10 พ.ย.2565 - จากกรณีอาวุธปืนของทางราชการ หายไปจากในคลัง สภ.ปากเกร็ด จำนวน 160 กระบอก สามารถติดตามจับกุมผู้ก่อเหตุ ด.ต.เชาวลิต พุ่มขจร ผบ.หมู่ (ป) สภ.ปากเกร็ด ซึ่งมีหน้าที่ดูแลคลังอาวุธปืนดังกล่าว และพบว่า อาวุธปืนดังกล่าวถูกนำไปขายและจำนำกับบุคคลหลายกลุ่ม ซึ่งได้มีการผลัดเปลี่ยนมือกันแล้วหลายทอด เจ้าหน้าที่ตำรวจได้รวบรวมพยานหลักฐานและสามารถออกหมายจับ กลุ่มบุคคลดังกล่าวได้แล้วจำนวน 13 ราย
ความคืบหน้าล่าสุด เจ้าหน้าที่ตำรวจ ภ.1 ได้ปฏิบัติการปิดล้อมตรวจค้นเพื่อติดตามหาอาวุธปืนที่ถูกลักไป และติดตามจับกุมผู้ต้องหาดังกล่าวจำนวนทั้งสิ้น 34 จุด ใน 3 จังหวัด ได้แก่ นนทบุรี 29 จุด กรุงเทพฯ 4 จุด และปทุมธานี 1 จุด
ผลการปฏิบัติสามารถติดตามจับกุมผู้ต้องหาได้จำนวน 4 ราย ประกอบด้วย1. นายธีระวัฒน์ อายุ 38 ปี ต.ปากเกร็ด อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี 2. นายกิตกร อายุ 52 ปี ต.บางตลาด อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี 3. น.ส.รุ่งรัตน์ อายุ 40 ปี ต.บางกร่าง อ.เมืองนนทบุรี จ.นนทบุรี4. น.ส.วรรณพร อายุ 24 ปี ถ.จรัญสนิทวงศ์ แขวงบางอ้อ เขตบางพลัด กรุงเทพมหานครโดยผู้ต้องหาทั้ง 4 ราย จะถูกดำเนินคดีในความผิดฐาน รับของโจร
พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร.เปิดเผยว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถติดตามอาวุธปืนราชการกลับมาได้แล้วจำนวน 64 กระบอก ดังนี้
1. อาวุธปืนพกกึ่งอัตโนมัติ ขนาด 9 มม. ยี่ห้อ Sig Sauer จำนวน 20 กระบอก
2. อาวุธปืนพกกึ่งอัตโนมัติ ขนาด 9 มม. ยี่ห้อ GLOCK จำนวน 7 กระบอก
3. อาวุธปีนพกสั้นลูกโม่ ขนาด 38 ยี่ห้อ Smith and Wesson จำนวน 30 กระบอก
4. อาวุธปีนยาว COLT M4 จำนวน 7 กระบอก
พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ กล่าวว่า คดีดังกล่าว แม้ในส่วนของคดีหลักจะสามารถจับกุมดำเนินคดีกับตัวผู้ก่อเหตุลักอาวุธปืนราชการได้แล้ว แต่ในส่วนของอาวุธปืนที่ถูกลักออกไปนั้น จำเป็นจะต้องมีการติดตามกลับมาให้ได้โดยเร็วที่สุด ซึ่ง ผบ.ตร. ได้สั่งการให้เร่งรัดในการติดตามอาวุธปืน และดำเนินคดีกับผู้ที่รับซื้ออาวุธปืนที่ถูกลักไปทั้งหมด เวลานี้สามารถติดตามปืนกลับมาได้แล้ว 64 กระบอก และจับกุมผู้รับซื้อหรือช่วยซุกซ่อนอาวุธปืนดังกล่าวได้แล้วจำนวน 4 ราย
ในส่วนของอาวุธปืนที่เหลือนั้น เจ้าหน้าที่ได้เร่งรัดการติดตามอาวุธปืนดังกล่าวกลับมา และอยู่ในระหว่างการรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อดำเนินคดีกับผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องเพิ่มเติมอีก ซึ่งหากพบว่ามีผู้รับซื้อหรือช่วยซุกซ่อนอาวุธปืนราชการทีถูกลักไปอีกนั้น จะดำเนินคดีให้ถึงที่สุดอย่างแน่นอน
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
มาแล้ว! ศาลปกครอง ร่อนเอกสารชี้แจงปม 'บิ๊กโจ๊ก' ยังไม่มีคำพิพากษาใดๆ
ศาลปกครอง เผยแพร่เอกสารชี้แจง กรณีที่มีสื่อมวลชนนำเสนอผลการพิจารณาคดีของศาลปกครองสูงสุด ในคดีที่พลตำรวจเอก สุรเชษฐ์ หักพาล ยื่นฟ้องขอเพิกถอนคำสั่งสำนักงานตำรวจแห่งชาติที่ให้ผู้ฟ้องคดีออกจากราชการไว้ก่อน นั้น
กูรูใหญ่ปูดข่าว 'บิ๊กโจ๊ก' ให้การ ปปช. ยืนยันชั้น 14 'ป่วยทิพย์'
นายไพศาล พืชมงคล นักกฎหมาย โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก
ลุ้นองค์คณะฯอ่านคำพิพากษา ดับฝัน 'โจ๊ก-แมว9ชีวิต' กลับตร.
เมื่อวันที่ 27 ส.ค. ที่ผ่านมา "บิ๊กโจ๊ก" - พล.ต.อ.สุรเชชษฐ์ หักพาล ได้ยื่นฟ้องต่อศาลปกครองสูงสุด เพื่อตรวจสอบความชอบธรรมของคำสั่งให้ออกจากราชการ ซึ่งคดีนี้เป็นประเด็นสำคัญที่ได้รับความสนใจ เนื่องจากเกี่ยวข้องกับการใช้อำนาจทางปกครองในระดับสูงของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ
ผบ.ตร. ไม่ขอก้าวล่วง ศาลปกครองสูงสุด ชี้ขาด 'บิ๊กโจ๊ก' ขอคุ้มครองชั่วคราว
พล.ต.อ.กิตติรัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) เปิดเผยถึงกรณีที่ศาลปกครองยกคำร้องคุ้มครองชั่วคำสั่งให้ออกจากราชการไว้ก่อนของ พล.ต.อ.สุรเชชษฐ์ หักพาล ว่า ตนขอให้ความเห็นแบบกว้าง ๆ
ศาลปกครองสูงสุด ปิดเงียบผลชี้ขาดคดีบิ๊กโจ๊ก สั่งเก็บหลักฐานฟันสื่อละเมิดอำนาจศาล
นายประสิทธิ์ศักดิ์ มีลาภ ประธานศาลปกครองสูงสุด เป็นประธานการประชุมใหญ่ตุลาการศาลปกครองสูงสุด
จบแล้วบิ๊กโจ๊ก! สะพัด ศาลปกครองสูงสุด ชี้คำสั่ง 'ให้ออกจากราชการ' ชอบด้วยกฎหมาย
ที่ศาลปกครองกลาง ถ.เเจ้งวัฒนะ มีการประชุมใหญ่ศาลปกครองสูงสุด โดยนายประสิทธิ์ศักดิ์ มีลาภ ประธานศาลปกครองสูงสุด เป็นประธานการประชุม