แค่มองหน้า! ตร. จับ 4 โจ๋ ใช้มีดไล่ฟัน-ปาบึ้ม

31 ต.ค. 2565 – ผู้สื่อข่าวจังหวัดสมุทรปราการรายงานว่า เมื่อวันที่ 30 ต.ค.ที่ผ่านมา พ.ต.อ.วิโรจน์ ตัดโส ผกก.สภ.บางพลี พ.ต.ท.พรชัย เทแก้ว รองผกก.สส.สภ.บางพลี พร้อมเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน สภ.บางพลี ร่วมกันแถลงข่าวจับกุมเยาวชน จำนวน 4 คน 1.นายฟิลม์ อายุ 16 ปี 2.นายปาล์ม อายุ 17 ปี 3.นายแบงค์ อายุ 18 ปี 4.นายเก่ง อายุ 16 ปี

พร้อมของกลางอาวุธปืนไทยประดิษฐ์ จำนวน 1 กระบอก เครื่องกระสุนปืน ขนาด .22 จำนวน 1 นัด มีดปลายแหลมจำนวน 2 เล่ม มีดพร้าที่ใช้ก่อเหตุจำนวน 1 เล่ม หมวกนิรภัยจำนวน 2 ใบ ระเบิดชนิดประกอบเอง พันด้วยเทปสีดำ จำนวน 2 ลูก ประทัดที่เป็นส่วนประกอบระเบิดจำนวน 1 ถุง รถจักรยานยนต์ ฮอนด้า เวฟ 110 สีแดง ทะเบียน 1 กท 7463 มหาสารคราม รถจักรยานยนต์ ฮอนด้า พีซีเอ็ก สีดำส้ม ทะเบียน 1 กช 4546 สมุทรปราการ รถจักรยานยนต์ ฮอนด้า เวฟ 110 สีเทาดำ ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน รถจักรยานยนต์ ฮอนด้า เวฟ 110 สีเทาแดง ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน ที่ใช้ก่อเหตุขับขี่รถจักรยานยนต์ไล่ฟัน นายนัฐพงษ์ อายุ 17 ปี ผู้เสียหายแล้วผู้เสียหายขับรถจักรยานยนต์หลบหนีเสียหลักล้ม แล้วกลุ่มคนร้ายตามมาปาระเบิดที่ประกอบขึ้นเองใส่แต่ไปโดนราวสะพานข้ามคลองหน้าปากซอยหมู่บ้านสวนเก้าแสน หมู่ 9 ต.บางปลา อ.บางพลี จ.สมุทรปราการ และรถยก ของ นายนิพนธ์ ลพประเสริฐ อายุ 31 ปี ที่จอดลงไปช่วยเหลือผู้ได้รับบาดเจ็บ จนได้รับความเสียหาย

สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 28 ตุลาคม 2565 เวลา 01.00 น. นายฟิลม์ นายปาล์ม นายแบงค์ ทั้ง 3 คน ได้ขี่รถจักรยานยนต์มาเจอ นายนัฐพงษ์ ผู้เสียหาย ที่ปั้มน้ำมันบางจาก ถ.เทพารักษ์ขาเข้า และเกิดการมองหน้ากัน จนทั้ง 2 คน ขับขี่จักรยานยนต์ออกมาถึงหน้าซอยธนสิทธิ์ และใช้อาวุธมีดข่มขู่เพื่อจะเอาหัวเข็มขัด แต่ผู้เสียหายไม่ยอมได้ขับขี่รถจักรยานยนต์หลบหนี นายแบงค์จึงใช้อาวุธมีดขอปาใส่ผู้เสียหาย และ นายปาล์ม นายแบงค์ ได้ขับขี่รถตามผู้เสียหายมาจนถึงที่เกิดเหตุ และใช้มีดฟันรถจักรยานยนต์ของผู้เสียหายจนล้มลงและหลบหนีไป จนนายฟิลม์ โทรหา นายเก่ง ว่าพบเจอเด็กช่างให้ออกมาช่วย จึงขับขี่รถจักรยานยนต์ออกมา โยนระเบิดใส่ผู้เสียหาย ขณะที่เจ้าหน้าที่กู้ภัยและคนขับรถยกกำลังให้การช่วยเหลือคนเจ็บอยู่ แต่พลาดไปโดนราวสะพานเกิดระเบิดขึ้นเศษระเบิดไปโดนรถยกเสียหาย

จนเจ้าหน้าที่ชุดจับกุมตัวทั้งหมดได้ที่บ้านพักทั้ง 4 คน พร้อมของกลาง อาวุธปืนไทยประดิษฐ์1 กระบอก เครื่องกระสุนปืน ขนาด .22 จำนวน 1 นัด มีดปลายแหลมจำนวน 2 เล่ม มีดพร้าที่ใช้ก่อเหตุจำนวน 1 เล่ม หมวกนิรภัยจำนวน 2 ใบ ระเบิดชนิดประกอบเอง พันด้วยเทปสีดำ จำนวน 2 ลูก ประทัดที่เป็นส่วนประกอบระเบิดจำนวน 1 ถุง รถจักรยานยนต์ ฮอนด้า พีซีเอ็ก สีดำส้ม ทะเบียน 1 กช 4546 สมุทรปราการ นำตัวมาสอบสวน ที่ สภ.บางพลี โดยเยาวชนทั้งหมดให้การรับสารภาพว่าก่อเหตุจริง

หลังการสอบสวน เจ้าหน้าที่ตำรวจได้แจ้งข้อกล่าวหา ร่วมกันพยายามปล้นทรัพย์ และร่วมกันทำให้เกิดระเบิด จนน่าจะเป็นอันตราย แก่บุคคลอื่นและทรัพย์ของผู้อื่น นำตัวส่งดำเนินคดีตามกฎหมาย.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

‘กล้าธรรม’ คึกคัก เปิดเวที Primary Vote เคาะทีมว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.สมุทรปราการ ครบ 8 เขต

พรรคกล้าธรรมจัดประชุม Primary Vote จังหวัดสมุทรปราการ สมาชิกพรรคลงมติเห็นชอบว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.ทั้ง 8 เขต เตรียมลุยศึกเลือกตั้ง 8 กุมภาพันธ์ 2569

ตร.คุมเข้มรอบ 'สุวรรณภูมิ' ผวาโดรนปริศนาใกล้สนามบิน

พ.ต.อ.พิสุทธิ์ จันทรสุวรรณ ผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรบางแก้ว พร้อมด้วยรองผู้กำกับการฝ่ายป้องกันและปราบปราม ได้นำกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจทั้งในและนอกเครื่องแบบ ตั้งจุดตรวจจุดสกัดบนถนนสุวรรณภูมิสาย 3

เศร้า! คนงานก่อสร้างวัย 35 ถูกไฟฟ้าดูดเสียชีวิต เหตุดัดแปลงใช้พัดลมแอร์

เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.บางพลี จ.สมุทรปราการ รับแจ้งมีคนถูกไฟฟ้าดูดเสียชีวิตภายในบ้านที่อยู่ระหว่างก่อสร้างแห่งหนึ่ง

ชาวบ้านเดือดร้อนต้องเดินอ้อมข้ามถนน เหตุสะพานลอยถล่ม ถ.บางนาตราด

จากกรณีรถบรรทุกดัมพ์ยกกระบะชนคานสะพานลอยถนนบางนา–ตราด จนโครงสร้างพังถล่มทับรถด้านล่าง ดับ 1 ศพ เจ็บ 1 ราย ล่าสุดกรมทางหลวงสั่งปิดสะพานทันที ชาวบ้านเดือดร้อนหนัก ต้องอ้อมใช้ทางลอดไกลกว่า 500 เมตร ขณะผู้บาดเจ็บยังรักษาตัวในไอซียู ส่วนคดีอยู่ระหว่างรอสอบปากคำ พร้อมประเมินงบสร้างสะพานใหม่ไม่ต่ำกว่า 10 ล้านบาท ใช้เวลาก่อสร้างราว 3–4 เดือน

จยย. 2 กลุ่ม ชนสนั่น! กลางถนนสุวรรณภูมิ ดับ 2 เจ็บอีก 3

เมื่อเวลา 01.00 น. ศูนย์กู้ชีพปราการรับแจ้งว่า มีอุบัติเหตุหมู่รถชนกันหลายคันและมีผู้บาดเจ็บหลายรายอาการสาหัส และมีเพลิงลุกไหม้รถคันเกิดเหตุ เหตุเกิดบนถนนเลียบรันเวย์สนามบินสุวรรณภูมิ สาย 3

สมุทรปราการเผชิญน้ำทะเลหนุนสูง น้ำเจ้าพระยาเอ่อล้นท่วมตลาด-ถนนสายหลักหลายเส้น

สมุทรปราการเผชิญน้ำทะเลหนุนสูงช่วงเช้า ทำระดับน้ำเจ้าพระยาเอ่อล้นเข้าท่วมตลาดปากน้ำ ถนนสายหลักหลายเส้นลึก 20-30 เซนติเมตร พ่อค้าแม่ค้าต้องลุยน้ำขายของ คาดสถานการณ์จะกลับสู่ปกติก่อนเที่ยง