ผู้ว่า รฟท.ลงพื้นที่เกิดเหตุรถไฟชนกับรถกะบะ จ.ฉะเชิงเทรา วิ่งฝ่าสัญญาณเตือน ชี้เป็นทางลักผ่านที่ไม่ได้รับอนุญาต ยันคนขับเปิดหวูดเตือนแล้ว 3 ครั้ง รถกะบะวิ่งฝ่าสัญญาณเตือน สั่งให้ความช่วยเหลือครอบครัวผู้เสียชีวิต-ผู้บาดเจ็บแล้ว
4 ก.ค.2566 รายงานข่าวจากการรถไฟแห่งประเทศไทย(รฟท.) แจ้งว่า เวลา 02.20 น. ได้เกิดเหตุขบวนรถไฟบรรทุกสินค้าคอนเทนเนอร์ที่ 833 ดีเซลเลขที่ 5240 มีต้นทางจากไอซีดี ลาดกระบัง ปลายทางแหลมฉบัง ชนกับรถยนต์กระบะขนคนงานลากปลา ยี่ห้อ อีซูซุ สีบรอนซ์เงิน ทะเบียน 1 ฒฆ 5942 กรุงเทพมหานคร บริเวณทางลักผ่านที่ไม่ได้รับอนุญาต หลักกิโลเมตรที่ 43/9 ใกล้กับที่หยุดรถคลองอุดมชลจร อำเภอเมือง จังหวัดฉะเชิงเทรา ซึ่งการรถไฟฯ ได้ติดตั้งป้าย และสัญญาณไฟเตือนครบถ้วนเพื่อพยายามช่วยในเรื่องความปลอดภัยให้มากที่สุดที่จะเป็นไปได้
อย่างไรก็ตาม แม้ว่าพนักงานขับรถไฟได้ปฏิบัติตามข้อบังคับโดยการเปิดหวูดเตือนก่อนจะถึงทางลักผ่าน จำนวนถึง 3 ครั้ง แต่ด้วยระยะที่กระชั้นชิดทำให้ไม่สามารถหยุดขบวนรถได้ทัน เป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิต เป็นชาย 5 ราย และหญิง 3 ราย ส่วนผู้ได้รับบาดเจ็บเป็นชาย 4 ราย โดยมีอาการสาหัส 1 ราย มูลนิธิกู้ภัยฉะเชิงเทราได้เร่งนำตัวส่งโรงพยาบาลพุทธโสธร จังหวัดฉะเชิงเทรา ส่วนผู้เสียชีวิต ได้นำส่งโรงพยาบาลตำรวจ เพื่อรอการชันสูตรและให้ญาติติดต่อขอรับเพื่อนำไปประกอบพิธีทางศาสนาต่อไป
ทั้งนี้จากการสอบสวน นายวิชัย อยู่เล็ก อายุ 54 ปี ผู้ขับขี่รถยนต์กระบะคันเกิดเหตุ เล่าว่าขณะขับผ่านทางรถไฟ เห็นรถไฟกำลังวิ่งมา และได้ยินหวีดรถไฟแจ้งเตือนแล้ว จึงได้ชะลอรถ แต่คนในรถที่นั่งมาด้วยกันบอกให้ขับผ่านไปได้เลย ตนจึงขับผ่านทางตัดไปแต่ด้วยความกระชั้นชิด จึงทำให้รถไฟชนเข้าที่ท้ายของรถกระบะ
ด้านนายสุรพัศ ประสพ อายุ 20 ปี ผู้รอดชีวิตที่นั่งมาในรถยนต์กระบะ เล่าถึงเหตุการณ์ว่า ขณะรถกระบะกำลังจะขับข้ามทางรถไฟ ตนเองเห็นว่ามีขบวนรถไฟพุ่งใกล้เข้ามาในระยะอีกเพียงไม่กี่เมตร และได้ยินเสียงคนงานที่นั่งมาด้วยกันร้องบอกคนขับรถว่าให้รีบข้ามไป แต่ตนเองมองว่าไม่น่าจะทันจึงตัดสินใจกระโดดลงจากรถ โดยยืนยันว่าระหว่างที่รถยนต์จะข้ามทางรถไฟได้ยินเสียงหวีดรถรถไฟดังลั่นถึง 3 ครั้ง แต่คนขับรถกระบะก็ไม่สนใจ จนเกิดเหตุดังกล่าว
อย่างไรก็ตามหลังเกิดเหตุ นายนิรุฒ มณีพันธ์ ผู้ว่าการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.)พร้อมคณะผู้บริหาร และเจ้าหน้าที่ฝ่ายที่เกี่ยวข้องของการรถไฟแห่งประเทศไทย ได้ลงพื้นที่เกิดเหตุเพื่อให้ความช่วยเหลือ และดูแลผู้ที่ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิตจากอุบัติเหตุในครั้งนี้ โดยในเบื้องต้นได้สั่งการให้กองพนักงานสัมพันธ์และสวัสดิการ ฝ่ายทรัพยากรบุคคล ติดต่อให้ความช่วยเหลือในด้านมนุษยธรรมตามระเบียบของการรถไฟฯ กับครอบครัวผู้บาดเจ็บและผู้เสียชีวิตต่อไป ซึ่งการรถไฟฯ ขอแสดงความเสียใจต่อครอบครัวของผู้เสียชีวิต และผู้ได้รับบาดเจ็บมา ณ โอกาสนี้
รายชื่อผู้ได้รับบาดเจ็บ จำนวน 4 ราย ประกอบด้วย
1. นายวรพล ม่วงสี อายุ 25 ปี
2. นายจตุพร แก้วโรจน์ อายุ 26 ปี
3. นายสุพรรณ โพธิ์รักษา อายุ 25 ปี
4. นายสุรพัศ ประสพ อายุ 20 ปี
รายชื่อผู้เสียชีวิต จำนวน 8 ราย ประกอบด้วย
1. นายสุนทร บัวทอง อายุ 55 ปี
2. นางวารี ภู่ถาวร อายุ 64 ปี
3. น.ส.สุลีรัตน์ ไวว่อง อายุ 22 ปี
4. นายสุรพล อยู่เล็ก อายุ 60 ปี
5. นายณัฐชัย เหยี่ยว อายุ 18 ปี
6. นายธนาวัฒน์ ลิ้มเจริญวิวัฒน์ อายุ 27 ปี
7. นายสายยนต์ โพธิ์รักษ์ อายุ 62 ปี
8. นางสุนทรี โพธิ์รักษ์ อายุ 55 ปี
อย่างไรก็ตาม แม้ว่าทางดังกล่าวจะเป็นทางลักผ่าน แต่เพื่อพยายามที่จะลดอุบัติเหตุให้มากที่สุด การรถไฟฯ จึงได้ดำเนินการติดตั้งสัญญาณเตือน ป้ายจราจร ไฟกะพริบป้ายข้อความเตือนทั้งสองด้านมีเครื่องหมายจราจรครบถ้วน เพื่อป้องกันการเกิดอุบัติเหตุ รวมถึง เพื่อความปลอดภัยของผู้โดยสาร และประชาชนที่ใช้เส้นทางสัญจรผ่านจุดดังกล่าว
นายนิรุฒ กล่าวว่าได้ให้ความสำคัญต่อการแก้ไขปัญหาอุบัติเหตุบริเวณทางผ่านเสมอระดับอย่างจริงจัง โดยมุ่งเน้นการให้ความรู้แก่ประชาชนและชุมชนใกล้เคียง เพื่อสร้างความตระหนักให้กับผู้อยู่อาศัยในพื้นที่ ได้คำนึงถึงความปลอดภัยและการปฏิบัติตามกฎจราจรก่อนข้ามทางผ่านเสมอระดับ ตลอดจนการให้ความสำคัญกับป้ายสัญลักษณ์เตือน เพื่อลดการเกิดอุบัติเหตุ
ทั้งนี้ในส่วนมาตรการแก้ปัญหาในระยะเร่งด่วน ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่เกี่ยวข้องเร่งสรุปจำนวนทางลักผ่านที่ผิดกฎหมายเพื่อดำเนินการแก้ปัญหาปิดจุดทางลักผ่านต่างๆ หรือประสานหน่วยงานท้องถิ่นที่ดูแลรับผิดชอบถนนที่ตัดผ่านทางรถไฟสนับสนุนงบประมาณในการติดตั้งเครื่องกั้นอัตโนมัติ ซึ่งที่ผ่านมา หากการรถไฟฯ เข้าไปดำเนินการปิดทางลักผ่านต่างๆ ก็จะได้รับการร้องเรียนจากประชาชนในพื้นที่ขอให้เปิดเส้นทางลักผ่านเพื่อใช้ในการสัญจร หรือลักลอบเปิดใช้ทางลักผ่านโดยไม่ได้รับอนุญาตจากการรถไฟฯ แต่อย่างใด
อย่างไรก็ตามปัจจุบันโครงข่ายทางรถไฟทั่วประเทศ มีทางผ่านเสมอระดับทางรถไฟและรถยนต์ จำนวน 2,697 แห่ง แบ่งเป็น ทางต่างระดับที่ได้รับอนุญาต 546 แห่ง (Overpass, Underpass, Box underpass, U-Turn, U-Turn,Box Underpass) ทางเสมอระดับที่ได้รับอนุญาต 1,458 แห่ง (เครื่องกั้นถนนอัตโนมัติ, มีพนักงานควบคุม, ป้ายจราจร/สัญญาณต่างๆ) และทางลักผ่าน 693 แห่ง (ติดตั้งเครื่องกั้นถนนฯ , ติดตั้งป้ายจราจรสัญญาณต่าง ๆ , ทางลอด, ทางที่ไม่ได้รับการติดตั้งป้ายจราจร/สัญญาณใดๆ)
ทั้งนี้การรถไฟฯ ขอให้ประชาชนผู้ใช้ทางผ่านเสมอระดับทางรถไฟ-รถยนต์ ปฏิบัติตามพระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ. 2522 มาตรา 63 ในทางเดินรถตอนใดที่มีทางรถไฟผ่าน ไม่ว่าจะมีเครื่องหมายระหว่างรถไฟหรือไม่ ถ้าทางรถไฟนั้นไม่มีสัญญาณระวังรถไฟหรือสิ่งปิดกั้นผู้ขับขี่ต้องลดความเร็วของรถและหยุดรถห่างจากทางรถไฟในระยะไม่น้อยกว่า 5 เมตร เมื่อเห็นว่าปลอดภัยแล้วจึงจะขับรถผ่านไปได้
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
'มท.2' ควงอธิบดีที่ดิน ลงพื้นที่เขากระโดง พิสูจน์ปมพิพาทกับ รฟท.
'มท.2' ควงอธิบดีกรมที่ดิน ลงพื้นที่เขากระโดง พิสูจน์ปมพิพาทที่ดิน รฟท. ชาวบ้าน 2 ตำบล โชว์เอกสารสิทธินส.3 หลักฐานยันอาศัยอยู่ตั้งแต่ปู่ย่าตายาย เรียกร้องความยุติธรรม
บอร์ด รฟท. เคาะจัดซื้อรถโดยสาร 182 คัน ปักหมุดใช้ล็อตแรกพ.ค.71
บอร์ด รฟท. เคาะจัดซื้อรถโดยสาร 182 ตู้ 14 ขบวน 1.05 หมื่นล้าน อัพเกรดชั้น 3 ติดแอร์ขบวนแรกในไทย หวังนำมาวิ่งทดแทนรถเก่าใช้งานมากว่า 50 ปี วิ่งให้บริการ 5 เส้นทาง ชี้เป็นรถชั้น 3 แอร์ชุดแรก เล็ง เสนอ ครม. ขอกู้เงิน มี.ค.ปีหน้า ปักธงรับมอบขบวนรถล็อต 2 ขบวน พ.ค.71
เช็กด่วน น้ำท่วมภาคใต้ รฟท.แจ้งยกเลิกปรับเปลี่ยนเส้นทางเดินรถ
น้ำท่วมภาคใต้ ‘การรถไฟฯ’ ประกาศงดเดินขบวนรถ และปรับเปลี่ยนสถานีต้นทาง – ปลายทาง ในเส้นทางนครศรีธรรมราช ตั้งแต่ 16 ธ.ค. 67 เป็นต้นไป
'อนุทิน' ส่ง 'มท.2-อธิบดีกรมที่ดิน' แจงปมเขากระโดง
'อนุทิน'ส่ง 'มท.2- อธิบดีกรมที่ดิน' แจงปมเขากระโดง 'ทรงศักดิ์' ขอบคุณ กมธ.ที่ดินให้โอกาสแจง โอดสงสารชาวบ้านกว่า 900 รายได้รับผลกระทบ 'พูนศักดิ์' ยันพิจารณายึดข้อกฎหมายไม่โยงการเมือง
'สุริยะ' ย้ำที่เขากระโดงเป็นของรฟท. ส่วนที่ดินอัลไพน์ ยันไม่ผิดกฎหมาย
ที่ทำเนียบรัฐบาล นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.คมนาคม ให้สัมภาษณ์ถึงความคืบหน้าภายหลังการรถไฟ