รวบ 2 ตัวการใหญ่ แก๊งสวมทะเบียนรถเจาะข้อมูลระบบขนส่ง ยึดของกลาง 65 คัน 77 ล้าน

ตำรวจไซเบอร์ปฏิบัติการ “พลิกถนนล่ารหัสโจรกรรม” รวบ 2 ตัวการใหญ่แก๊งสวมทะเบียนรถยนต์ ลอบเจาะข้อมูลระบบขนส่ง ยึดของกลางรถยนต์ 65 คันมูลค่าความเสียหาย 77 ล้าน

3 ส.ค.2566 - พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล รอง ผบ.ตร. ในฐานะผอ.ศูนย์ปราบปรามการโจรกรรมรถยนต์ รถจักรยานยนต์ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ นายจิรุตม์ วิศาลจิตร อธิบดีกรมการขนส่งทางบก นายเสกสม อัครพันธุ์ รองอธิบดีกรมการขนส่งทางบกพล.ต.ท.วรวัฒน์ วัฒน์นครบัญชา ผบช.สอท. , พล.ต.ต.ไพโรจน์ สุขรวยธนโชติ รอง ผบช.สอท., พล.ต.ต.อำนาจ ไตรพจน์ รอง ผบช.สอท., พล.ต.ต.ทินกร รังมาตย์ รอง ผบช.สพฐ ปฎิบัติราชการบช.สอท. พล.ต.ต.ณัฐกร ประภายนต์ ผบก.สอท.2 พ.ต.อ.สุวัฒชัย ศรีทองสุข ผกก.วิเคราะห์ข่าวและเครื่องมือพิเศษ บก.สอท.2 ร่วมกันแถลงข่าวผลการปฏิบัติการพลิกถนนล่า รหัสโจรกรรม จับกุมผู้ต้องหา 2 รายคือนายเสถียร เรืองสมุทร อายุ 38 ปี และนายศริสร สุทธิเจต อายุ 44 ปี พร้อมของกลางรถยนต์หรูหลายรายการ อาทิ อาวดี้ คิว 8 ,เมอร์เซเดส เบนซ์ G300, ออสติน มินิ แวน, ซากรถยนต์ บีเอ็มดับบิว E3 ,BMW 3.0 CSL ,เครื่องปั้มเพลท ,แผ่นเพลท และเล่มทะเบียนรถจำนวนมาก

พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ กล่าวว่า สืบเนื่องจากวันที่ 28 มิ.ย.ที่ผ่านมา ทางกรมการขนส่งทางบก ได้ตรวจพบความผิดปกติในการเข้าใช้งานโปรแกรมปรับฐานข้อมูลของผู้ดูแลระบบงานด้านทะเบียนรถยนต์ จึงทำการตรวจสอบย้อนกลับไปปรากฏว่า มีการลักลอบนำ username และ password ของเจ้าหน้าที่กรมการขนส่งทางบกไปใช้ดำเนินการ แก้ไขปรับปรุงข้อมูลรถยนต์ และรถจักรยานยนต์ในระบบงานตรวจสภาพรถ เช่น ยี่ห้อรถ หมายเลขตัวรถ เชื่อมโยงข้อมูลที่มีการปรับแก้แล้วมายังระบบงานทะเบียนรถยนต์ โดยมีรถยนต์และรถจักรยานยนต์ที่มีการเปลี่ยนแปลงข้อมูลรวมจำนวนทั้งสิ้น 65 คัน จึงได้มาร้องทุกข์กล่าวโทษกับทางศูนย์ปราบปรามการโจรกรรมรถยนต์ รถจักรยานยนต์ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ก่อนที่จะสั่งการให้ทางบช.สอท.ดำเนินการตรวจสอบรวบรวมพยานหลักฐานออกหมายจับผู้ที่เกี่ยวข้องและทำการจับกุมผู้ต้องหา 2 ราย และเปิดปฎิบัติการตรวจค้น 35 จุด ยึดรถที่เกี่ยวข้องกับการกระทำความผิดจำนวน 65 คัน มูลค่า 77,350,000 บาท พร้อมทั้งออกหมายเรียกบุคคลที่เกี่ยวข้องมาสอบปากคำเพื่อให้ทราบถึงแหล่งที่มาของรถที่ได้ครอบครองที่เกี่ยวข้องในคดีนี้

พ.ต.อ.สุวัฒชัย กล่าวว่า ขบวนการนี้มีการแบ่งงานกันทำ โดยขั้นตอนการดำเนินการของคนร้ายจะกระทำโดย เข้าไปทำการแก้ไขข้อมูลรายการรถในระบบงานตรวจสภาพรถ และเชื่อมโยงข้อมูลมายังระบบงานทะเบียนรถยนต์ ก่อนจะมาขอคัดเล่มทะเบียนรถใหม่ เพื่อให้ข้อมูลในะระบบ MDM ของกรมการขนส่งทางบก ตรงกับข้อมูลรถที่ครอบครอง และข้อมูลในเล่มทะเบียนรถ จากนั้นจะนำเล่มทะเบียนไปขาย หรือจำนำให้กับกลุ่มลูกค้าที่ชื่นชอบ และสะสมรถเก่า หรือรถโบราณ หรือหากมีลูกค้าต้องการจะทำการแก้ไขข้อมูลรถที่ตัวเองครอบครองอยู่ ซึ่งมีนายศริสรเป็นตัวกลางในการติดต่อกับนายเสถียรให้ดำเนินการแก้ไขข้อมูลตามที่ลูกค้าต้องการ เมื่อคนร้ายแก้ไขข้อมูลในระบบแล้ว จะติดต่อทางกรมการขนส่งทางบก ว่าเล่มทะเบียนหาย เพื่อขอออกเล่มทะเบียนใหม่

เมื่อเจ้าหน้าที่ทำการตรวจสอบก็ไม่ทราบถึงการแก้ไขดังกล่าว จึงได้ออกเล่มทะเบียนเล่มใหม่ให้ รถคันดังกล่าว จะกลายเป็นรถที่ถูกต้องตามกฎหมาย พร้อมมีเล่มคู่มือการจดทะเบียนแบบถูกต้องสามารถนำไปขายหรือโอนต่อได้ โดยเล่มทะเบียนรถยนต์จะขายหรือจำนำ ในราคาประมาณ 500,000 -1,500,000 บาท , กรณีจ้างเปลี่ยนข้อมูลจะคิดค่าดำเนินการประมาณ 1,400,000 – 2,000,000 บาท และหากขายเล่มทะเบียนพร้อมรถยนต์จะขายในราคาประมาณ 1,000,000 - 3,000,000 บาท ซึ่งระบบของกรมการขนส่งทางบกมีการวางระบบป้องกันอยู่แล้ว แต่ทางผู้ต้องหาอาศัยความคุ้นชินกับเจ้าหน้าที่เข้าไปจดจำรหัสผ่าน โดยใช้คอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊คส่วนตัว เข้าอินเตอร์เน็ตผ่านไวฟายของกรม ซึ่งเจ้าหน้าที่สามารถเข้าระบบผ่านระบบนี้ได้เช่นกัน ทำให้บุคคลภายนอกที่ลอคอินเข้าใช้อินเตอร์เน็ตเข้าไปในระบบได้ โดยกลุ่มที่ก่อเหตุจะแบ่งเป็น 3 กลุ่ม คือ

กลุ่มแรก จะแก้ไขข้อมูลรถยนต์ที่ไม่มีมูลมูลค่า เปลี่ยนเป็นรถยนต์ที่มีมูลค่าสูง ก่อนที่จะนำเล่มทะเบียนไปขายเล่มละประมาณ 1 ล้านบาท กลุ่มที่สอง คือ คนซื้อเล่มทะเบียนรถไป เพื่อไปหารถยนต์ที่มีสภาพตรงกับข้อมูลในเล่มทะเบียน จากนั้นก็จะไปเปลี่ยนเลขตัวถังรถยนต์ เพราะสามารถยึดที่ปั้มเพลทรถยนต์ได้ โดยกลุ่มนี้จะขายรถยนต์ราคาประมาณ 1 ล้านบาท และเล่มทะเบียนรถยนต์อีก 1 ล้านบาท รวม 2 ล้านบาท และส่วนกลุ่มที่ 3 เป็นกลุ่มที่มีรถยนต์ และเล่มทะเบียน แต่จดทะเบียนไม่ได้ จึงว่าจ้างให้อีกคนไปเปลี่ยนแปลงข้อมูลรถยนต์กับกรมการขนส่งทางบก โดยประสานผ่านผู้ต้องหา มีราคาเปลี่ยนคันละ 1.4 - 2 ล้านบาท

พล.ต.ท.วรวัฒน์ กล่าวว่า ปฎิบัติการครั้งนี้ สามารถตรวจยึดรถได้จำนวนทั้งสิ้น 65 คัน เป็นรถยนต์ 57 คัน ในจำนวนนี้มีแต่เล่ม32 คัน มีแต่รถ 2 คัน มีรถพร้อมเล่ม 13 คัน และถูกสวมชื่อ9 คัน ขณะที่ตรวจยึดรถจักรยานยนต์8 คัน ในจำนวนนี้มีแต่เล่ม 2 คัน มีรถพร้อมเล่ม 1 คัน และถูกสวมชื่อ6 คัน อย่างไรก็ตามเบื้องต้นแจ้งข้อหาในความผิดตาม ม.7 ,ม.9 และม.14(1) พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ ในการแก้ไขข้อมูล นำข้อมูลปลอมเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ และเข้าถึงรหัสโดยมิชอบ มีโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี และหลังจากนี้จะขยายผลถึงกลุ่มอื่นๆ โดยเฉพาะผู้ครอบครองรถยนต์ที่ต้องสงสัยก็จะออกหมายเรียกให้นำรถยนต์เข้ามาตรวจสอบ รวมทั้งทำหนังสือถึงกรมศุลกากร ถึงการนำเข้ารถยนต์และการเปลี่ยนแปลงแก้ไขรถยนต์

ขณะที่นายจิรุตม์ กล่าวว่า กรณีที่เกิดขึ้นได้สั่งให้มีการตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงโดยให้รายงานผลการสอบสวนโดยเร็วหากพบว่ามีเจ้าหน้าที่เกี่ยวข้องก็จะดำเนินคดีในความผิดอาญาและวินัยควบคู่กันไปอีกครั้งจะขอนำข้อมูลการสืบสวนสอบสวนของทางตำรวจไปประกอบการพิจารณาเช่นกัน ขณะนี้ยังไม่พบว่ามีเจ้าหน้าที่กรมการขนส่งทางบกเกี่ยวข้อง และยังไม่พบว่ามีการขายพาสเวิร์ดให้คนอื่น แต่ครั้งนี้เป็นการตรวจพบของเจ้าของพาสเวิร์ดเอง ที่พบความผิดปกติจึงแจ้งให้ตรวจสอบ โดยผู้ที่รู้พาสเวิร์ดการเข้าระบบนี้มี 7 คน และมีการแก้ไขข้อมูลรถของเจ้าหน้าที่เพียงคนเดียว อย่างไรก็ตามสำหรับการจดจำรหัสผ่านของผู้ต้องหา ก่อนหน้านี้ก็จะสามารถเข้าระบบอินเตอร์เน็ตด้วยระบบ LAN แต่เมื่ออำนวยความสะดวกใช้เจ้าหน้าที่ใช้แทปเล็ตในการเข้าระบบตรวจสอบรถยนต์ได้ก็สามารถล็อกอินเข้าระบบด้วยไวฟายได้ และตรวจสอบในพื้นที่เปิดทำให้บุคคลภายนอกอาจเห็นเวลาที่เจ้าหน้าที่เข้าระบบได้ แต่พาสเวิร์ดนี้จะต้องเปลี่ยนทุกๆ 3 เดือนอยู่แล้ว ขณะนี้ก็ได้เน้นย้ำให้หน่วยดังกล่าวเพิ่มความระมัดระวัง และเว้นระยะห่างระหว่างตัวเองและผู้ใช้บริการแล้ว

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

'บิ๊กต่อ' ขานรับนโยบายเร่งด่วน 5 ข้อ ลุยปราบยาเสพติด-พนันออนไลน์

พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) เป็นประธานการประชุมปราบปรามอาชญากรรมตามนโยบายสำคัญเร่งด่วน โดยมี พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รอง ผบ.ตร., พล.ต.ท.ประจวบ วงศ์สุข ผู้ช่วย ผบ.ตร.รรท.รอง ผบ.ตร., พล.ต.ท.กรไชย คล้ายคลึง ผู้ช่วย ผบ.ตร., พล.ต.ท.ธัชชัย ปิตะนีละบุตร ผู้ช่วย ผบ.ตร., พล.ต.ท.สำราญ นวลมา ผู้ช่วย ผบ.ตร., พล.ต.ท.อิทธิพล อัจฉริยะประดิษฐ์ ผู้ช่วย ผบ.ตร., พร้อมด้วยผู้แทนหน่วยต่างๆ เข้าร่วมประชุม

'บิ๊กต่อ' ยืนยันไม่กดดันพนักงานสอบสวน สน.เตาปูน ทำคดีเว็บพนัน

พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) กล่าวถึงกรณี นายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือทนายตั้ม แจ้งความดำเนินคดีว่าเกี่ยวข้องกับเว็บพนันออนไลน์ในพื้นที่ สน.เตาปูน ว่า เรื่องดังกล่าวให้เป็นไปตามกร

วิจารณ์แซ่ด! อัยการปราบทุจริตฯ สั่ง สอท. ส่งสำนวนคดีเว็บพนันพันบิ๊กตร. ให้ ป.ป.ช.

'อัยการปราบทุจริตฯ' ร่อนหนังสือด่วนที่สุดให้ 'สอท.' รับสำนวนคดีเว็บพนันพันบิ๊กตำรวจ ไปส่ง ป.ป.ช. ทั้งที่ อสส. ยังไม่ได้มีคำสั่งชี้ขาดข้อหารือ วิจารณ์เเซ่ดบรรทัดฐานใหม่

'บิ๊กต่อ' บอกปล่อยให้เป็นไปตามกระบวนการ ปม 'โจ๊ก' ฟ้องนายกฯผิด ม.157

พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) ให้สัมภาษณ์ถึงกรณี พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผบ.ตร. ไปยื่นต่อ ป.ป.ช.เอาผิดนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี กรณีแต่งตั้ง พล.ต.อ.ต่อศักดิ์เป็น ผบ.ตร. โดย พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ ยิ้มพร้อมป

'ตำรวจไซเบอร์' เปิดปฏิบัติการ! ทลายแก๊งคอลเซ็นเตอร์จีน ตั้งฐานเชียงใหม่

พล.ต.ท.วรวัฒน์ วัฒน์นครบัญชา ผู้บัญชาการตํารวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (ผบช.สอท.), พล.ต.ต.อรรถสิทธิ์ สุดสงวน รอง ผบช.สอท.

'บิ๊กต่อ' แต่งเต็มยศ ได้ฤกษ์เข้าสำนักงานตำรวจแห่งชาติ

พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) เดินทางเข้ามาที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ด้วยรถยนต์โตโยต้า vellfire สีเทา ทะเบียน 3 ขณ 1973 กรุงเทพฯมาจอดบริเวณลานจอดรถอาคาร 1 ตร.