คดี 'แอม ไซยาไนด์' คืบหน้า 80% สอบปากคำแม่เหยื่ออีกราย คาใจเสียชีวิต 7 ปีก่อน

แฟ้มภาพ

1 พ.ค.2566 - ที่สโมสรตำรวจ นางลัดดา ขาวอินทร์ อายุ 64 ปี แม่ของ น.ส.มณฑาทิพย์ ขาวอินทร์ หรือ ทราย อายุ 37 ปี ที่เสียชีวิตไปเมื่อ 7 ปีที่แล้วในพื้นที่กรุงเทพฯ ได้เดินทางมาพร้อมกับญาติอีก 2 ราย เพื่อเข้าให้การในฐานะพยานกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ ที่เชื่อว่าลูกสาวเสียชีวิตด้วยน้ำมือของ นางสรารัตน์ หรือ แอม โดยนางลัดดา ระบุว่า แม้ไม่เห็นว่าเขาทำ แต่มั่นใจว่าเป็นแอม โดยทั้งแอมและทรายมีความสนิทกัน อยากให้ผู้กระทำผิดได้รับโทษประหารชีวิต โดยมี พล.ต.ต.นำเกียรติ ธีระโรจนพงษ์ ผบก.ศูนย์ฝึกอบรม กอง บช.น. ร่วมสอบปากคำ

ขณะเดียวกันนายเรืองศักดิ์ สุวารี อธิบดีกรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ ได้มอบหมายให้นายเจริญ โพชะโน เจ้าหน้าที่กรมคุ้มครองสิทธิฯและคณะเจ้าหน้าที่ เดินทางเข้าแจ้งสิทธิเกี่ยวกับ พ.ร.บ.ค่าตอบแทนแก่ผู้เสียหาย ค่าทดแทน และค่าใช้จ่ายแก่จำเลยในคดีอาญาแก่นางลัดดา แม่ของ น.ส.มณฑาทิพย์ หรือ ทราย

นายเจริญ กล่าวว่า ในกรณีของคุณทราย หรือ น.ส.มณฑาทิพย์ ขาวอินทร์ วันนี้ในฐานะเจ้าหน้าที่รัฐของกรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ กระทรวงยุติธรรม ได้มาเรียนแจ้งสิทธิที่ญาติและครอบครัวของผู้เสียหายในคดีอาญาจะได้รับตาม พ.ร.บ.ค่าตอบแทนแก่ผู้เสียหาย ค่าทดแทน และค่าใช้จ่ายแก่จำเลยในคดีอาญา ประกอบด้วย 1.กรณีผู้เสียชีวิต จะได้รับเงินเยียวยา 110,000 บาท ค่าเสียชีวิตไม่เกิน 50,000 บาท ค่าทำศพไม่เกิน 20,000 บาท ค่าขาดผู้อุปการะเลี้ยงดูไม่เกิน 40,000 บาท

2.กรณีผู้ได้รับบาดเจ็บ ค่ารักษาพยาบาลจ่ายไม่เกิน 40,000 บาท ค่าฟื้นฟูร่างกายไม่เกิน 20,000 บาท ค่าหยุดประกอบอาชีพ ให้ใช้ค่าแรงขั้นต่ำ จังหวัดชลบุรี วันละ 356 บาท X จำนวนวันหยุดประกอบอาชีพ และค่าเสียหายอื่นๆอีกไม่เกิน 50,000 บาท อย่างไรก็ตาม ขั้นตอนต่อไป ทางกรมฯ จะต้องนำเรื่องเข้าที่ประชุมเพื่อให้คณะกรรมการพิจารณาว่าจะมีการจ่ายเพิ่มเติมหรือไม่

นายเจริญ กล่าวอีกว่า ส่วนหลักฐานเบื้องต้นที่ทางญาติต้องมอบให้กับเจ้าหน้าที่กรมคุ้มครองสิทธิฯ คือ ใบแจ้งความ และใบแจ้งสิทธิ ซึ่งใบแจ้งสิทธินี้มีความสำคัญ เนื่องจากจะเป็นเอกสารที่อยู่ในรายงานการสอบสวน ของพนักงานสอบสวน และถ้าหากตำรวจมีการระบุว่าผู้เสียชีวิตหรือผู้เสียหายในคดีอาญา (ในกรณีนี้คือคุณทราย) ไม่มีส่วนในการกระทำความผิดร่วมด้วยกับผู้ต้องหาในคดี คณะกรรมการจะได้พิจารณาว่าเข้าองค์ประกอบหรือไม่อย่างไร

ส่วนที่กองบังคับการปราบปราม(บก.ป.) พ.ต.อ.เอนก เตาสุภาพ รอง ผบก.ป.เรียกประชุมติดตามความคืบหน้าทางคดี พร้อมเผยว่าคดีคืบหน้าไปกว่า 80 เปอร์เซ็นต์ คงเหลือเพียงผลตรวจหลักฐานบางอย่างอย่างไรก็ตามในส่วนคดี น.ส.ศิริพร หรือ ก้อย จากหลักฐานที่มีอยู่ตอนนี้ผู้ก่อเหตุมีเพียง นางสรารัตน์ คนเดียว ยังไม่พบหลักฐานผู้อื่นร่วมกระทำผิด ทั้งนี้จากการสอบปากคำพยานทั้ง 5 คน เมื่อวานที่ผ่านมา ค่อนข้างเป็นประโยชน์ต่อรูปคดี ทำให้ชุดคลี่คลายคดีสามารถมองเห็นทิศทาง รูปแบบการกระทำผิดมากขึ้นกว่าเดิม

พ.ต.อ.เอนก กล่าวต่อว่า ส่วนเรื่องการออกหมายจับคดีอื่นๆ ทราบว่าทางตำรวจท้องที่อยู่ระหว่างดำเนินการ อย่างไรก็ตามที่ผ่านมาตั้งแต่เกิดเรื่องทางตำรวจกองปราบและตำรวจพื้นที่มีการประสานข้อมูล พยานหลักฐานร่วมกันมาโดยตลอดจนทำให้คดีรุดหน้าไปมาก ส่วนกรณีกระแสข่าวว่า นายตำรวจ ตำแหน่ง รอง ผกก. อดีตสามีนางสรารัตน์ มีส่วนร่วมกระทำผิดด้วยนั้น เป็นเรื่องที่คาดเดากันไปเอง เพราะจากข้อมูลพยานหลักฐานในตอนนี้ยังไม่พบข้อมูลการร่วมกระทำผิด

ผู้สื่อข่าวถามต่อว่า กรณีปรากฎคลิป รอง ผกก. อดีตสามีนางสรารัตน์ พยายามเจรจากับเหยื่อที่ถูก นางสรารัตน์ โกงเงินหวยทิพย์ จนมีการตั้งข้อสงสัยจากสังคมว่า อดีตสามีนั้นรับรู้ถึงพฤติกรรมการกระทำผิดที่ผ่านมาของ นางสรารัตน์ และ ยังคงปกป้องให้การช่วยเหลือนางสรารัตน์ หรือไม่นั้น เพราะเกรงจะส่งผลต่อรูปคดี ในส่วนนี้ พ.ต.อ.เอนก กล่าวว่า พอรับทราบข้อมูลอยู่บ้าง แต่ต้องขอเวลาตรวจสอบให้แน่ชัด อย่างไรก็ตามขอให้สังคมมั่นใจว่า ไม่ว่าอดีตสามีนางสรารัตน์จะเป็นใคร ก็ไม่สามารถให้การช่วยเหลือทางคดีนี้ได้ เพราะตำรวจกองปราบยึดพยานหลักฐานข้อเท็จจริงเป็นที่ตั้ง

มีรายงานว่า ในวันพรุ่งนี้ (2 พ.ค.) พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. จะเรียกประชุมทีมคลี่คลายคดีแอม สรารัตน์ เพื่อสรุปคดีทั้งหมดอีกครั้ง หลังจากที่มีการมอบหมายงานให้สถานีตำรวจแต่ละพื้นที่ดำเนินการ พร้อมกับรับเรื่องราวร้องทุกข์เพิ่มเติมว่าจะมีผู้เสียหายรายอื่นๆเพิ่มขึ้นด้วยหรือไม่

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

มาแล้ว! ศาลปกครอง ร่อนเอกสารชี้แจงปม 'บิ๊กโจ๊ก' ยังไม่มีคำพิพากษาใดๆ

ศาลปกครอง เผยแพร่เอกสารชี้แจง กรณีที่มีสื่อมวลชนนำเสนอผลการพิจารณาคดีของศาลปกครองสูงสุด ในคดีที่พลตำรวจเอก สุรเชษฐ์ หักพาล ยื่นฟ้องขอเพิกถอนคำสั่งสำนักงานตำรวจแห่งชาติที่ให้ผู้ฟ้องคดีออกจากราชการไว้ก่อน นั้น

ลุ้นองค์คณะฯอ่านคำพิพากษา ดับฝัน 'โจ๊ก-แมว9ชีวิต' กลับตร.

เมื่อวันที่ 27 ส.ค. ที่ผ่านมา "บิ๊กโจ๊ก" - พล.ต.อ.สุรเชชษฐ์ หักพาล ได้ยื่นฟ้องต่อศาลปกครองสูงสุด เพื่อตรวจสอบความชอบธรรมของคำสั่งให้ออกจากราชการ ซึ่งคดีนี้เป็นประเด็นสำคัญที่ได้รับความสนใจ เนื่องจากเกี่ยวข้องกับการใช้อำนาจทางปกครองในระดับสูงของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ

ผบ.ตร. ไม่ขอก้าวล่วง ศาลปกครองสูงสุด ชี้ขาด 'บิ๊กโจ๊ก' ขอคุ้มครองชั่วคราว

พล.ต.อ.กิตติรัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) เปิดเผยถึงกรณีที่ศาลปกครองยกคำร้องคุ้มครองชั่วคำสั่งให้ออกจากราชการไว้ก่อนของ พล.ต.อ.สุรเชชษฐ์ หักพาล ว่า ตนขอให้ความเห็นแบบกว้าง ๆ