ผบ.ตร. นำแถลงยิบคดีแอม ไซยาไนด์ เหยื่อ 14 ศพ พบพยานใหม่เป็นเมียน้อย รองผกก.

ผบ.ตร. ตั้งโต๊ะแถลงแจงคดีแอม ไซยาไนด์ ออกหมายจับแล้ว 14 คดี เผยพบเมียน้อย รอง ผกก.สวนผึ้ง พยานคนใหม่ พร้อมเร่งสรุปสำนวนให้เสร็จโดยเร็ว ยันมีหลักฐานเอาผิดผู้ต้องหาได้ทุกคดี

3 พ.ค.2566 - ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) เรียกประชุมคณะทำงานคลี่คลายคดีไซยาไนด์ของ นางสรารัตน์ รังสิวุฒาพรณ์ หรือ แอม ที่ก่อเหตุวางยาเหยื่อชิงทรัพย์ ซึ่งประกอบด้วยชุดคณะทำงาน พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. ตำรวจนครบาล, ตำรวจภูธรภาค 4, ตำรวจภูธรภาค 7, กองปราบปราม เจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐาน และแพทย์นิติเวชโรงพยาบาลตำรวจ ใช้เวลากว่า 2 ชั่วโมง

ภายหลัง พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กล่าวว่า วันนี้มีการประชุมติดตามความคืบหน้าทางคดีโดยทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติพบความเชื่อมโยงจากการเสียชีวิตของผู้เสียหาย 14 ราย รอดชีวิต 1 ราย รวมเป็น 15 รายปัจจุบันออกหมายจับแล้ว 14 คดียังมีสงสัยอีก 2-3 คดี

โดยวันนี้ที่ประชุมลงมติให้โอนทั้ง 14 คดีให้กองบังคับการปราบปรามดำเนินการโดยมีหัวหน้าคณะสืบสวน คือ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ และในคณะประกอบด้วย พล.ต.ท.ธนายุตม์ วุฒิจรัสธำรงค์ ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 7, พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง, พล.ต.ท.อิทธิพล อัจฉริยะประดิษฐ์ ผู้บัญชาการสำนักงานพิสูจน์หลักฐานตำรวจ โดย ผบ.ตร.สั่งให้เร่งรัดดำเนินการทุกวัน ทำงานร่วมกันเพื่อให้ได้พยานหลักฐานที่แน่นหนาในการเอาผิดกับผู้ต้องหา

พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กล่าวอีกว่า ในที่ประชุมได้มีการออกแนวทางให้พนักงานสอบสวน กองพิสูจน์หลักฐาน แพทย์นิติเวช ต้องมีการทำงานร่วมกันอย่างบูรณาการ จากนี้กรณีพบการตายไม่ทราบสาเหตุ พนักงานสอบสวนจะไม่ทำงานโดยลำพัง แต่ต้องมีทุกหน่วยทั้งกองพิสูจน์หลักฐาน แพทย์นิติเวช เข้ามาช่วย หากแพทย์นิติเวชตามโรงพยาบาลในต่างจังหวัดไม่สามารถตรวจสอบ ให้ประสานนำส่งมาตรวจที่โรงพยาบาลของรัฐ หรือส่งมาที่นิติเวชโรงพยาบาลตำรวจเป็นหลัก และให้เจ้าหน้าที่ พฐ.เก็บพยานหลักฐานเหตุที่ควรต้องสงสัย

อย่างไรก็ตามใน 14 คดีที่ดำเนินคดีแล้วตำรวจได้ย้อนกลับไปเก็บพยานหลักฐานเพิ่มเติม ทำให้มีหลักฐานประกอบในสำนวนคดีต่างๆมากขึ้น อีกทั้งการค้นหาไซยาไนด์ ประสานกรมโรงงาน อย. พบแหล่งที่มาอยู่ระหว่างคัดแยกว่าส่วนไหนที่ส่งถึงแอม

ส่วนการส่งพยานหลักฐานให้ อ.อ๊อด ช่วยตรวจสอบครั้งนี้ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กล่าวว่า ถือเป็นการขอความช่วยเหลือจากผู้เชี่ยวชาญ จากนี้พยานหลักฐานทั้งหมดจะเข้าตามระบบ ส่วนหลักฐานของ อ.อ๊อด ยืนยันเอาไปใช้ในชั้นศาลได้ แต่ตำรวจสื่อสารไปแล้วเรื่องการให้ข้อมูลสู่สาธารณะหลังจากนี้ต้องระมัดระวังเนื่องจากจะมีผลต่อรูปคดี ทั้งนี้แม้ไม่มีพยานที่รู้เห็นตอนแอมหยอดยาไซยาไนด์ในอาหารหรือน้ำดื่มให้ผู้เสียหาย แต่คดีนี้ตำรวจมีประจักษ์พยาน พยานแวดล้อม และหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์แน่นหนาเอาผิดผู้ต้องหาได้ทุกคดีแน่นอน

พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ กล่าวว่า ขณะนี้คดีที่เกี่ยวข้อง เหลือเพียงคดีในส่วนสถานีตำรวจนครบาล (สน.) ทองหล่อ ซึ่งวันจันทร์ที่ 8 พ.ค. ตำรวจจะขอศาลออกหมายจับได้ เนื่องจากการสอบสวนอยู่ในขั้นตอนสุดท้ายแล้ว สำหรับนายตำรวจยศ ส.ต.อ. ที่เสียชีวิตเมื่อปี 2565 ขณะนี้อยู่ระหว่างตรวจสอบว่าเกี่ยวข้องกับแอมด้วยหรือไม่ เบื้องต้นแพทย์ยืนยันว่าป่วยด้วยโรคมะเร็ง แต่ทั้งหมดนี้ต้องมีการสืบสวนโดยละเอียดอีกครั้ง

สำหรับ พ.ต.ท.วิฑูรย์ รังสิวุฒาภรณ์ หรือ รองผู้กำกับอ๊อฟ อดีตสามีแอม ตำรวจพบว่ามีการหย่าร้างทางนิตินัยแต่ทั้งสองยังคงใช้ชีวิตอยู่ด้วยกัน ไม่ได้เลิกกันจริงส่วนที่ไปมีสามีใหม่คือแด้ จุดประสงค์แอมคือต้องการทรัพย์สิน เนื่องจากแอมทราบมาว่าแด้มีทรัพย์สินจำนวนมาก อีกทั้งการสืบสวนของตำรวจเป็นการขยายพื้นที่ตั้งต้นที่จังหวัดอุดรธานี ทั้งนี้คดีของนายแด้เชื่อว่ารองผู้กำกับฯ มีส่วนเกี่ยวข้องเพราะหลังก่อเหตุแอมให้รองผู้กำกับฯ ไปเอารถของแด้ที่จังหวัดอุดรธานี จากนั้นทั้งสองไปตระเวนทวงเงินจากลูกหนี้ของนายแด้

พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ กล่าวอีกว่า แอมไม่เคยให้คำตอบเรื่องหย่า แต่สามีที่เป็นรองผู้กำกับฯ ตอบว่าเหตุผลที่หย่ากับแอมเพราะแอมทำผิดหลายอย่าง ตนที่รับราชการเป็นตำรวจกลัวว่าจะโดนความผิดและเดือดร้อนไปด้วย อย่างไรก็ตาม จนถึงขณะนี้อดีตสามีของแอมยังไม่มีการรับสารภาพว่าร่วมก่อเหตุฆาตกรรมกับแอม จากนี้ในส่วนของคนรอบข้างผู้ต้องหาทั้ง 2 ตำรวจจะยังมีการติดตามตัวมาสอบปากคำในฐานะพยานเพิ่มเติมอีก

พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ กล่าวถึง พยานคนใหม่ในคดีซึ่งเป็นภรรยาน้อยของรองผู้กำกับอ๊อฟ ที่ตำรวจเรียกมาให้ปากคำที่สโมสรตำรวจเวลา 18.00 น. วันนี้เพื่อสอบถามความเชื่อมโยงในคดี เนื่องจากพบว่ารองผู้กำกับอ๊อฟ แอม และภรรยาน้อยทั้ง 3 คน ซึ่งรู้จักกันดีเดินทางไปที่อำเภอหัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ หลังแอมก่อเหตุเพื่อสร้างแหล่งที่อยู่ว่า แอมไม่ได้อยู่ในจุดเหตุฆาตกรรมในท้องที่ สภ.บ้านโป่ง

นอกจากนี้ทรัพย์สินทั้งหมดที่แอมได้มาจากผู้เสียหายตำรวจกำลังรวบรวม ซึ่งวานนี้ (2 พ.ค.) ได้ไปเจอร้านทองในจังหวัดนครปฐม มีใบเสร็จที่แอมนำทองมาขายทางร้านที่รับซื้อได้หลอมไปแล้ว

พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ กล่าวยืนยันว่าผู้เสียหายทั้ง 15 ราย แอมใช้สารพิษไซยาไนด์ทั้งหมดไม่ว่าในรูปแบบเป็นน้ำ อาหาร ยาเม็ดแคปซูล ปัญหาการเงินเป็นมูลเหตุจูงใจในการฆ่า โดยใช้วิธีการโอนเงิน ทั้งแบบหลอกรับจำนำรถยนต์ ขอกู้ยืม เพราะแอมล้มเหลวด้านการเงิน มีหนี้บัตรเครดิตจำนวนมาก ทั้งนี้สอดคล้องกับข้อมูลจากการตรวจค้นที่บ้านพักพี่สาวแอมที่พบแคปซูลเป็นจำนวนมาก ซึ่งจากการตรวจสอบพบว่าในแคปซูลมีการปนเปื้อนสารไซยาไนด์

สำหรับข้อมูลการใช้โทรศัพท์ การโอนเงิน การทำธุรกรรมธนาคาร เส้นทางการเงินทั้งหมดเพื่อหาความเชื่อมโยงระหว่างรองผู้กำกับอ๊อฟกับแอม ตำรวจจะได้รับข้อมูลภายในวันศุกร์ที่ 5 พ.ค.นี้ รวมไปถึงบัญชีม้าที่แอมใช้เอง

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

'บิ๊กต่าย' สั่งสอบ 'พ.ต.ต.' อาจารย์โรงเรียนนายร้อยตำรวจ กระทำอนาจาร

พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ  (ผบ.ตร.) เปิดเผยกรณีเพจดังเผยแพร่ข้อมูลระบุว่า มีนักเรียนนายร้อยตำรวจ ถูกอาจารย์ของโรงเรียนนายร้อยตำรวจ และสารวัตร (สอบสวน) สังกัดกองบัญชาการตำรวจนครบาล

นายกฯ ถึงไทย ‘บิ๊กต่าย’ เข้ารายงานปมร้อน จัดโผแต่งตั้ง รองผบ.ตร- ผบช. 20 พ.ย.นี้

พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) ได้เข้ารายงานนายกฯถึงการประชุมคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ (ก.ตร.) ครั้งที่10/2567 ในวันที่ 20 พ.ย.นี้ เวลา 14.30 น.

'ฟิล์ม-เจ๊พัช' ระทึก! 'ผบ.ตร.' ชี้ผิดจริง หมดสิทธิ์ลอยกระทง

พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) กล่าวถึงกรณีที่มีกระแสข่าวการออกหมายเรียก หรือหมายจับ ฟิล์ม-นายรัฐภูมิ โตคงทรัพย์

ผบ.ตร. ไม่ขอก้าวล่วง ศาลปกครองสูงสุด ชี้ขาด 'บิ๊กโจ๊ก' ขอคุ้มครองชั่วคราว

พล.ต.อ.กิตติรัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) เปิดเผยถึงกรณีที่ศาลปกครองยกคำร้องคุ้มครองชั่วคำสั่งให้ออกจากราชการไว้ก่อนของ พล.ต.อ.สุรเชชษฐ์ หักพาล ว่า ตนขอให้ความเห็นแบบกว้าง ๆ