27 พ.ค.2566 - พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. เปิดเผยว่า สำหรับคดีของ “นวพร” อายุ 53 ปี เจ้าแม่ แก๊งอุ้มบุญ ให้ทุนจีนสีเทาที่ถูกตำรวจจับกุมไปแล้วก่อนหน้านี้ และอยู่ระหว่างเพิกถอนสัญชาติ ซึ่งจากการสอบปากคำ “นวพร” เพิ่มเติม พบมีนักข่าวสาวไทยเชื้อสายจีน ลูกครึ่งไทย-ไต้หวัน ชื่อย่อ “จ.” เรียกรับเงินจากนวพร อ้างว่าสนิทสนม และทำงานใกล้ชิดให้กับตน จึงสามารถวิ่งเต้นล้มคดีของ “นวพร” และสามารถช่วยเหลือคนจีน ซึ่งเป็นอาชญากรคนอื่นๆได้ โดยเรียกรับเงินจำนวน 33 ล้านบาท แต่ “นวพร” จ่ายไปเพียง 14 ล้านบาท
จากการสอบสวนและสืบสวน และรวบรวมหลักฐาน ของตำรวจฝ่ายสืบสวนพบมีมูลความจริง จึงเสนอศาลขอออกหมายจับนักข่าวสาวคนดังกล่าว เมื่อวาน (26 พ.ค.66) ที่ผ่านมา ในข้อหาเรียกรับหรือยอมจะรับผลประโยชน์ใดๆ เพื่อจะให้เจ้าพนักงานของรัฐกระทำการใด ที่ไม่ใช่การปฏิบัติหน้าที่ ก่อนเข้าจากกลุ่มในช่วงเย็นที่ผ่านมา คาคอนโดที่พัก
“พฤติการณ์การกล่าวอ้าง หรือแอบอ้างตนว่าจะสามารถช่วยเหลืออาชญากร หรือเรียกรับผลประโยชน์อื่นใด ไม่ว่าบุคคลดังกล่าวจะเป็นใคร ไม่ว่าจะเป็นลูกน้อง เพื่อน หรือนักข่าว เมื่อแอบอ้างชื่อตน เพื่อเรียกรับผลประโยชน์ ซึ่งก่อความเสียหายให้กับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ตนจะไม่ละเว้น ต้องขอดำเนินคดีทุกราย ซึ่งก่อนหน้านี้ ก็เห็นเป็นข่าวแล้วหลายคดี ทั้งเพื่อนร่วมรุ่น หรือแม้แต่นักข่าว ก็ถูกดำเนินคดีมาแล้ว” พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ กล่าว
รอง ผบ.ตร. กล่าวอีกว่า กรณีนักข่าวสาวคนดังกล่าว ยอมรับว่าทำงานให้กับตนจริง ซึ่งตนใช้งานในการประสานงานกับทางการจีนเพราะนักข่าวสาวคนนี้สามารถใช้ภาษาจีนได้อย่างคล่องแคล่วและเป็นบุคคลมีชื่อเสียงในฝั่งประเทศจีน แต่เมื่อกระทำผิด ต่อให้เป็นบุคคลใกล้ชิดมากกว่านี้ก็ต้องดำเนินการ ตามกระบวนการของกฎหมาย เพื่อไม่ให้เป็นเยี่ยงอย่าง
มีรายงานว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจ ได้บุกเข้าไปจับกุมนักข่าวสาว ซึ่งมีสำนักงานอยู่ที่ห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่งในกรุงเทพฯ หลังจากเจ้าตัวถูก “นวพร” เจ้าแม่ขบวนการอุ้มบุญ ซัดทอดว่านักข่าวสาวคนนี้ แอบอ้างชื่อ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รอง ผบ.ตร.) เรียกรับเงิน 33 ล้านบาท โดยระบุว่าจะนำไปเคลียร์คดีอุ้มบุญที่ “นวพร” ตกเป็นผู้ต้องหาถูกออกหมายจับอยู่ สุดท้ายนักข่าวสาวชาวจีนรายดังกล่าว ไม่สามารถดำเนินการตามที่รับปากไว้ได้ “นวพร” จึงรู้ว่าโดนหลอก จึงเข้าร้องทุกข์กับ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ เพื่อให้ดำเนินคดีกับนักข่าวสาวชาวจีนรายดังกล่าว
หลังถูกจับกุมเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ควบคุมตัวส่งไปยัง สน.ลุมพินี เพื่อสอบปากคำ โดยนักข่าวสาวได้ยื่นหลักทรัพย์ประกันตัววงเงิน 3.5 ล้านบาท ขอประกันตัวออกไป โดยมีเงื่อนไขห้ามเดินทางออกนอกประเทศ
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
พบค่ายพักโรฮิงญา รอหนีเข้าไทยอีกกว่า 200 คน แฉแก๊งค้ามนุษย์ปล่อยข่าวลวงเผาทำลายที่พัก
แฉกลุ่มขบวนการค้ามนุษย์ 3 สัญชาติ ไทย-กะเหรี่ยง-พม่า ปล่อยข่าวเผาทำลายค่ายพักโรฮิงญา ชายแดนไมย-เมียนมา ด้านอำเภอท่าแซะ จ.ชุมพร ที่แท้ยังอยู่เหมือนเดิม ลักลอบขนไปแล้ว 200 คน เหลืออีกกว่า 200 คน รอขนเข้ามาพำนักในราชอาณาจักรไทย
'บิ๊กโจ๊ก' ลั่นกำลังใจดีอยู่แล้ว บอกให้ว่าไปตามกฎหมาย หลัง ผบ.ตร. เซ็นไล่ออก
พล.ต.อ.สุรเชชษฐ์ หักพาล อดีต รอง ผบ.ตร. กล่าวถึงกรณี พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) ได้ลงนามในคำสั่งไล่ออกจากราชการตามความเห็นของคณะกรรมการเสนอแนะการลงโทษ ผิดวินัยร้ายแรงเกี่ยวข้องกับพนันออนไลน์
ผบ.ทหารสูงสุด ลงพื้นที่แม่สอด ลุยแก้อาชญากรรมข้ามชาติ หลังนายกฯตั้งศูนย์ ปชด.
พลเอก ทรงวิทย์ หนุนภักดี ผู้บัญชาการทหารสูงสุด ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการขับเคลื่อนการป้องกันและแก้ไขปัญหาภัยคุกคามที่ส่งผลกระทบต่อความมั่นคงในพื้นที่ชายแดน หรือ ผอ.ศอ.ปชด.ลงพื้นที่อำเภอแม่สอด
'บิ๊กโจ๊ก' เคลื่อนไหว หลัง ผบ.ตร. เซ็นคำสั่งไล่ออก
ตามที่พล.ต.อ.กิติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) ได้ลงนามในคำสั่งไล่ออกจากราชการ พล.ต.อ.สุรเชชษฐ์ หักพาล อดีตรอง ผบ.ตร.แล้ว โดยเป็นการลงนามตามมติคณะกรรมการเสนอแนะการลงโทษ ตามมาตรา 125 วรรค3 แห่ง
ผบ.ตร. เซ็นไล่ออก 'บิ๊กโจ๊ก' เผยขั้นตอนยังอุทธรณ์ ก.พ.ค.ตร.-ฟ้องศาลปค.สูงสุด
พล.ต.อ.กิติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) ได้ลงนามในคำสั่งไล่ออกจากราชการ พล.ต.อ.สุรเชชษฐ์ หักพาล อดีตรอง ผบ.ตร.แล้ว โดยเป็นการลงนามตามมติคณะกรรมการเสนอแนะการลงโทษ ตามมาตรา 125 วรรค3 แห่ง พ.ร.บ.ตำรวจแห่งชาติฯ พ.ศ.2565 ที่มี
คกก.กลั่นกรองโทษ มีมติไล่ออก 'บิ๊กโจ๊ก' ผิดวินัยร้ายแรงปมเว็บพนัน
ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.อ.ไกรบุญ ทรวดทรง รอง ผบ.ตร.อาวุโสสูงสุด เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการพิจารณาโทษที่มี รอง ผบ.ตร.ทุกคนเป็นกรรมการ เพื่อพิจารณาโทษวินัยร้ายแรงของ