ้านนายประวีณ จันทร์คล้าย หรือกำนันนก หลังจาก พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) มีคำสั่งโอนคดีมาให้กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (บช.ก.) เป็นผู้รับผิดชอบคดีว่า ตั้งแต่ช่วงเช้าทางกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลางและกองบังคับการปราบปราม ได้มีการประชุมคณะพนักงานสอบสวน คณะพนักงานสืบสวนเกี่ยวกับเรื่องการโอนสำนวนมาที่ตำรวจสอบสวนกลางชี้แจงว่าหลังจากเกิดเหตุวันที่ 6 ก.ย.ที่ผ่านมาและในวันที่ 7 ก.ย.ทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้โอนคดีฆ่ามาที่ บช.ก.

เนื่องจากคำสั่งสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ให้ตำรวจสอบสวนกลางและกองปราบมีอำนาจในการสอบสวนคดีที่ผู้ต้องหาเป็นผู้มีอิทธิพล มือปืนรับจ้างหรือกลุ่มที่ใช้อาวุธปืนสำคัญ หลังจากมีการดำเนินในพื้นที่ตำรวจภูธรภาค 7 เกี่ยวกับเรื่องตำรวจทั้ง 6 นายที่ปฎิบัติหน้าที่ไม่ชอบมาตรา 157 ซึ่งเป็นเรื่องเดียวกันเป็นข้อเท็จจริงเดียวกัน ทางตำรวจภูธรภาค 7 ได้เสนอมาที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ให้โอนเรื่อง 157 มาที่ตำรวจสอบสวนกลางเป็นไปตามขั้นตอนปกติ

วันนี้คณะทำงานได้มีการประชุมหารือกับฝ่ายสอบสวนเพื่อดำเนินการอีกหลายส่วน ไม่ว่าจะเป็นคดีฆ่า คดี 157 ขณะนี้ได้ทำหนังสือไปที่ศาลทุจริตภาค 7 เพื่อขอโอนฝากขังมาที่ศาลทุจริตกลางและได้ทำหนังสือไปที่กรมราชทัณฑ์เพื่อขอโอนการฝากขังผู้ต้องหามาที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพ เนื่องจากเป็นเหตุการณ์เดียวกันไม่ว่าจะเป็นคดีฆ่าหรือคดี 157 พยานหลักฐานชุดเดียวกัน คำให้การชุดเดียวกัน เราจะประมวลเรื่องนี้ให้เป็นเรื่องเดียวกันเพื่อประโยชน์ของการอำนวยความยุติธรรมในชั้นศาลทุจริต เป็นคดีหลายกรรมเกี่ยวเนื่องกันศาลทุจริตสามารถรวมเรื่องกันได้

ผู้สื่อข่าวถามตำรวจทั้ง 6 นายจะถูกควบคุมตัวที่เดียวกันกับกำนันนกหรือไม่ พ.ต.อ.วิวัฒน์ ตอบว่า เรื่องนี้กรมราชทัณฑ์เป็นผู้จัดการ ถามต่ออีกว่ากังวลหรือไม่ถ้าทั้งตำรวจ 6 นายมาอยู่ที่ดียวกันกับกำนันนกอาจจะหลับคำให้การ เขาตอบว่า ขณะนี้ยังไม่ทราบข้อเท็จจริงว่าจะให้ตำรวจทั้ง 6 คนไปอยู่ตรงไหน ต้องหารือกับกรมราชทัณฑ์

เมื่อถามถึงการดำเนินคดีกับเจ้าหน้าที่ ตำรวจ 13 นาย พ.ต.อ.วิวัฒน์ กล่าวว่า ระหว่างนี้เรามีการสอบสวนเพิ่มเติม ตั้งแต่วันแรกที่เกิดเหตุตำรวจภูธรภาค 7 ชุดของสำนักงานตำรวจแห่งชาติและตำรวจกองปราบทำงานร่วมกันตลอดตอนนี้สำนวนโอนมาที่ตำรวจสอบสวนกลางไม่ได้เป็นการทำใหม่เป็นการเพิ่มเติมในรายละเอียดที่เกี่ยวข้องให้สมบูรณ์ที่สุด อะไรที่เราสงสัยต้องมีการขยายผลเพิ่มเติมอย่างต่อเนื่อง ส่วนกล้องวงจรปิดเป็นหลักฐานชิ้นหนึ่งที่ใช้ในการดำเนินคดี และวันที่ 18 ก.ย.ที่ผ่านมา พฐ.ได้เข้าไปตรวจสอบข้อมูลเทคนิคบางส่วนแต่ยังไม่มีอะไรเพิ่มเติมกล้องวงจรปิดมีทั้งหมด 15 ตัว ไม่ทำงาน 2 ตัวตั้งแต่เดือนสิงหา ส่วนกล้องอีกตัวนึงที่ทำงานถึงเวลา 10 โมงในวันเกิดเหตุ เจ้าหน้าที่ได้มีการตรวจสอบพบว่ากำนันนกอยู่ที่บริเวณนั้นแต่เจ้าหน้าที่ไม่ได้ตัดประเด็นว่าใครไปดึงปลั๊กหรือปิดกล้องเพราะเรื่องนี้เป็นฝ่ายเทคนิคผู้ชำนาญการที่ต้องเข้ามาตรวจสอบเรื่องนี้อีกทีนึง

ผู้สื่อข่าวถามต่อว่ากล้องวงจรปิดเป็นหลักฐานชิ้นสำคัญถ้ากู้ 2 ตัวที่สาดมาบริเวณงานเลี้ยงไม่ได้จะเอาผิดกำนันนกได้หรือไม่ เขาตอบว่า วงจรปิดที่เกิดเหตุเป็นหลักฐานสำคัญทางคดีแต่อย่าลืมว่ามีกล้องวงจรปิดโดยรอบที่เกิดเหตุอีกหลายตัว เรายังมีประจักษ์พยานที่สามารถระบุว่าวันเกิดเหตุ เกิดอะไรขึ้นบ้างประจักษ์พยานก็มีความสำคัญไม่น้อยกว่ากล้องในที่เกิดเหตุ

พ.ต.อ.วิวัฒน์ ชี้แจงถึงการดำเนินคดีกับตำรวจ 13 นาย ว่า หลายคนสงสัย ประชาชนสงสัยว่าตำรวจไปงานเลี้ยงได้ไหม ตำรวจไปงานเลี้ยงก็ยังคงอยู่ในสถานภาพของตำรวจเมื่อมีเหตุการณ์เกิดขึ้นตำรวจก็ยังมีหน้าที่เป็นตำรวจอยู่ ตอนนั้นต้องจับกุมคนร้าย ช่วยคนเจ็บ รักษาที่เกิดเหตุ เหตุการณ์ในวันนั้นมีหลายเหตุการณ์มากเป็นเรื่องเดียวกัน พยานหลักฐานชุดเดียวกันหมด เพราะฉะนั้นแล้วเราต้องไล่เรียงทีละคนว่าในวันเกิดเหตุ หลังจากเกิดเหตุการณ์ขึ้นใครทำหน้าที่อะไร ทำหน้าที่ตัวเองสมบูรณ์ไหม ต้องไล่เรียงทีละคนเพราะเป็นเหตุการณ์เดียวกัน

เมื่อถามว่ามีตำรวจให้การขัดแย้งกับข้อเท็จจริงกี่คน เขาตอบว่ามีอยู่ไม่มากเนื้อหาสำคัญในสำนวนไม่ขอตอบ แต่ถ้าใครดูพฤติการณ์แล้วละเว้นการปฎิบัติหน้าที่ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก กำชับต้องถูกดำเนินคดีทุกคนอย่างตรงไปตรงมาและทาง ผู้บัญชาการได้เน้นย้ำเจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวนฝ่ายสอบสวนทุกคนให้เรื่องนี้ปรากฏให้เร็วที่สุดคาดว่าประมาณสัปดาห์หน้าจะให้ความชัดเจนได้ว่าใครเข้าข่ายบ้าง

ผกก3 บก.ป. กล่าวถึงการกำหนดขอบเขตข้อกฎหมายที่จะระบุได้ว่าใครละเว้นการปฎิบัติหน้าที่ว่า จะปรึกษากับอัยการและเจ้าหน้าที่ผู้เชี่ยวชาญฝ่ายกฎหมาย ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ได้เริ่มดำเนินการแล้ววันนี้ให้ทางอัยการมาเป็นที่ปรึกษา แต่ขณะนี้อยู่ระหว่างการสืบสวนสอบสวนเมื่อไหร่มีความชัดเจนก็จะได้ปรึกษากับหน่วยงานอื่นให้มาช่วยดูในรายละเอียด สัปดาห์หน้าถ้ามีความชัดเจนว่าใครเกี่ยวข้องอาจจะมีการดำเนินคดี เพราะ ผบช.ก.ได้เร่งให้ทำงานทุกวันแต่ขอให้เจ้าที่ได้ทำงานดูพยานหลักฐานให้ละเอียดรอบคอบ คาดว่าสัปดาห์หน้าจะได้คำตอบได้

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

งัด 'มาตรา 5 - แบบ สว.2' บี้ กกต. เปิดข้อมูล 200 สว. 99 สำรอง

'ชาญชัย' งัดมาตรา 5 - แบบ สว.2 ผู้สมัครยินยอมเผยแพร่ จี้ กกต. เร่งเปิดข้อมูลผ่านเว็บไซต์ตามกฎหมายกำหนด ชี้ช่องประชาชนร่วมตรวจสอบสภาสูงชุดใหม่

ทรู ดิจิทัล ส่งแอป ‘MorDee' ให้บริการรักษาแบบออนไลน์กับตำรวจ CIB

ทรู ดิจิทัล กรุ๊ป ส่งแอป “MorDee” (หมอดี) เทคโนโลยีการพบแพทย์ออนไลน์ เติมพลังใจทีมตำรวจสอบสวนกลาง ปรึกษาปัญหาสุขภาพทั้งกายและใจเข้าถึงบริการทางการแพทย์ทั้งป้องกันและรักษาโรคได้ทุกที่

'เนติบริกร' หย่าศึก! แนะ 'บิ๊กโจ๊ก' ไม่ควรฟ้องนายกฯ ให้รอ ก.พ.ค.ตร. ถ้าไม่พอใจค่อยไปศาลปกครอง

ที่ทำเนียบรัฐบาล นายวิษณุ เครืองาม ที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงกรณี พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผบ.ตร. จ

บุกรวบเจ้าหน้าที่รัฐออกหนังสือ สปก. กว่า 600 ไร่ เอื้อนายทุนโรงงาน ฟัน ม.157

พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. , พล.ต.ต.ประสงค์ เฉลิมพันธ์ ผบก.ปปป. พร้อมด้วย นายธนดล สุวัณณะฤทธิ์ ที่ปรึกษาด้านกฎหมายฯ รมว.เกษตรและสหกรณ์ นำกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ บก.ปปป. , เจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการพิเศษหนุมานกองปรา

รองผู้การกองปราบ โยนถามตำรวจน้ำ ปมผู้กำกับ น. เก็บส่วยน้ำมันเถื่อน

พ.ต.อ.เอนก เตาสุภาพ รองผู้บังคับการกองปราบปราม (รอง ผบก.ป.) เปิดเผยความคืบหน้าหลังคุมตัว 8 ลูกเรือนํ้ามันเถื่อน เข้าสอบปากคําที่กองบังคับการปราบปรามเมื่อกลางดึกคืนที่ผ่านมาว่า ผู้ต้องหาหลายคนให้การที่เป็นประโยชน์ต่อรูปคดี