รัฐบาลเตือนระวังถูกหลอกทางเฟซบุ๊กไปทำงานดูไบ!

รองโฆษกรัฐบาลเตือนประชาชน อย่าหลงเชื่อนายหน้าชวนไปทำงานที่ดูไบผ่านกลุ่ม Facebook ย้ำ 5 วิธี เดินทางไปทำงานถูกกฎหมาย พร้อมประสานงานเยียวยาแรงงานไทยที่เสียชีวิตจากขบวนการค้ามนุษย์

16 ส.ค.2566 – น.ส.รัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ขอประชาสัมพันธ์ เตือนภัย กรณีมิจฉาชีพแอบอ้างเป็นนายหน้าจัดหาแรงงานไทยไปทำงาน ที่เมืองดูไบ ประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (UAE) ใช้วิธีการโพสต์ชักชวนผ่านกรุ๊ปเฟซบุ๊กคนไทยในดูไบประกาศรับสมัครพนักงานการตลาด แอดมิน หรือระบุว่าให้ทำงานเว็บพนันออนไลน์ ซึ่งที่ผ่านมามีเหยื่อหลงเชื่อหลายราย โดยเมื่อไปถึงนายจ้างจะยึดหนังสือเดินทางไว้ และให้หลอกคนไทยผ่านช่องทางออนไลน์เพื่อมาลงทุน หรือหลอกลวงเอาทรัพย์สิน และหากปฏิเสธการทำงาน นายจ้างจะคิดค่าเสียหายเป็นเงินจำนวนมาก และเมื่อเกิดปัญหามักเอาผิดกับนายจ้างไม่ได้เนื่องจากไม่มีหลักฐาน เพราะไม่ได้รับอนุญาตให้เอามือถือเข้าสถานที่ทำงาน

รองโฆษกประจำสำนักนายกฯ กล่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม สั่งการหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้ดำเนินการตรวจสอบอย่างเข้มงวด โดยเฉพาะการทำธุรกิจลักลอบทำงานผิดกฎหมาย ควบคู่กับการประชาสัมพันธ์สร้างการรับรู้ให้แก่ประชาชนถึงวิธีการเดินทางไปทำงานต่างประเทศอย่างถูกต้องตามกฎหมายทั้งหมด 5 วิธี ได้แก่ 1.บริษัทจัดหางานจัดส่ง 2.กรมการจัดหางานจัดส่ง 3.คนหางานเดินทางไปทำงานด้วยตนเอง 4.นายจ้างในประเทศไทยพาลูกจ้างไปทำงาน และ 5.นายจ้างในประเทศไทยส่งลูกจ้างของตนไปฝึกงาน ซึ่งทั้ง 5 วิธี ต้องแจ้งแบบเดินทางไปทำงานต่างประเทศกับกรมการจัดหางาน กระทรวงแรงงาน

ที่ผ่านมา กระทรวงแรงงาน ระบุว่า ช่วงเดือนตุลาคม - กรกฎาคม 2566 ได้ปราบปรามผู้กระทำความผิดตามพระราชบัญญัติจัดหางานและคุ้มครองคนหางาน พ.ศ. 2528 และที่แก้ไขเพิ่มเติม ที่ผ่านมาดำเนินคดี ตามมาตรา 66 กับผู้ที่กระทำการโฆษณาชักชวนคนหางานไปทำงานต่างประเทศผ่านทางสื่อสังคมออนไลน์ ข้อหา โฆษณาการจัดหางานไม่เป็นไปตามระเบียบที่รัฐมนตรีกำหนดไปจำนวน 36 คดี ซึ่งตรวจพบการกระทำความผิดของสาย/นายหน้า ทั้งสิ้น 142 ราย ผู้เสียหายถึง 471 คน รวมค่าเสียหาย 32,750,330 บาท

นอกจากนี้ จากกรณีพบแรงงานไทยเสียชีวิตจากการถูกหลอกทำงานในขบวนการค้ามนุษย์ที่เมืองดูไบ กระทรวงแรงงาน กระทรวงการต่างประเทศ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้บูรณาการการทำงานเพื่อช่วยเหลืออย่างเร่งด่วน ซึ่งล่าสุด กองคุ้มครองและดูแลผลประโยชน์คนไทยในต่างประเทศ กรมการกงสุล กระทรวงการต่างประเทศอยู่ระหว่างดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้อง ขณะที่กระทรวงแรงงาน ได้สั่งการให้แรงงานจังหวัดพร้อมด้วยหน่วยงานในสังกัดกระทรวงแรงงานในพื้นที่ ลงพื้นที่เยี่ยมบ้านเพื่อปลอบขวัญให้กำลังใจพร้อมแจ้งข้อมูลขั้นตอนการให้ความช่วยเหลือให้ญาติทราบ เพื่อดูแลอำนวยความสะดวกในการประสานกระทรวงการต่างประเทศว่าจะนำศพแรงงานกลับประเทศไทยอย่างไรต่อไป

“รัฐบาลเน้นย้ำมาอย่างต่อเนื่อง ให้ประชาชน อย่าหลงเชื่อ ถูกหลอกเป็นเหยื่อ จากประกาศในสื่อสังคมออนไลน์ที่มีลักษณะจูงใจเกี่ยวกับการจัดหางานในต่างประเทศโดยวิธีผิดกฎหมาย ซึ่งไม่คุ้มค่า และอาจถูกบังคับใช้แรงงาน เสี่ยงถูกทำร้ายร่างกาย หรือเป็นเหตุถึงขั้นเสียชีวิต โดยควรตรวจสอบข้อมูลให้ถี่ถ้วน หรือตรวจสอบรายละเอียดเพิ่มเติมจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องโดยตรง” น.ส.รัชดาย้ำ

ทั้งนี้ ผู้ที่สนใจไปทำงานต่างประเทศสามารถศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับประเทศที่จะเดินทางไปทำงานเพื่อป้องกันการหลอกลวงผ่านระบบ e – Service กรมการจัดหางาน กระทรวงแรงงานได้ที่เว็บไซต์ doe.go.th หรือเว็บไซต์กองบริหารแรงงานไทยไปต่างประเทศ doe.go.th/overseas หรือที่ Facebook : กองทะเบียนจัดหางานกลางและคุ้มครองคนหางาน หรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่สายด่วนกระทรวงแรงงาน โทร. 1506 กด 2 กรมการจัดหางาน

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

รัฐบาลชวนปชช. จอง-แลกเหรียญเฉลิมพระเกียรติ 'ในหลวง' เริ่ม 24 ก.ค.

รัฐบาลเชิญชวนประชาชน จอง-แลกเหรียญกษาปณ์ที่ระลึก เหรียญที่ระลึก และเหรียญเฉลิมพระเกียรติ 'ในหลวง' เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ ตั้งแต่ 24 ก.ค.นี้

“พิพัฒน์” ยกคุณภาพแรงงานฟาร์มสุกร ใช้แนวปฏิบัติสากล (GLP) มุ่งเพิ่มโอกาสการค้าในตลาดโลก

วันที่ 17 กรกฎาคม 2567 ณ ห้องประชุมกระทรวงแรงงาน ชั้น 5 นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เป็นประธานในพิธีลงนาม MOU

สปส. เสริมแกร่งนักประชาสัมพันธ์ประกันสังคม สร้างการรับรู้ ดูแลสวัสดิการผู้ประกันตนให้ทั่วถึงรวดเร็ว

เมื่อวันที่ 17 กรกฎาคม 2567 นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เป็นประธานเปิดโครงการพัฒนาศักยภาพนักประชาสัมพันธ์ของสำนักงานประกันสังคม โดยมี นายไพโรจน์ โชติกเสถียร ปลัดกระทรวงแรงงาน นายบุญสงค์ ทัพชัยยุทธ์

'คารม' แจงยิบยัน 'กยศ.' คิดดอกเบี้ยอัตรา 1%

'คารม' ย้ำ กองทุนกู้ยืมเพื่อการศึกษาคิดดอกเบี้ยอัตรา 1% ตั้งแต่เริ่มกู้จนชำระเสร็จสิ้น ไม่มีการคิดดอกเบี้ยซ้อนดอกเบี้ย ขอให้ผู้กู้ยืมชำระหนี้ตามจำนวนที่แจ้งในหน้าแอปพลิเคชัน กยศ.Connect