ตำรวจ บุกค้น บริษัทในเครือ กว่า 30 แห่ง ของ “สารวัตรซัว” หลังพบหลักฐานน่าเชื่อว่า มีส่วนเกี่ยวข้องกับการสนับสนุนธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการออนไลน์ จับผู้ต้องหาได้ 6 คน อายัดทรัพย์ได้ 1,400 ล้านบาท
3 มี.ค.2566 - ตำรวจสอบสวนกลาง เข้าตรวจค้นบริษัทในเครือเป็นต่อกรุ๊ป จำนวน 55 บริษัท ตั้งอยู่ในย่านรามอินทรา ซอย 5 และเป้าหมายอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องอีกรวมทั้งหมด 63 เป้าหมาย ในพื้นที่ 6 จังหวัด อาทิ ชลบุรี จันทบุรี ชลบุรี ฯ พร้อมทั้งจับกุมผู้ต้องหาตามหมายจับ ได้ 6 คน หนึ่งในผู้ต้องหาคือนายธีรพงศ์ หรือจิ๋ว ซึ่งมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับสารวัตรซัว และนั่งเป็นกรรมการในเครือบริษัทของสารวัตรซัวหลายแห่ง ซึ่ง พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์กิตติประภัสร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) ร่วมสอบปากคำนายธีรพงศ์ด้วยตัวเองด้วย ขณะที่นายธีรพงศ์ ให้การปฏิเสธว่า ตัวเองไม่เกี่ยวข้องกับคดีของสารวัตรซัวและไม่รู้จักสารวัตร ซัว
พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ ผบ.ตร.เปิดเผย รายละเอียดว่า ตำรวจมีข้อมูลทางการสืบสวนชัดเจนว่า นายธีรพงศ์ เป็นผู้ถือหุ้นหลายบริษัทที่อยู่ในเครือเป็นต่อกรุ๊ป และยังมีประวัติถูกออกหมายในคดีฉ้อโกงเงิน แอร์โฮสเตสคนหนึ่ง โดยทางการสืบสวนพบว่า นายธีรพงศ์ เข้าไปเกี่ยวข้องในลักษณะมีชื่อเป็นผู้รับเงินจากบัญชีม้า แก๊งคอลเซนเตอร์ที่หลอกลวงเงินจากแอร์โฮสเตส คดีท้องที่ สน.ทองหล่อ เมื่อขยายผลเส้นทางการเงิน จึงพบความเชื่อมโยงของนายธีรพงศ์ มีการสั่งจ่ายเงินที่เกี่ยวข้องกับการพนันออนไลน์กว่า 300 ล้านบาทให้กับกลุ่มบุคคลอื่นๆ
ด้าน พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง(ผบช.ก.) ระบุว่า กลุ่มบริษัทในเครือเป็นต่อกรุ๊ป ส่วนใหญ่ จัดทำบริษัทผลิตเกมส์ , ผลิตโปรแกรม, พัฒนาซอฟต์แวร์,จัดการบัญชี,จดทะเบียนพาณิชย์, จัดการการเงิน และทำการตลาด ซึ่งผลการตรวจสอบเชิงลึกพบว่า มีบริษัทกว่า 30 แห่ง ที่อยู่ในเครือเป็นต่อกรุ๊ปมีวัตถุประสงค์เพื่อสนับสนุนธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการพนันออนไลน์ ในเบื้องต้นได้ระงับการดำเนินกิจการไว้ทั้งหมดแล้ว
สำหรับพฤติการณ์เชิงลึกของ สารวัตรซัวในอดีตเริ่มจากการเป็นเจ้าของแพลตฟอร์ม หรือ เว็บไซต์ขนาดเล็ก จนเริ่มขยายธุรกิจและซื้อซอฟแวร์สำเร็จรูป จากต่างประเทศ มาพัฒนาต่อและจัดขาย ให้กับ กลุ่มที่ทำธุรกิจเว็บพนันออนไลน์ และมีในลักษณะแบ่งเปอร์เซ็นต์ด้วย ข้อมูลที่พบขณะนี้ มีเว็บไซต์ที่เกี่ยวข้องหว่า 400 เว็บไซ์ ซึ่งดำเนินการปิดไปแล้ว ประมาณ 200 เว็บไซต์ ในจำนวนนี้จะมีเว็บไซต์พนันออนไลน์ มาเก๊า 888 หรือไม่ สันนิษฐานอยู่คนละเครือข่ายกัน แต่ยังอยู่ระหว่างการสืบสวนขยายผล ต่อ
พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กล่าวถึงการติดตามตัวสารวัตรซัว ว่ามีหมายจับร่วมกันฉ้อโกง และร่วมจัดให้มีการเล่นการพนันแต่ตัวสารวัตร ยังอยู่ในต่างประเทศ ขณะที่การสืบสวนกรณีมีตำรวจยศพลตำรวจโทนายหนึ่ง เกี่ยวข้องกับสารวัตรซัว อยู่ระหว่างการตรวจสอบ แต่ในเบื้องต้นยังไม่พบความเชื่อมโยงทั้งหลักฐานและเส้นทางการเงินไปยังสารวัตรซัว แต่ยืนยันหากตรวจสอบพบไม่มีละเว้น
สำหรับผลปฏิบัติการการตรวจค้นวันนี้ ตรวจยึดทรัพย์จากผู้ต้องหาได้มากกว่า 100 รายการ อาทิรถยนต์ราคาแพง 3 คัน , โฉนดที่ดินรวมกว่า 440 ไร่ , สมุดบัญชีธนาคารอีก 184 บัญชี และอุปกรณ์เล็กทรอนิกส์ 100 รายการ และยังพบยาเสพติดเป็นยาเค 30 กรัม ในการตรวจค้นที่สมุทรปราการด้วย ซึ่งรวมมูลค่าของกลางทั้งหมด กว่า 1,400 ล้านบาท
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ชูวิทย์ ฟันธงเลือกตั้งครั้งหน้าคนเท ‘พรรคส้ม’
นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ อดีตสส. หัวหน้าพรรครักประเทศไทย โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก หัวข้อ
'ไชยชนก' แย้ม 'DSI' มีข้อมูลโยง 2 นักการเมือง ปม MOU บ.สแกนม่านตา
'ไชยชนก' ชี้หน้าที่ 'ดีเอสไอ' สอบสวน หลังพบข้อมูลนักการเมือง 1-2 คน เอี่ยว MOU กระทรวงดีอี-บ.สิงคโปร์ สแกนม่านตา โยงฟอกเงินดิจิทัล
เชือดล็อตแรก 8 ราย 'อั้งยี่-ฟอกเงิน' คดีฮั้ว สว. ดีเอสไอสรุปสำนวนส่งอัยการแล้ว
"ดีเอสไอ" สรุปสำนวน "คดีอั้งยี่-ฟอกเงิน สว." ให้อัยการคดีพิเศษเชือดล็อตแรก "8 ผู้ต้องหา" ประกอบด้วย 2 สว.ตัวจริง และ 6 เครือข่ายพรรคใหญ่ หลังสอบสวนนาน 9 เดือน เหตุคำชี้แจงแก้กล่าวหาไม่สามารถหักล้างพยานหลักฐานได้
'พรรคส้ม' ต้องฟัง 'ชูวิทย์' มีคำตอบให้แล้ว ทหารมีไว้ทำไม
นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ อดีตสส. หัวหน้าพรรครักประเทศไทย โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก หัวข้อ สงคราม ทหาร และความเสียสละ มีเนื้อหาดังนี้
ปปง.-ปปช. ลุยสอบจนท.รัฐ-นักการเมือง เอี่ยวสแกมเมอร์ โยงภาพ 'เบน สมิธ' ลงนาม MOU ดีอี-บ.สิงคโปร์
นักการเมืองไทย-เจ้าหน้าที่รัฐมีหนาว! ภาพคู่ "เบน สมิธ" พ่นพิษ หลัง ปปง. - ป.ป.ช. เดินหน้าลุยตรวจสอบเส้นทางเงิน-ธุรกรรม-โครงการโยง "เบน สมิธ และบริษัทฯ"
ดีอีสั่งเลิก MOU กับบริษัทสิงค์โปร์ หลังโยงฟอกเงินดิจิทัล พบเบน สมิธ-บิ๊กเนมร่วมเป็นขยาน
วันนี้ (9 ธันวาคม) จากกรณีที่ นายไชยชนก ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) เปิดเผย เมื่อวันที่ 24 พศจิกายน ว่า ได้สั่งยกเลิก บันทึกข้อตกลง (MOU) ระหว่างกระทรวงดีอี และ บริษัท Prime Opportunity Fund VCC Singapore และส่งหนังสือเวียนถึงกระทรวงที่เกี่ยวข้องเพื่อให้ได้รับทราบ และหากมีการกระทำใดๆ ภายใต้ MOU นี้

