ตำรวจ สภ.ประโคนชัย จ.บุรีรัมย์ รวบสาวแสบอ้างเป็นทหารยศพันตรี ตีสนิทคบหาเป็นแฟนกับ จ.ส.ท. แค่ 5 เดือน ก่อนออกอุบายหลอกเอารถยนต์ราคากว่า 7 แสนไปให้น้องชายขนของที่แท้เอาไปจำนำ แถมฉกเงินสดสร้อยทองว่าที่แม่ย่า และเอาลอตเตอรี่รางวัลที่ 5 ไปขึ้นเงินแต่ไม่ให้รวมกว่าแสนบาท ทั้งแต่งเรื่องโกหกสารพัด แฟนหนุ่มและแม่เผยสุดช้ำทั้งรักเชื่อใจไม่คิดทำได้ลงคอ ยันดำเนินคดีตาม กม.
4 มิ.ย. 2566 เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ประโคนชัย จ.บุรีรัมย์ ได้จับกุม น.ส.หน่อย (นามสมมุติ) อายุ 31 ปี ชาวอำเภอนางรอง จ.บุรีรัมย์ ฐานแจ้งความเท็จ และลักทรัพย์ หลังจาก นางสมศรี (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 50 ปี ชาวตำบลประโคนชัย อ.ประโคนชัย จ.บุรีรัมย์ ได้เข้าแจ้งความร้องทุกข์ว่า น.ส.หน่อย ซึ่งเป็นแฟนสาวของลูกชายซึ่งปัจจุบันเป็นทหารยศ จ.ส.ท. อยู่สังกัดค่ายแห่งหนึ่งในจังหวัดบุรีรัมย์ มีพฤติกรรมแอบอ้างว่า เป็นทหารหญิงยศพันตรี สังกัดค่ายแห่งหนึ่ง มาตีสนิทคบหากับลูกชายได้ประมาณ 5 – 6 เดือน พอลูกชายหลงรักและตายใจ ก็สร้างเรื่องโกหกสารพัด ทั้งหลอกเอารถยนต์ของลูกชายที่เพิ่งถอยป้ายแดงมาราคากว่า 700,000 บาท จะไปขนส่งช่วยน้องชายแต่สุดท้ายพบว่าเอาไปจำนำ ทั้งยังมีพฤติกรรมขโมยเงินสด และสร้อยทองของแม่แฟน หรือว่าที่แม่ย่า เสียหายรวมกว่า 100,000 บาท เอาลอตเตอรี่ที่ถูกรางวัลที่ 5 ไปขึ้นเงินแล้วหลอกว่าโอนเข้าบัญชีให้แม่ของแฟนหนุ่มแล้ว ด้วยความเชื่อใจจึงไม่ได้ไปเช็คดู กระทั่งโป๊ะแตกหลังจากแม่แฟนหนุ่มเอาบัตร เอทีเอ็ม. ไปกดแต่ข้อความเด้งบัตรถูกระงับ จึงเอาสมุดไปปรับที่ธนาคารพบเหลือเงินแค่ 39 บาท จนสุทด้ายมารู้ความจริงว่าแฟนสาวของลูกชายเป็นคนขโมยเงินและทองไป แต่สร้างเรื่องโกหก
จากการสอบถาม น.ส.หน่อย เล่าว่า เมื่อสองเดือนก่อน ได้มาแจ้งความที่ สภ.ประโคนชัย ว่าสร้อยทองของตนเองหาย ส่วนที่อ้างว่า เป็นทหารยศพันตรีหญิงนั้นเพราะอยากให้ตำรวจเร่งทำคดีให้เร็วๆ ส่วนที่ถูกแม่แฟนหนุ่มแจ้งความดำเนินคดีว่าลักทรัพย์เงินและทองนั้น ก็ยอมรับว่า ขโมยจริง และได้เอารถยนต์ของแฟนหนุ่มไปจำนำจริง แต่อ้างว่าก็เงินที่ได้มาก็ไปซื้อของใช้เข้าบ้านและพาครอบครัวแฟนไปเที่ยว ส่วนที่หลอกว่าเป็นทหารยศพันตรีนั้น ก็ยอมรับว่าหลอกจริง เพราะตนเองชอบและอยากจะเป็นทหารจริงๆ เพราะเคยเข้าไปในค่ายทหารของแฟนหลายครั้ง แต่จริงๆ แล้วตัวเองเป็นพนักงานขายเครื่องใช้ไฟฟ้าของบริษัทหนึ่ง อ้างว่า ไม่ได้เจตนาจะหลอกแต่เมื่อทำไปแล้วก็ต้องปล่อยเลยตามเลย
จากนั้นผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปยังบ้านของแฟนหนุ่มที่ถูกหลอก ซึ่งอยู่ใน ต.ประโคนชัย อ.ประโคนชัย จ.บุรีรัมย์ ก็พบนางสมศรี (ขอสงวนนามสกุล) แม่ของแฟนหนุ่ม และ จ.ส.ท. หรือ จ่าตาม อายุ 31 ปี แฟนหนุ่มซึ่งปัจจุบันเป็นข้าราชการทหารสังกัดค่ายแห่งหนึ่งใน จ.บุรีรัมย์ อยู่ที่บ้านในอาการเครียดและเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
โดยจ่าตาม เล่าให้ฟังว่า ได้รู้จักกับ น.ส.หน่อย ผ่านทางโซเชียล ช่วงปลายปี 65 ก็คุยติดต่อกันทางเฟสมาเรื่อย จากนั้นนัดเจอกันครั้งแรกที่ อ.ประโคนชัย ก็เริ่มพาเข้าบ้านไปแนะนำกับแม่ช่วงเดือน ม.ค.66 ตอนแรกก็ไม่รู้ว่าเขาเป็นทหาร จนมาเจอเขาใส่ชุด และมีภาพที่แต่งเครื่องแบบทหารในมือถือ แต่ตอนนั้นไม่รู้ว่าอยู่สังกัดอะไร ก็คบหาเป็นแฟนกันมาเรื่อย แรกๆ ก็ไม่มีอะไรผิดปกติ กระทั่งเงินและทองของแม่เริ่มหายจนตำรวจสืบทราบและสงสัยว่าคนก่อเหตุเป็นคนในบ้าน กระทั่งตำรวจบอกว่ามีหลักฐานและแฟนสาวก็ยอมรับว่าขโมยเงินและทองแม่จริง และไม่ได้เป็นทหารจริงๆ ตนก็เสียใจและเสียความรู้สึกมากไม่คิดว่าเขาจะทำกับตนเองและแม่ได้ขนาดนี้ ซึ่งรถที่เขาหลอกว่าจะเอาไปให้น้องชายขนของแต่เอาไปจำนำนั้น ก็ยังผ่อนไม่หมดยังเหลืออีกกว่า 3 ปี ซึ่งก็ยังไม่รู้ว่าจะได้รถคืนหรือไม่ แต่ยืนยันว่าจะไม่กลับไปเป็นแฟนกันอีกเพราะรับไม่ได้ และให้ตำรวจดำเนินคดีตามกฎหมาย
ด้านนางสมศรี ผู้เป็นแม่ บอกว่า ลูกชายพา น.ส.หน่อย เข้ามาที่บ้านช่วงเดือน ม.ค.66 ก็มาแนะนำว่าคบหาเป็นแฟนกัน ตนก็ไม่ได้ว่าอะไรเพราะคิดว่าลูกชายรักใครตนก็รักด้วย จากนั้นลูกชายก็พา น.ส.หน่อย เข้ามาที่บ้านบ่อยขึ้น เขาบอกว่าเขาเป็นทหารยศพันตรีหญิงที่ค่ายแห่งหนึ่ง ทำตัวไฮโซเหมือนกับว่าเขาเป็นพันตรีหญิงจริงๆ จนตนหลงเชื่อและไว้ใจ แต่เมื่อช่วงเดือน มี.ค.66 ถูกลอตเตอรี่รางวัลที่ 5 ได้เงินรางวัล 2 หมื่นบาท น.ส.หน่อยก็อาสาเอาไปขึ้นเงินให้ แต่ น.ส.หน่อยเอาเงินสดมาให้ตนเพียง 7 พันบาท ส่วนอีก 12,000 บาท อ้างว่าโอนเข้าบัญชีให้แล้ว ต่อมาวันที่ 3 เม.ย. ประมาณ 5 ทุ่ม พบว่าเงินสดกว่า 8 หมื่นบาท
และสร้อยคอทองคำหนัก 1 สลึง ที่เก็บไว้ในตู้ในห้องนอนหายไป ด้วยความตกใจก็ไปบอกลูกชายว่าเงินกับทองหาย น.ส.หน่อย แฟนลูกชายก็บอกว่าแม่ไม่ต้องตกใจ เดี๋ยวเขาจะไปแจ้งความให้ อ้างว่ามีเพื่อนเป็นตำรวจที่โคราช จากนั้นก็บอกให้ตนเอาเงินที่เหลืออีก 8,000 บาทไปให้เพื่อจะเอาไปตรวจลายนิ้วมือก็หลงเชื่อให้ไป ต่อมาก็บอกว่าตำรวจรู้ตัวคนร้ายแล้วเป็นคนข้างบ้าน เขายอมคืนเงินให้แล้วได้โอนเข้าบัญชีให้แม่ไปแล้ว ต่อมา น.ส.หน่อยก็บอกให้เอาสร้อยทองที่เหลือ 1 บาท กับ 50 สตางค์มาให้โดยหลอกว่าจะเอาสร้อยดังกล่าวไปสลักชื่อทำสัญลักษณ์ไว้ ถ้าถูกขโมยอีกจะได้หาเจอก็หลงเชื่อให้ไปอีก แต่ผ่านไปจนถึงปัจจุบันไม่เห็นเอาทองมาคืนสักที จึงถามว่าเมื่อไรจะเอาทองที่ไปสลักมาคืน
น.ส.หน่อยก็บ่ายเบี่ยงไปเรื่อย กระทั่งวันที่ 1 มิ.ย.ที่ผ่านมา เอาบัตร เอทีเอ็ม. ไปกดเงินที่ตู้แต่ข้อความเด้งขึ้นว่าบัตรถูกระงับ จึงเอาสมุดบัญชีไปปรับพบมียอดเงินเหลือในบัญชี 39 บาท ก็ตกใจเพราะที่ผ่านมาว่าที่ลูกสะใภ้ อ้างว่าโอนเงินที่คนร้ายขโมยไป เงินถูกลอตเตอรี่เข้ามาในบัญชีให้ที่แท้หลอกมาตลอด และที่ช้ำใจมากที่สุดคือมาหลอกเอารถลูกชายไปจำนำ ก็อยากให้เจ้าหน้าที่ช่วยเอารถคืนให้ด้วย เพราะยังต้องผ่อนต่ออีก 3 ปี ก็อยากให้ดำเนินคดีกับ น.ส.หน่อย ตามกฎหมายจนถึงที่สุด
เบื้องต้น น.ส.หน่อย ถูกแจ้งข้อหา “แจ้งความเท็จ และลักทรัพย์” ส่วนเรื่องที่แอบอ้างว่าเป็นทหารยศพันตรีเพื่อหลอกแฟนหนุ่ม และแม่แฟนหนุ่มนั้น ก็ต้องดูพยานหลักฐานอีกครั้งว่าเข้าข่ายจะแจ้งข้อหาเพิ่มเติมหรือไม่อย่างไร
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
สถานธนานุบาลมุกดาหารตุน 60 ล้านบาทรองรับผู้ปกครองจำนำช่วงเปิดเทอม!
สถานธนานุบาลเทศบาลเมืองมุกดาหารเตรียมเงิน 60 ล้านบาท รองรับผู้ปกครองนำทรัพย์สินมีค่ามาจำนำเพื่อนำเงินไปใช้ช่วงเปิดเทอมบุตรหลาน
สถาบันอัญมณีฯเตือนภัย 'เพชรสังเคราะห์' ระบาด ทำได้เหมือนของแท้แยกไม่ออก
สถาบันวิจัยและพัฒนาอัญมณีฯ เตือนภัยโรงรับจำนำ ร้านเพชร หลังพบมิจฉาชีพนำ “เพชรสังเคราะห์” มาจำนำแล้วชิ่ง เสียหายไปแล้วกว่า 9 แสนบาท เผยปัจจุบันทำได้เหมือนเพชรแท้ แยกไม่ออก แถมทำกะรัตได้ใหญ่ขึ้นมากถึงกว่า 10 กะรัต แนะขอดูใบรับรองก่อนรับจำนำ