ตำรวจ-กรมศุลฯ จับเจ้าหน้าที่รัฐ-พลเรือน 7 ราย ทุจริตขายปันส่วนสัตว์น้ำของกลางจากเรือประมงผิดกฎหมาย
15 มิ.ย.2566 - ที่สโมสรตำรวจ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รอง ผบ.ตร.) ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์พิทักษ์ เด็ก สตรี ครอบครัวป้องกันปรามการค้ามนุษย์ในภาคประมง เปิดเผยว่า ตำรวจร่วมกับกรมศุลกากร และกรมประมง จับกุมดำเนินคดีผู้ต้องหาที่มีส่วนเกี่ยวข้องในการทุจริตการขายปันส่วนปลาแช่แข็งที่ตรวจยึดจากเรือทำประมงผิดกฎหมายขาดการรายงาน และไร้การควบคุมม (IUU) ซึ่งมีพฤติการณ์ชักธง 2 สัญชาติ นำเอาปลาเบญจพรรณ ซึ่งเป็นน้ำลึกคุณภาพดี จำนวน 7 ตู้คอนเทนเนอร์ รวม 147 ตันมาลงยังด่านศุลกากรท่าเรือกรุงเทพ จำนวน 6 ตู้ และด่านศุลกากรพระสมุทรเจดีย์ จ.สมุทรปราการ 1 ตู้ รวมมูลค่าประมาณ 300-400 ล้านบาท แต่ไม่สามารถแสดงเอกสารใบอนุญาตนำเข้าสัตว์น้ำจากกรมประมงได้ จึงไม่อนุญาตให้นำปลาเข้ามาจำหน่ายในประเทศไทย และตรวจยึดของกลางไว้เพื่อขายปันส่วนปลาให้กับเจ้าหน้าที่รัฐหรือชุมชนโดยรอบตามขั้นตอน
พล.ต.อ.สุรเชษฐ์กล่าวอีกว่า อย่างไรก็ตาม พบว่าไม่มีการขายปันส่วนจริง เพราะมีการนำรายชื่อบุคคลจำนวน 96 รายชื่อมาสวม และจำหน่ายปลาให้กับบุคคลคนเดียว และเงินบางส่วนไม่เข้ารัฐ จากการตรวจสอบเส้นทางการเงิน พบว่ามีเจ้าหน้าที่ศุลกากรและพลเรือนที่เกี่ยวข้อง 7 ราย รวมถึงผู้อำนวยการสำนักงานศุลกากรท่าเรือกรุงเทพ และหัวหน้าฝ่ายของกลางที่ทำหน้าที่หัวหน้าการขายปันส่วนสัตว์น้ำ โดยแจ้งข้อกล่าวหาแจ้งข้อกล่าวหากระทำความผิดตามมาตรา 157 เป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติ หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ, มาตรา 147 เป็นเจ้าพนักงาน เบียดบังทรัพย์โดยทุจริต และมาตา 86 ฐานเป็นผู้สนับสนุนผู้อื่นให้กระทำความผิดฯ และได้ส่งสำนวนฟ้องแล้วทั้งหมด ส่วนผู้ที่ซื้อปลาไปเป็นเอเยนต์ซื้อขายปลารายใหญ่ที่สมุทรปราการเพื่อนำไปจำหน่ายให้กับแพปลาในราคาที่ถูกกว่าปกติ โดยหลังจากนี้จะต้องสืบสวนไปถึงภาคธุรกิจที่เกี่ยวข้องและทราบตัวแล้ว อยู่ระหว่างรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อดำเนินคดีต่อไป
ด้านนายพชร อนันตศิลป์ อธิบดีกรมศุลกากร กล่าวว่า กรมศุลกากรได้ตั้งคณะกรรมการตรวจสอบและดำเนินการทางวินัยกับเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องทั้ง 7 รายแล้ว ภายหลังได้รับข้อมูลเชิงลึกเพิ่มเติมจากตำรวจและสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) จึงได้นำข้อมูลดังกล่าวเสนอไปยังกระทรวงการคลัง เพื่อพิจารณาบทลงโทษเพิ่มเติมตามขั้นตอนต่อไป
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
'บิ๊กโจ๊ก'บอกขอดำเนินคดีก่อนส่วนอนาคตไม่รู้จะกลับมาคุยกับ 'บิ๊กเต่า'หรือไม่
'บิ๊กโจ๊ก' ไม่กังวล ถูกยิงซํ้ารอยปี 2563 ปัดตอบกลับไปคุย 'บิ๊กเต่า'
เอาแล้ว! บิ๊กโจ๊กฟ้อง 'เศรษฐา' เป็นอาญาแผ่นดินปมตั้ง 'บิ๊กต่อ'
'บิ๊กโจ๊ก' ยื่น ป.ป.ช. ฟ้อง 'เศรษฐา' ผิด ม.157 ปมแต่งตั้ง 'บิ๊กต่อ' เป็นผบ.ตร. โดยมิชอบ ระบุไม่ได้ท้ารบ แต่ปกป้องสิทธิ
'บิ๊กต่อ'ลั่นไขก๊อกก่อนเกษียณเป็นเรื่องอนาคตส่วนเรื่อง 'บิ๊กโจ๊ก' เราอยู่กันแบบพี่น้อง!
'บิ๊กต่อ' ย้ำไม่ได้มีความขัดแย้งกับ 'บิ๊กโจ๊ก' อยู่กันแบบพี่น้อง เผยการออกจากราชการก่อนเกษียณเป็นเรื่องของอนาคต
กลุ่มไลน์ตร.เฮลั่น! 'รองผกก.สอบสวน' ชี้ชัด ม.131 ให้ตร.ออกจากราชการไว้ก่อนได้ แยกอิสระกับ ม.120
'พ.ต.ท.สุริยา' เผยกลุ่มไลน์ตร.เฮลั่น! หลังมติก.ตร.ให้ 'โจ๊ก' ออกจากราชการไว้ก่อนชอบด้วยกม. ชี้ชัดม.131 กับ ม.120 แยกอิสระต่อกัน ถ้าทุกกรณีต้องฟังกก.สอบสวนก่อน จะมีมาตรา 131 ไว้ทำไม ที่มีปัญหาเมื่อคนมีกองเชียร์เยอะ โดยเฉพาะนักกฎหมายศรีธนญชัย-อัยการคนใต้
อดีตรองอธิการบดีมธ. สอนมวย 'โจ๊ก' ตีความ ม.131 พรบ.ตร.ตกคำไป 2 คำ
รศ.หริรักษ์ สูตะบุตร อดีตรองอธิการบดีฝ่ายบริหารบุคคล มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ระบุว่า
'เศรษฐา' ขึงขังชี้ปม 'บิ๊กโจ๊ก' ให้ความเป็นธรรมและไตร่ตรองดีแล้ว
นายกฯ ลั่นปม 'บิ๊กโจ๊ก' ไตร่ตรองดีแล้ว ยันให้ความเป็นธรรม เผย ที่ประชุม ก.ตร.ยังไม่นำคำสั่งให้ออกจากราชการไว้ก่อนขึ้นทูลเกล้าฯ ต้องรอ มติ 'ก.พ.ค.ตร.' คาด 30 วัน รู้ผลสอบ