'ดีเอสไอ' รับคดีพิเศษ พบพิรุธบริษัท 'กำนันนก' ส่อฮั้วประมูล 2 โครงการสร้างถนน

"ดีเอสไอ" จ่อรับคดีฮั้วประมูลฯ "กำนันนก" เป็นคดีพิเศษ หลังพบ 2 โครงการสร้างถนนในจังหวัดนครปฐมส่อพิรุธทุจริต ขณะที่ 58 บริษัทเคยซื้อซองโครงการ เตรียมตบเท้าเข้าให้ปากคำพยาน 18-20 ก.ย. ด้าน “ผอ.กองคดีฮั้ว“ ยืนยัน มีเบาะแสคนเคยถูกข่มขู่เหตุยื่นซื้อซอง แย้ม หากหลักฐานถึงพบความผิด พร้อมออกหมายผู้ต้องหาผู้ใหญ่โยชน์

13 ก.ย.2566 - ที่ห้องรับรองกรมสอบสวนคดีพิเศษ พ.ต.ต.สุริยา สิงหกมล อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ มอบหมายให้ นางพิชญา ธารากรสันติ โฆษกกรมสอบสวนคดีพิเศษ พร้อมด้วย ร.ต.อ.สุรวุฒิ รังไสย์ ผอ.กองคดีความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ หรือ กองคดีฮั้วประมูลฯ ร่วมกันแถลงรายละเอียดการสืบสวนเครือข่ายบริษัทของนายประวีณ จันทร์คล้าย หรือกำนันนก ผู้ต้องหาในคดีสั่งยิงสารวัตรทางหลวง พ.ต.ต.ศิวกร สายบัว หรือ สารวัตรแบงก์ ที่อาจเข้าข่ายฮั้วประมูลฯ

ร.ต.อ.สุรวุฒิ ผอ.กองคดีฮั้วฯ กล่าวว่า จากที่ปรากฏเป็นข่าวนั้น อธิบดีดีเอสไอได้เล็งเห็นความสำคัญในเรื่องนี้และเนื่องด้วยประชาชนให้ความสนใจ อย่างไรก็ตาม ตนได้ทำคดีนี้มาตั้งแต่ปี 2547 แต่อาจไม่เป็นที่สาธารณะรู้จัก และดำเนินการสืบสวนกำหนดเครือข่ายดังกล่าวจนพบว่ามีการประกอบการเกี่ยวกับธุรกิจของรัฐ โดยรับโครงการจากภาครัฐ จำนวน 1,544 โครงการ มูลค่า ณ ตอนนี้ งบประมาณ 7,500 ล้านบาท ราคารวมทุกสัญญา 6,900 ล้านบาท อีกทั้งดีเอสไอมีหน้าที่ในการสืบสวนเรื่องฮั้วประมูลสำหรับโครงการที่มีมูลค่าเกิน 30 ล้านบาท จึงได้ดำเนินการตรวจสอบโครงการของกำนันนกจำนวน 1,544 โครงการ (จำนวนโครงการที่รับงานจากภาครัฐ)

หลังจากดีเอสไอตรวจสอบก็พบว่าโครงการของ ป.รวีกนก ก่อสร้าง จำกัด มี 2 โครงการ ส่วนของ ป.พัฒนารุ่งโรจน์ก่อสร้าง จำกัด มี 18 โครงการ ที่มีมูลค่าเกิน 30 ล้านบาท แต่ที่ดีเอสไอเห็นข้อพิรุธคือ 2 โครงการ ประกอบด้วย 1.โครงการประกวดราคาจ้างเหมาทำการก่อสร้างทางหลวงหมายเลข 375 สาย อ.ดอนตูม - ต.ลำลูกบัว และ 2.โครงการประกวดราคาจ้างก่อสร้างทางหลวงหมายเลข 375 สาย ต.ลำลูกบัว - บรรจบทางหลวงหมายเลข 346 ซึ่งอยู่ภายใต้สังกัดกรมทางหลวง และดีเอสไอได้รับเอกสารข้อมูลโครงการจากกรมทางหลวงเรียบร้อยแล้ว

ร.ต.อ.สุรวุฒิ กล่าวอีกว่า จากการสืบสวนต่อเนื่อง มีข้อมูลระดับค่อนข้างดี ล่าสุดมีชาวบ้านซึ่งอยู่ในกลุ่มผู้ซื้อซองจากทั้งสองโครงการดังกล่าว ได้แจ้งข้อมูลทางลับมาที่ดีเอสไอ และดีเอสไอมองว่าอาจเข้าข่ายมีพฤติการณ์สมยอมราคากัน กรอบของดีเอสไอ คือ ดำเนินการตรวจสอบโครงการทั้ง 20 โครงการนี้ก่อนตามที่ได้รับข้อมูล โดยจะทำให้เป็นโครงการตัวอย่างก่อน 2 โครงการตามที่เรียนข้างต้น และอาทิตย์หน้าเตรียมรับเป็นคดีพิเศษ ส่วนเรื่องโครงการใดที่เห็นความผิดชัดเจนแล้วนั้น ยังไม่เรียกว่ามีความผิด แต่เรียกว่ามีข้อพิรุธ คือ มีการประมูลในราคาต่ำ หรือเรียกว่าฟันราคา และทั้งสองโครงการนี้ใกล้เคียงกัน คือ กลุ่มได้งานคือกลุ่มเดียวกัน กลุ่มซื้อซองก็ใกล้เคียงกัน อีกทั้งเมื่อเช้านี้จากการที่มีการเข้าตรวจค้น ก็พบว่าในกลุ่มผู้ซื้อซองอาจเป็นคนได้รับผลประโยชน์ได้

ร.ต.อ.สุรวุฒิ กล่าวถึงลักษณะผู้จัดฮั้วประมูล ว่า มีการแตกสาขา กลุ่มใครกลุ่มมัน อาจมีบ้านเล็กบ้านใหญ่ หรืออาจเกี่ยวข้องกับนักการเมืองได้ ซึ่งมีความเป็นไปได้ว่ากำนันนกคงมีลูกมือลูกไม้คอยทำหน้าที่ข่มขู่คุกคามไม่ให้คนเข้ามาเปิดซื้อซอง อย่างไรก็ตาม ในปัจจุบันเป็นการคีย์ระบบ e-bidding คนซื้อซองไม่จำเป็นต้องรับรู้ แต่ในกรณีนี้อาจจะมีความสามารถในการรับรู้การซื้อซอง แล้วดำเนินการบล็อกไว้ เพราะตอนยื่นซื้อซองของทั้งสองโครงการ มีประมาณ 30 กว่าราย แต่ในวันประมูลเหลือเพียงไม่กี่ราย และในช่วงสัปดาห์หน้า ตั้งแต่วันที่ 18-20 ก.ย.นี้ ได้เรียกบริษัทที่เคยยื่นซื้อซอง จำนวน 58 บริษัทเข้าให้ข้อมูล โดยทยอยเข้าให้ข้อมูลวันละประมาณ 20 บริษัท หากการให้ปากคำเป็นประโยชน์เราก็จะกันเป็นพยาน แต่ถ้าให้ข้อมูลไม่เป็นประโยชน์ อาจแปลได้ว่าสมยอมหรือไม่ และดีเอสไอจะสอบถามเรื่องความสัมพันธ์ต่างๆรวมถึงจะดูเรื่องเบอร์โทรศัพท์และการติดต่อด้วย เพื่อหาความสัมพันธ์เชื่อมโยง ทั้งนี้ เบื้องต้นยังไม่พบว่ามีเจ้าหน้าที่รัฐเข้ามาเกี่ยวข้อง แต่เราจะตรวจสอบดูให้ครบทุกมิติ

ร.ต.อ.สุรวุฒิ กล่าวด้วยว่า มีพยานบางส่วนแจ้งเรื่องข่มขู่มาแล้ว โดยมีพฤติกรรมไม่ให้พยานไปยื่นซองประมูล อ้างว่าโครงการนี้เป็นของผู้ใหญ่ ซึ่งคนที่ถูกข่มขู่นั้น ถูกข่มขู่ทางโทรศัพท์ สำหรับการออกหมายเรียกนายประโยชน์ จันทร์คล้าย และนางสุวีณา จันทร์คล้าย (บิดา-มารดากำนันนก) ดีเอสไออาจจะไม่ได้ออกหมายเรียกพยาน แต่จะดำเนินการสืบสวนสอบสวนรวบรวมพยานหลักฐานจนมีความชัดเจน ซึ่งหากพบความผิด หรือมีส่วนร่วมในการกระทำความผิดฮั้วประมูลโครงการของภาครัฐ ดีเอสไอก็จะดำเนินการออกหมายผู้ต้องหาได้ทันที

เมื่อถามว่ามีผู้ที่มีอิทธิพลมากกว่ากำนันนกหรือไม่นั้น ร.ต.อ.สุรวุฒิ กล่าวว่า กำนันนกเป็นผู้มีอิทธิพล แต่ถ้ามีอิทธิพลมากกว่านั้น เราก็จะตรวจสอบให้หมด เพราะเป็นนโยบายที่ พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รมว.ยธ. สั่งการมอบหมายมา ขณะนี้จึงอยู่ระหว่างการสืบสวนสอบสวนหาผู้เกี่ยวข้องเพิ่มเติม และในตอนนี้ ตนทราบว่ากรมบัญชีกลาง กระทรวงการคลัง มีหนังสือเวียนเรื่องระบบบล็อกเชนมาใช้เพื่อป้องกันการทุจริตฮั้วประมูลฯ แต่ไม่มีสิ่งใดสามารถป้องกันได้ 100% มันมีช่องโหว่อยู่แล้ว แต่ดีเอสไอไม่กลัว เราทำเต็มที่ และจะทำให้ดี เพื่อฟื้นความเป็นธรรม ส่วนเรื่องจะมีการยึดอายัดทรัพย์สินใดๆของกำนันนกและครอบครัวหรือไม่ ก็ต้องมีคดีความผิดมูลฐานก่อน ซึ่งตอนนี้ยังไม่มีความผิดมูลฐาน

ร.ต.อ.สุรวุฒิ กล่าวต่อว่า สำหรับการสอบปากคำพยานบุคคลต่างๆ ถ้าพยานให้ปากคำเชื่อมโยงไปถึงกำนันนก และพบว่ามีความผิดจริงตามพยานหลักฐานที่ปรากฏ ดีเอสไอก็จะต้องไปแจ้งข้อหาต่อเจ้าตัว แต่คงไม่ได้ไปสอบปากคำกำนันนก และโครงการที่จะพบความผิดในอนาคตนั้น ก็จะเป็นเรื่องต่างกรรมต่างวาระ ซึ่งโทษสูงสุด หากมีเจ้าหน้าที่รัฐเข้ามาเกี่ยวข้อง มีโทษจำคุกตลอดชีวิต แต่ก็จะมีโทษลดหลั่นกันไปตามความผิดที่เข้าไปเกี่ยว แต่ถ้าบุคคลใดมีการสมยอมฮั้วราคากัน อัตราโทษจำคุก 3 ปี หากมีการเรียกรับสินบนอัตราโทษ 5 ปี และถ้ามีการข่มขู่ อัตราโทษ 10 ปี ซึ่งกลุ่มคนที่ข่มขู่ผู้อื่นจะโทษหนักกว่า นอกจากนี้ ดีเอสไอจะต้องดำเนินการเรียกคณะตรวจรับงานของโครงการที่บริษัทกำนันนกประมูลไปได้นั้น มาสอบถามว่าการตรวจรับงานเป็นไปตามสเปคถูกต้องหรือไม่

ร.ต.อ.สุรวุฒิ กล่าวปิดท้ายว่า กรมสอบสวนคดีพิเศษ ขอขอบคุณข้อมูลจากกรมบัญชีกลาง สำนักพัฒนารัฐบาลดิจิทัล (สพร. หรือ DGA) และองค์การต่อต้านคอร์รัปชั่น (ประเทศไทย) (ACT) และขอแจ้งประชาสัมพันธ์ให้ทราบว่า ได้มีบุคคลที่ไม่ประสงค์จะแจ้งตัวตนได้แจ้งข้อมูลเกี่ยวกับพฤติการณ์ของเครือข่ายบุคคลที่เกี่ยวข้องมาที่กรมสอบสวนคดีพิเศษแล้ว ซึ่งถือว่าเป็นข้อมูลที่เป็นประโยชน์ในการขยายผลการดำเนินคดีกับเครือข่ายได้เป็นอย่างดี และขอให้บุคคล/บริษัท/ห้างหุ้นส่วนจำกัด ที่ได้รับหรือเคยได้รับผลกระทบจากการกระทำที่เกี่ยวข้องกับการข่มขู่ คุกคาม หรือกีดกัน ไม่ให้เข้าร่วมการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐอย่างเป็นธรรม จากนายประวีณ จันทร์คล้าย หรือ กำนันนก และเครือข่าย ขอให้แจ้งข้อมูลมายังกองคดีความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ (กคร.) กรมสอบสวนคดีพิเศษโดยเร็ว กรมสอบสวนคดีพิเศษจะพิจารณาในเรื่องการคุ้มครองพยานตามมาตรการคุ้มครองพยาน เพื่อกวาดล้างขบวนการและร่วมกันในการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในรูปแบบของผู้มีอิทธิพลอย่างมีประสิทธิภาพต่อไป

ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า ภายหลังเสร็จสิ้นการแถลงข่าวพบว่ามีเจ้าหน้าที่จากกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (บช.ก.) นำโดย ว่าที่ พ.ต.อ.วิวัฒน์ จิตโสภกุล ผกก.3 กองบังคับการปราบปราม เดินทางมาพร้อมคณะทำงาน เพื่อนำเอกสารเกี่ยวกับโครงการฮั้วประมูลของกำนันนก มาพูดคุยหารือกับดีเอสไอ

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ข่าวดี ผู้เสียหายคดีดิไอคอนกรุ๊ป​ 'ปปง.' เปิดให้ยื่นขอคุ้มครองสิทธิรับคืนหรือชดใช้คืนทรัพย์สิน

ตามที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ)​ได้นำส่งมอบทรัพย์สินที่เกี่ยวข้องกับการสืบสวนและสอบสวนคดีพิเศษที่ 119/2567 กรณี บริษัท

โฆษกดีเอสไอ โต้ทนายบอสพอล อุปสรรคคดีอยู่ที่ฝ่ายผู้ต้องหาเอง ไม่ใช่ DSI

ร.ต.อ.สุรวุฒิ รังไสย์ ผอ.กองคดีความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ หรือกองคดีฮั้วประมูล ในและฐานะโฆษกดีเอสไอ พร้อมด้วยคณะพนักงานสอบสวนคดี

ทนายบอสพอล กังวล 'ดีเอสไอ' ตัดพยาน 2,000 คนฝั่งดิไอคอน ยุติสอบปากคำ 3 ธ.ค.นี้

นายวิฑูรย์ เก่งงาน ทนายความของนายวรัตน์พล วรัทย์วรกุล หรือ บอสพอล ให้สัมภาษณ์ภายหลังเข้าเยี่ยมบอสพอล ที่เรือนจำฯ ว่ายอมรับว่าหนักใจเนื่องจากทางกรมสอบสวนคดีพิเศษ

'ดีเอสไอ' จ่อบุกเรือนจำสอบปากคำ 'เจ๊พัช' ปมคลิปเสียงจ่ายสินบนดีเอสไอ 10 ล้าน

พ.ต.ต.วรณัน ศรีล้ำ ผู้อำนวยการกองคดีธุรกิจการเงินนอกระบบ และในฐานะโฆษกกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) กล่าวถึงความคืบหน้ากรณีคลิปเสียงสาวอ้างจ่ายเงิน 10 ล้านบาทให้ ดีเอสไอ

'ดีเอสไอ' ให้เวลา 15 วัน '18 บอส' อธิบายธุรกิจดิไอคอน หลังแจ้งข้อหาแชร์ลูกโซ่-ขายตรง

"โฆษกดีเอสไอ" เผยคณะพนักงานสอบสวนเข้าแจ้งข้อหาแชร์ลูกโซ่ - พ.ร.บ.ขายตรงฯ 18 บอสดิไอคอนฯ เรียบร้อย แย้มให้กรอบเวลา 15 วัน

'ทนายบอสพอล' มั่นใจชี้แจงได้หมด อ้าง 'ดีเอสไอ' แจ้งข้อหาแชร์ลูกโซ่ ค่อนข้างหลวม

นายวิฑูรย์ เก่งงาน ทนายความของนายวรัตน์พล วรัทย์วรกุล หรือบอสพอล เปิดเผยภายหลังเข้าเยี่ยมบอสพอล ว่า หลวมดี เพราะหากดูจากพฤติการณ์ที่ดีเอสไอแจ้งมา