แฉกลโกงโจรออนไลน์สายอ่อย ย้ำประชาชนอย่าเป็นแมงเม่าบินเข้ากองไฟ เผยสถิติแจ้งความคดีออนไลน์ยังคงสูง เชิญชวนเสริมสร้างภูมิคุ้มกันผ่านแบบทดสอบไซเบอร์วัคซีน
3 ก.ค.2566-พ.ต.ท.หญิงณพวรรณ ปัญญา รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวถึงสถิติอาชญากรรมออนไลน์ในช่วงครึ่งปีแรกและอุบายที่มิจฉาชีพมักใช้ในการหลอกลวงประชานว่า คดีออนไลน์ที่ประชาชนผ่านการแจ้งความออนไลน์ ในช่วงครึ่งปีแรก (1 ม.ค.– 17 มิ.ย.66) มีจำนวนสูงถึง 278,572 คดี ยอดความเสียหายรวมสูงกว่า 38,786 ล้านบาท โดย 5 ลำดับสูงสุด ได้แก่ 1. หลอกซื้อขายสินค้าหรือบริการที่ไม่เป็นขบวนการ 2.หลอกให้โอนเงินเพื่อทำงาน 3.หลอกให้กู้เงินฯ 4. หลอกให้ลงทุนผ่านระบบคอมพิวเตอร์ และ 5. ข่มขู่ทางโทรศัพท์ (Call Center)
ปัจจุบันโจรออนไลน์ได้พัฒนาวิธีการให้ประชาชนเป็นฝ่ายเข้าติดต่อพูดคุยกับมิจฉาชีพเสียเอง โดยใช้ความสนใจและความต้องการต่างๆ ในการดึงดูดความสนใจ เช่น 1. “โพสต์หลอกว่าเป็นหนุ่มสาวตามหารักแท้” โดยจะโพสต์รูปและข้อมูลปลอม ว่าตนเป็นชาวต่างชาติรูปร่างหน้าตาดี มีหน้าที่การงานที่น่าเชื่อถือ และกำลังตามแฟนคนไทย เมื่อหลงทักเข้าไปพูดคุย ก็จะถูกหลอกเอาทรัพย์สิน หรือถูกล่อลวงให้ไปทำงานผิดกฎหมายในต่างประเทศ เข้าข่ายหลอกรักออนไลน์ (Romance Scams) 2. “ปลอมเพจหลอกขายสินค้าราคาถูกเกินจริง” โจรออนไลน์จะสร้างเพจปลอมโฆษณาออกโปรโมชั่นขายสินค้าราคาถูก ทั้งสินค้าทั่วไปและสินค้าฟุ่มเฟือย ซึ่งเมื่อเหยื่อหลงเชื่อโอนเงินไปแล้วจะไม่ได้รับสินค้าหรือได้รับสินค้าไม่ตรงปก ดังเช่นในช่วงที่ผ่านมามีการปลอมเพจขายทุเรียนของดาราชื่อดังกว่าร้อยเพจ ทำให้มีประชาชนหลงเชื่อถูกหลอกเป็นจำนวนมาก
3. “ปลอมเพจหลอกทำงานง่ายรายได้ดี” มิจฉาชีพจะสร้างเพจปลอมหลอกเหยื่อที่กำลังมองหางานพิเศษออนไลน์รายได้ดีด้วยอุบายต่างๆ เช่น ทำสต็อกสินค้า หรือปั่นยอดวิว โดยผู้สมัครต้องเสียค่าธรรมเนียมก่อน และมีขั้นตอนให้โอนเงินเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จนสุดท้ายจะไม่สามารถถอนเงินออกมาได้ 4. “ปลอมเพจปล่อยเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำ” โดยจะใช้ชื่อเพจที่มีความน่าเชื่อถือ มีการโฆษณาชวนเชื่อ เมื่อประชาชนหลงกลทักแชทไป มิจฉาชีพจะขอข้อมูลส่วนตัวและขอค่าดำเนินการโดยคิดเป็น % ของเงินกู้ เมื่อหลงกลโอนเงินไปแล้วจะถูกบล็อกบัญชี ไม่สามารถติดต่อได้ ซึ่งเหยื่ออาจจะโดนนำข้อมูลส่วนตัวไปแอบอ้าง ทำธุรกรรมหลอกลวงผู้อื่นต่อไปอีก
ผบ.ตร. มีความห่วงใยประชาชน จึงได้จัดทำแบบทดสอบ Cyber Vaccine เพื่อเป็นการเสริมสร้างภูมิคุ้มกันไซเบอร์ให้กับประชาชน ขอให้ประชาชนต้องมีสติ “ไม่เชื่อ ไม่รีบ ไม่โอน” เพื่อไม่ตกเป็นเหยื่อของโจรออนไลน์ ทั้งนี้สามารถติดตามรูปแบบการประชาสัมพันธ์กลโกงได้ที่เพจเฟซบุ๊ก “เตือนภัยออนไลน์” ปรึกษา-ขอคำแนะนำได้ที่ สายด่วน บช.สอท. 1441 หรือ ศูนย์ PCT 081-866-3000 โดยผู้เสียหายสามารถติดต่อธนาคารของตนเองเพื่อทำการระงับบัญชี โดยธนาคารจะออก Bank ID ผ่าน sms และขอให้ผู้เสียหายไปแจ้งความกับตำรวจที่ใดก็ได้โดยเร็ว โดยไม่ต้องคำนึงถึงท้องที่เกิดเหตุภายใน 72 ชั่วโมง หรือแจ้งความผ่านระบบออนไลน์ได้ที่เว็บไซต์ www.thaipoliceonline.com
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
แล้วกัน 'บิ๊กอ้วน' รับเดินตามเกมกลุ่มก่อความไม่สงบ ในพื้นที่จังหวัดชายแดนใต้!
นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวถึงเหตุระเบิดที่ ต.อาเนาะรู อ.เมือง จ.ปัตตานี และเหตุระเบิดล่าสุดที่ อ
‘วัชระ’ ข้องใจแต่งตั้ง ตร. มีชื่อสีกากีเกี่ยวข้องคดียิงวัดพระแก้ว ได้ขึ้นผู้การฯจังหวัด
มีการเสนอชื่อ พ.ต.อ. รายหนึ่ง ซึ่งเป็นรองผบก.อยู่จังหวัดภาคอีสาน มีการเปลี่ยนชื่อ และเกี่ยวข้องกับคดียิงวัดพระแก้วในเหตุการณ์เผาบ้านเผาเมืองสมัยกลุ่มคนเสื้อแดง
'ก.พ.ค.ตร.' ฮึ่ม! แต่งตั้งตร. ใช้ระบบโควตากับคุณธรรมไม่รอบคอบ มีสิทธิคุก
การใช้โควต้าดังกล่าวมีความสอดคล้องกับหลักการพิจารณา อาวุโสและความรู้ความสามารถ และไม่ได้ขัดต่อเจตนารมณ์ของกฎหมาย ก็อาจพิจารณานำมาปรับใช้ได้
‘วิโรจน์’ ขึ้นโรงพักจันทบุรี แจ้งความโดนขู่ฆ่า สบช่องขอคะแนนเสียง นายก อบจ.
คนเราถ้าเราถ้าไม่คดไม่โกง ไม่คอร์รัปชั่น กล้าที่ทำงานอย่างตรงไปตรงมาเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของประชาชน ประชาชนจะคอยเดินเคียงข้าง และเป็นผนังทองแดงกำแพงเหล็กปกป้องเราให้เอง
‘2สาวใหญ่ตราด’ ขี่รถจยย.กลับบ้าน เจอสายอินเตอร์เน็ตเกี่ยวแฮนด์รถล้มบาดเจ็บทั้งคู่
ศูนย์รับเหตุ 191 ตำรวจภูธรจังหวัดตราด ได้รับแจ้งมีอุบัติเหตุรถจักรยานยนต์ล้มเองมีผู้บาดเจ็บ 2 ราย บริเวณหน้าร้านนำโชค ถนนวิวัฒนะ ต.บางพระ อ.เมือง จ.ตราด
จับเครือข่ายแก๊งคอลเซ็นเตอร์ อ้างเป็นนักการเมืองดัง ลวงเหยื่อ 22 ล้าน
พล.ต.ต.ภูมิพัฒน์ ภัทรศรีวงษ์ชัย ผู้บังคับการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี 5 (ผบก.สอท.5) มอบหมายให้ พ.ต.อ.กฤษดา มานะวงศ์สกุล ผกก.1 บก.สอท.5 สืบสวนจับกุมผู้ต้องหาที่กระทำผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมออนไลน์