แม่บ้านสารภาพสิ้น 'กำนันนก' สั่งทำลายหลักฐาน 'บิ๊กโจ๊ก' จ่อฟัน ผกก. - ตร. นครปฐม

แม่บ้านสารภาพสิ้น ‘กำนันนก’ สั่งทำลายหลักฐานวันเกิดเหตุ ‘บิ๊กโจ๊ก’ บี้สอบเพิ่มข้อหาร่วมกันฆ่า จ่อฟัน ม.157 ผกก.- ตร. ที่อยู่ในงาน ชี้บกพร่องย่ำแย่ ลุยคุมเรื่องนี้เอง

8 ก.ย. 2566 – พล.ต.อ. สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รอง ผบ.ตร.) กล่าวถึงความคืบหน้ากรณีคนร้ายอุกอาจยิง พ.ต.ต.ศิวกร สายบัว สว.ส.ทล.1 กก.2 บก.ทล. เสียชีวิต เหตุเกิดในพื้นที่ ต.ตาก้อง อ.เมือง จ.นครปฐม ว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจกองปราบและตำรวจพื้นที่ได้ไล่ข้อมูลสืบสวนจนกระทั่งพบว่า นายนายธนัญชัย อายุ 45 ปี หรือหน่อง ท่าผา ผู้ต้องหาอยู่ในพื้นที่จังหวัดกาญจนบุรี จึงได้เข้าล้อมตรวจค้นในช่วงเช้าที่ผ่านมา จนเกิดเหตุยิงต่อสู้ ตำรวจจำเป็นต้องใช้อาวุธจึงเกิดการวิสามัญ จากการตรวจสอบหัวกระสุนพบเป็นปืนกล็อก ขนาด 73 และเป็นปืนกระบอกเดียวกันที่ก่อเหตุยิงสารวัตรทางหลวง

พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ กล่าวว่า ในส่วนของนายประวีณ จันทร์คล้าย หรือกำนันนก รู้อยู่แล้วว่ายังไงกำนันนกต้องให้การปฏิเสธ จึงไม่อนุญาตให้ประกันตัว โดยตำรวจแจ้งข้อกล่าวหาจ้างวานฆ่า แต่ได้สั่งให้สอบประเด็นร่วมกันฆ่าเพิ่มเติม เพราะหลังจากสอบปากคำแม่บ้านพบว่า กำนันนกเป็นคนสั่งให้ทำลายพยานหลักฐาน ทั้งแกะกล้องวงจรปิด ล้างคาบเลือด เก็บปลอกกระสุนไปทำลาย อย่างไรก็ตามหากศาลยังไม่พิพากษาถึงที่สุด ตามกฎหมายไทยก็ยังถือเป็นผู้บริสุทธิ์ ในส่วนของตำรวจจึงต้องรวบรวมพยานหลักฐานให้ดี เพราะกำนันนกเป็นคนมีอิทธิพลในพื้นที่ สนิทกับข้าราชการหลายส่วน วันนี้จึงต้องย้ายเรื่องมาที่กองปราบปราม กำนันนกจะได้ไม่ต้องไปวิ่งเต้นใครได้ เพราะเขตอำนาจจะย้ายมาอยู่ที่ศาลอาญารัชดา ไม่ใช่ศาลจังหวัดนครปฐม

“ผู้กำกับและผู้การต้องไปทบทวนตัวเองว่า อยู่อย่างไรถึงปล่อยให้นักเลงเหิมเกริมได้ขนาดนี้ ปล่อยปะละเลยยังไงถึงได้มีซุ้มแบบนี้ อันนี้ไม่ใช่บทเรียนแต่เป็นความบกพร่อง ความย่ำแย่” พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ระบุ

ในส่วนของตำรวจทั้ง 21 นาย เมื่อวันที่ 7 ก.ย. ที่ผ่านมา สั่งสอบรายละเอียดทั้งหมดว่าเข้าข่ายความผิดฐานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 หรือไม่ หากเข้าข่ายก็ต้องดำเนินคดีอาญา เพราะคนที่อยู่ในงานมีผู้กำกับถึง 3 คน และมีผู้กำกับสืบสวนจังหวัดซึ่งเป็นผู้รับผิดชอบพื้นที่ ยังปล่อยให้มีการทำลายพยานหลักฐาน การมีผู้อิทธิพลแบบนี้ต้องเกิดจากผู้กำกับในพื้นที่หย่อนยาน หากผู้กำกับในพื้นที่เข้มแข็งเรื่องแบบนี้ต้องไม่เกิด อีกทั้งเบื้องต้นทราบว่ากลุ่มเจ้าหน้าที่ตำรวจไปกินอาหารกับกำนันนกเป็นประจำทุกเดือน เพราะกำนันนกรู้จักตำรวจทางหลวงเยอะ เนื่องจากทำธุรกิจรับเหมาก่อสร้าง การเรียกตำรวจไปเลี้ยงก็เพื่อเสริมบารมีตัวเอง กินกันจนกระทั่งหมดความเกรงใจ จึงเกิดเหตุการณ์แบบนี้

ขณะนี้คดีแยกออกเป็น 3 ส่วน ส่วนที่ 1 คดีหลักจะเป็นความรับผิดชอบของกองปราบฯ ผู้รับผิดชอบคือ พล.ต.ท. จิรภพ ภูริเดช ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (ผบช.ก.) ส่วนคดีวิสามัญจะเป็นในส่วนของตำรวจภูธรท้องที่รับผิดชอบ และประเด็นตำรวจละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ 157 จะเป็น สภ.เมืองนครปฐม รับผิดชอบ โดย 2 ประเด็นหลัง ตนจะเป็นผู้รับผิดชอบกำกับดูแลด้วยตัวเอง.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

'บิ๊กต่อ' สั่งนครบาลสอบด่วน! ป้ายซื้อขายพาสปอร์ต ผิดจริงฟันแน่

'ผบ.ตร.' สั่งตรวจสอบที่มาของป้ายโฆษณาภาษาจีน รับทำหนังสือเดินทาง-ขอสัญชาติต่างๆ กำชับ สตม. ตรวจสอบ คัดกรองคนต่างด้าว เจอกระทำผิดฟันตามกฎหมายทุกมิติ

อดีตจเรตำรวจฯ ขอทำเรื่องเฉพาะหน้า ‘เพิ่มเงิน-สวัสดิการตำรวจ’ ก่อนจะไปเปลี่ยนประธาน ก.ตร.

ณะนี้มีการเคลื่อนไหวจะปฏิรูปตำรวจโดยตำรวจเอง หลักๆคือให้นายกรัฐมนตรีไม่เป็นประธานคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ หรือ ก.ตร.  แต่ประธานจะมาจากการเลือกกันเองเหมือนคณะกรรมการข้าราชการอัยการ หรือ ก.อ. กระผม ไม่แน่ใจว่าจะเกิดผลดีกว่าเดิมหรือแย่กว่าเก่า

‘นักกฎหมายตำรวจ’ ถอดบทเรียน การเข้าระงับเหตุ ลดความสูญเสีย

ด้วยความเคารพความกล้าหาญ และเสียสละของผู้เสียชีวิต ควรแก่การยกย่องเป็นเกียรติประวัติสืบไป แต่การเข้าระงับเหตุ ของตำรวจไทยมีข้อผิดพลาด ต้องนำไปถอดบทเรียนแก้ไข

สลด! หนุ่มมุกดาหารโดนไฟดูด ดับคาเสาไฟฟ้าแรงสูง

เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.มุกดาหาร ได้รับแจ้งเหตุว่ามีคนตายบนเสาไฟฟ้าแรงสูง บริเวณทางเข้าหมู่บ้านคำตุนาง ไปยังหมู่บ้านกุดโง้ง ตำบลมุก อำเภอเมือง

‘บิ๊กเอก’ ยกเสียงสะท้อนจากตำรวจ เจ็บปวดผู้มีอำนาจข่มขืนองค์กร ถึงเวลาต้องปฏิรูปตร.

อีกเสียงสะท้อนจากนายตำรวจ ที่สื่อสารออกมา อย่างเจ็บปวด เปรียบเทียบให้เห็นภาพองค์กรตำรวจ ผู้มีอำนาจทางการเมือง อดีตผู้บังคับบัญชาสูงสุด ทำอะไรไว้ ควรที่จะปฏิรูปตำรวจอีกหรือไม่

'อดีตผช.ผญบ.' ยิงกำนันสาวเจ็บสาหัส ก่อนฆ่าตัวตายหนีความผิด

'อดีตผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน' ใช้อาวุดปืน .38 จ่อยิงกำนันสาว ต.แก่งโสภา จนบาดเจ็บสาหัส กลางงานเลี้ยง ก่อนยิงตัวเองเสียชีวิตหนีความผิด