นรข.ยึดบิ๊กล็อตยาเสพติด กัญชา 1 ตัน ไอซ์ 219 กก.

10 ธ.ค.2564 - เวลา 13.30 น. บริเวณริมฝั่งแม่น้ำลานอเนกประสงค์ โขง กองบัญชาการหน่วยเรือรักษาความสงบเรียบร้อยตามลำแม่น้ำโขง (นรข.) กองทัพเรือ นายชาธิป รุจนเสรี ผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม เป็นประธานแถลงข่าวร่วมกับ พล.ร.ต.สมบัติ จูถนอม ผบ.นรข. นายภิญโญ โฆสิต ผอ.ป.ป.ส.ภาค 4 ขอนแก่น นายวรนิตย์ พิมพนิตย์ นายอำเภอธาตุพนม พ.ต.อ.แสวง คนคล่อง ผกก.สภ.ท่าอุเทน พ.อ.สุขสันต์ พลกล้า รอง เสธ.มทบ.210 นายณัฏฐ์กัญจ์กร เกตุสุวรรณ ด่านศุลกากรนครพนม และหน่วยงานด้านการมั่นคง ในการจับกุมและตรวจยึดจำนวน 2 เหตุการณ์ ยึดของกลางกัญชาแห้งอัดแท่งรวม 1,000 กิโลกรัมๆละ 20,000 บาท มูลค่ารวม 20,000,000 บาท (ยี่สิบล้านบาทถ้วน) ไอซ์ 219 ห่อ/กิโลกรัมๆละ 350,000 บาท มูลค่ารวม 76,650,000 บาท (เจ็ดสิบหกล้านหกแสนห้าหมื่นบาทถ้วน) รวมทั้งสิ้น 96,650,000 บาท (เก้าสิบหกล้านหกแสนห้าหมื่นบาทถ้วน) พร้อมผู้ต้องหาเป็นชาย 2 คน

เหตุการณ์แรกวันที่ 8 ธันวาคม 64 น.อ.พรภิรมย์ ยศบุญ ผบ.นรข.เขตนครพนม ได้รับข้อมูลจากชาวบ้านว่า บริเวณบ้านนาคำหมู่ 5 ต.น้ำก่ำ อ.ธาตุพนม จะมีการลำเลียงยาเสพติดจากประเทศเพื่อนบ้านเข้ามาในราชอาณาจักร จึงสั่งการให้ ร.อ.สุเทพ แสงอ่วม หัวหน้าสถานีเรือธาตุพนม จัดชุดปฏิบัติการลาดตระเวน โดยแบ่งพื้นที่ซุ่มตรวจริมแม่น้ำโขงท้ายหาดแห่แหล่งท่องเที่ยวทางน้ำชื่อดัง อีกชุดซุ่มอยู่บริเวณด้านใต้ของรีสอร์ทแห่งหนึ่งในหมู่บ้านนาคำ กระทั่งเวลาพลบค่ำพบเรือหาปลา 1 ลำ แล่นมาจากประเทศเพื่อนบ้านผ่านท้ายหาดแห่แล้วดับเครื่องยนต์ปล่อยลอยลำไหลมาเทียบริมแม่น้ำโขงบ้านนาคำ โดยชายในเรือช่วยกันโยนวัตถุต้องสงสัยอย่างเร่งรีบแล้วสตาร์ทเครื่องขับออกไปทันที

ชุดปฏิบัติการเฝ้าสังเกตอยู่ประมาณ 1 ชั่วโมง ก็ไม่มีวี่แววว่าจะมีผู้ใดมาบริเวณที่โยนสิ่งของกล่าว จึงออกจากที่ซุ่มเข้าตรวจสอบวัตถุต้องสงสัย ตรวจสอบเบื้องต้นเป็นกระสอบอาหารปลาห่อด้วยพลาสติกสีดำพันด้วยเทปใส จำนวน 23 กระสอบ ในจำนวน 16 กระสอบเป็นกัญชาแห้งอัดแท่งห่อด้วยกระดาษฟอล์ยสีทองซีลด้วยพลาสติกใสกันน้ำอีกชั้นจำนวน 480 แท่ง/กิโลกรัม อีก 7 กระสอบพบเป็นยาไอซ์บรรจุอยู่ในถุงชาสีเขียวจำนวน 219 ห่อ/กิโลกรัม

เหตุการณ์ที่สองวันที่ 9 ธันวาคม 64 น.อ.พรภิรมย์ ยศบุญ ผบ.นรข.เขตนครพนม รับแจ้งจากชาวบ้านว่าจะมีการลักลอบลำเลียงยาเสพติดเข้าสู่พื้นที่ตอนใน สั่งสั่งการให้ น.ท.วรภัทร แสงสุวรรณ หัวหน้าสถานีเรือนครพนม จัดชุดลาดตระเวนจนถึงเวลาประมาณ 03.45 น. พบเรือหาปลาต้องสงสัยแล่นมาจากฝั่งประเทศเพื่อนบ้าน มาจอดเทียบท่าบริเวณ ต.เวินพระบาท หมู่ 1 อ.ท่าอุเทน พบชายสองคนช่วยกันแบกวัตถุต้องสงสัยลงจากเรือ ชุดปฏิบัติการจึงจู่โจมตะครุบตัวทันที ปรากฏว่าหนึ่งในสองคนร้ายต่อสู้ขัดขืนการจับกุม ใช้กำปั้นต่อยไปที่ใบหน้าของชุดปฏิบัติการและพยายามจะแย่งปืนจากมือเจ้าหน้าที่ ภายหลังถูกล็อคตัวใส่กุญแจมือก่อนจะนำตัวไปสอบสวนพร้อมของกลางที่ บก.นรข. ทราบว่าชายที่ทำร้ายเจ้าหน้าที่ชื่อนายสุรพล แก้วพุด อายุ 34 ปี บ้านเลขที่ 23/2 หมู่ 1 ต.เวินพระบาท และผู้ต้องหาชาวลาวชื่อท้าวเพ็ดลำพัน ไซยาวง อายุ 22 ปี บ้านนาแงว แขวงคำม่วน สปป.ลาว ทั้งคู่รับสารภาพว่ารับจ้างลำเลียงยาเสพติดจากนายทุนชาวไทยในราคาคนละ 6,000 บาท โดยนายสุรพลเล่าว่าได้เสพยาบ้ามาก่อนแล้ว 2 เม็ด จึงไม่มีความยับยั้งชั่งใจได้ต่อสู้ขัดขืนเจ้าหน้าที่ ส่วนของกลางทั้งหมดเป็นกระสอบสีดำ จำนวน 12 กระสอบ ภายในมีกัญชาแห้งอัดแท่งห่อด้วยกระดาษฟอล์ยสีทองอีกชั้น จำนวน 520 แท่ง/กิโลกรัม เบื้องต้นเจ้าหน้าที่สันนิษฐานว่ากัญชาแห้งอัดแท่งที่จับกุมตรวจยึดทั้งสองสถานที่ ปลายทางน่าจะไปทางตอนใต้ของประเทศเพื่อลำเลียงสู่ประเทศที่สามต่ออีกทอด ซึ่งจะมีมูลค่าเพิ่มขึ้นตกกิโลกรัมละ 40,000 บาทเป็นอย่างต่ำ

โดยนายชาธิป รุจนเสรี ผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม ว่า ตั้งแต่วันที่ 9 ธันวาคม 2564 เป็นต้นไป มีประมวลกฎหมายยาเสพติดใหม่และมีผลบังคับใช้แล้ว เป็นเจตนารมณ์ของรัฐบาลที่ต้องการปรับการใช้กฎหมายยาเสพติดให้เป็นระบบ และมีประสิทธิภาพ โดยรวบรวมกฎหมายยาเสพติดที่เดิมกระจายอยู่ในบทบัญญัติหลายฉบับ และกระจายอยู่ในความรับผิดชอบของหลายหน่วยงาน รวมเป็นฉบับเดียว คือ ประมวลกฎหมายยาเสพติด เพื่อให้การทำงานสอดคล้องและไม่ซ้ำซ้อนกัน และง่ายขึ้นต่อประชาชนในการศึกษาทำความเข้าใจด้วย

ทั้งนี้ ประมวลกฎหมายยาเสพติดใหม่นี้ ปรับแนวคิดเพื่อให้ทันสมัยและเป็นสากลโดยเป็นไปตามนโยบายของรัฐบาลที่จะปรับปรุงและพัฒนากฎหมายที่เกี่ยวข้องกับยาเสพติดให้มีความทันสมัยสอดคล้องกับยุทธศาสตร์ชาติและแผนการปฏิรูปประเทศรวมทั้งปรับปรุงบทบัญญัติให้สอดคล้องกับผลการประชุมสมัชชาสหประชาชาติสมัยพิเศษว่าด้วยปัญหายาเสพติดโลก

อย่างไรก็ตาม ประมวลกฎหมายยาเสพติดใหม่ ยึดหลัก ผู้เสพ คือ ผู้ป่วย การนำพืชเสพติดมาใช้ประโยชน์ทางวิทยาศาสตร์ และทางการแพทย์ และการลงโทษให้เหมาะสมกับพฤติกรรมในการกระทำความผิด รวมไปถึงการพิจารณาคดีของศาลใช้ดุลยพินิจพิจารณาการลงโทษที่เหมาะสม หรือใช้มาตรการทางเลือกอื่นได้ตามระดับความร้ายแรงของการกระทำความผิด “ลงโทษตามพฤติการณ์ของผู้กระทำผิด จำแนกผู้ค้า/ผู้เสพชัดเจน ซึ่งแบ่งกลุ่มผู้เกี่ยวข้องกับยาเสพติดออกเป็น 3 กลุ่ม (1.ผู้เสพ 2.ผู้รับจ้างขน และ3.กลุ่มนักค้า) ซึ่งนายทุน/ผู้สั่งการ/นักค้ารายใหญ่ต้องใช้มาตรการลงโทษอย่างเด็ดขาด และยึดทรัพย์สิน

ด้านการปราบปรามยาเสพติด การสืบสวนเส้นทางการเงิน เพื่อยึดทรัพย์และตัดวงจร เป็นแนวทางสำคัญของรัฐบาลเพื่อใช้ทำลายผู้อยู่เบื้องหลังองค์กรการค้ายาเสพติด ซึ่งประมวลกฎหมายยาเสพติดใหม่จะเป็นเครื่องมือสำคัญเพิ่มประสิทธิภาพในการยึดทรัพย์ ซึ่งจะยึดทรัพย์สินตามมูลค่า (Value-based Confiscation) โดยการกำหนดให้การดำเนินคดีทรัพย์สินไม่ผูกติดกับคดีอาญา และการทำลายของกลางยาเสพติดให้เร็วขึ้น ไม่ต้องรอศาลพิพากษาตัดสินคดี เพียงแค่มีผลตรวจพิสูจน์ทางวิทยาศาสตร์ว่าเป็นยาเสพติด ก็สามารถนำไปทำลายได้เลย ไม่ต้องเก็บรักษาไว้เหมือนปัจจุบัน

โดยนายภิญโญ โฆสิต กล่าวทิ้งท้ายว่ากฎหมายาเสพติดนี้สามารถตรวจสอบย้อนหลังไปได้ถึง 10 ปี ผู้เป็นตัวการหากเจ้าหน้าที่มีหลักฐานแน่นหนาสามารถจับกุมและยึดทรัพย์ได้ทันที ในปีที่ผ่านมายึดทรัพย์ขบวนการค้ายาเสพติดไปแล้วรวม 6,000 ล้านบาท ปี 2565 ตั้งเป้ายึดทรัพย์ไว้ที่ 10,000 ล้านบาท “กฎหมายยาเสพติดนี้ มีอำนาจยึดทรัพย์ถึง 7 ชั่วโคตรฯ” นายภิญโญฯกล่าว

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

สส.ภูมิใจไทย ซัดนโยบายกัญชากลับเป็นยาเสพติด ไม่เป็นผลดีต่อการเป็นพรรคร่วมรัฐบาลด้วยกัน

นายสฤษฏ์พงษ์ เกี่ยวข้อง สส.กระบี่ พรรคภูมิใจไทย กล่าวถึงกรณีนโยบายกัญชาของรัฐบาลเศรษฐา ทวีสินว่า ตนไม่เห็นด้วยกับ

ชี้ กฎหมายกัญชา ฉบับใหม่ล็อกสเป็กเอื้อนายทุนโรงพยาบาล เปิดชื่อคนดังมีเอี่ยวเพียบ

นายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ คณบดีวิทยาลัยการแพทย์แผนตะวันออก มหาวิทยาลัยรังสิต โพสต์เฟซบุ๊ก เปิดเผยว่า ร่างประกาศ

เอาแล้ว! ม็อบกัญชายกระดับชุมนุมอดข้าวประท้วง

สุดทน! 'เครือข่ายเขียนอนาคตกัญชาไทย' ยกระดับการชุมนุม ประกาศอารยะขัดขืนอดข้าวประท้วง จนกว่ารัฐบาลจะยอมไต่สวนก่อนพิพากษา ส่งกัญชาไปเป็นยาเสพติด