รู้ทันก่อนตกเป็นเหยื่อ! รวม 10 รูปแบบ ภัยแก๊งคอลเซ็นเตอร์ หลอกลวงประชาชน

20 ต.ค.2565 - พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ โฆษกกองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี(บช.สอท.) ขอเรียนประชาสัมพันธ์ ฝากเตือนภัยมิจฉาชีพแก๊งคอลเซ็นเตอร์แอบอ้างเป็นเจ้าหน้าที่หน่วยบังคับใช้กฎหมายหรือภาคเอกชนต่างๆ โดยใช้ความกลัวของเหยื่อเป็นเครื่องมือ ดังนี้

ในปัจจุบันยังคงพบว่ามีประชาชนหลงเชื่อตกเป็นเหยื่อจากภัยออนไลน์ด้านข่มขู่ให้เกิดความกลัว (Call Center) โดยจากสถิติการรับแจ้งความออนไลน์ตั้งเเต่วันที่ 1 มี.ค.65 -10 ต.ค.65 พบว่าการข่มขู่ให้เกิดความกลัว มีการรับเเจ้งความออนไลน์ จำนวน 6,574 เรื่อง หรือคิดเป็น 6.45 % จากจำนวนเรื่องรับเเจ้งความออนไลน์ทั้งหมด มีความเสียหายกว่า 1,385 ล้านบาท และสูงเป็นอับดับที่ 3 จากมูลค่าความเสียหายทั้งหมด

ตามนโยบายของรัฐบาล โดย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ในการแก้ไขปัญหาภัยออนไลน์ที่ปรับเปลี่ยนรูปแบบ หรือพัฒนากลโกงใหม่ๆ อยู่เสมอ เพื่อมาหลอกลวงประชาชน โดยเฉพาะภัยจากแก๊งมิจฉาชีพคอลเซ็นเตอร์

กองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี โดย พล.ต.ท.วรวัฒน์ วัฒน์นครบัญชา ผบช.สอท. ได้ขับเคลื่อนตามนโยบายของรัฐบาล และนโยบายของ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ในการป้องกันและปรามอาชญากรรมทางไซเบอร์ในทุกรูปแบบอย่างต่อเนื่องมาโดยตลอด โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเรื่องของภัยออนไลน์จากมิจฉาชีพแก๊งคอลเซ็นเตอร์ จึงได้กำชับสั่งการทุกกองบังคับการในสังกัด เร่งดำเนินการสืบสวนปราบปรามจับกุมผู้กระทำผิดมาดำเนินคดีตามกฎหมายอย่างจริงจัง ให้มีผลการปฏิบัติเป็นรูปธรรม รวมถึงสร้างการรับรู้ สร้างภูมิคุ้มกัน ไม่ให้ประชาชนตกเป็นเหยื่อของมิจฉาชีพ

โฆษก บช.สอท. เรียนประชาสัมพันธ์ไปยังประชาชน ให้พึงระมัดระวังและสันนิษฐานว่าการรับสายโทรศัพท์หมายเลขที่ไม่คุ้นเคย หมายเลขแปลกๆ หากไม่แน่ใจให้รีบวางสายทันที โดยเฉพาะอย่างยิ่งหมายเลขที่โทรมาจากต่างประเทศ ปัจจุบันจะมีเครื่องหมาย+697 ให้ท่านตั้งสติ อย่าตื่นตระหนก หลงเชื่อง่ายๆ และอย่าเปิดเผยข้อมูลส่วนตัว ข้อมูลเลขบัตรต่างๆ รหัสใช้ครั้งเดียว หรือ One Time Password (OTP) กับผู้ใดโดยเด็ดขาด

พร้อมกันนี้ขอประชาสัมพันธ์ถึง แผนประทุษกรรม 10 รูปแบบ ที่มิจฉาชีพมใช้แอบอ้างปลอมเป็นเจ้าหน้าที่ฝ่ายบังคับใช้กฎหมายหรือภาคเอกชนต่างๆ เพื่อใช้ข่มขู่หลอกลวงเหยื่อ ดังนี้

1.อ้างเป็นเจ้าหน้าที่ภาครัฐโดยเฉพาะอย่างยิ่งหน่วยบังคับใช้กฎหมาย แล้วส่งหมายจับ หมายเรียก ให้ทางไลน์ อ้างว่าเหยื่อมีส่วนเกี่ยวข้องกับการกระทำผิดให้โอนเงินไปตรวจสอบ

2.ใช้วิธีเปิดกล้อง วิดีโอคอล สวมเครื่องแบบเจ้าหน้าที่ สร้างสถานการณ์เสมือนว่าเป็นเจ้าหน้าที่ ปฎิบัติหน้าที่อยู่ ณ ที่ทำการ

3.ทวงค่าปรับ อ้างเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจจราจร แจ้งเหยื่อว่ามีใบสั่งค้างชำระ ถ้าไม่ชำระจะถูกออกหมายจับ

4.หลอกให้ดาวน์โหลดแอปพลิเคชันลงในอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ อ้างว่าเพื่ออัปเดตข้อมูล เป็นแอปพลิเคชันป้องกันการโกง แท้จริงแล้วเป็นแอปควบคุมมือถือระยะไกลเพื่อขโมยข้อมูลส่วนตัว และโอนเงินออกจากบัญชี

5.ข่มขู่ให้เกิดความกลัว แจ้งว่าท่านมีพัสดุยังไม่ได้จัดส่ง ให้ติดต่อกลับแล้วแจ้งว่าสิ่งของที่ส่งไปต่างประเทศมีส่วนเกี่ยวข้องกับการกระทำความผิด หรือเป็นสิ่งของผิดกฎหมาย เช่น ยาเสพติด การค้ามนุษย์ ก่อการร้าย หนังสือเดินทาง บัตรเอทีเอ็ม ฯลฯ

6.แจ้งบัญชีธนาคารถูกอายัดอ้างเป็นเจ้าหน้าที่ธนาคารแจ้งว่าบัญชีของคุณพัวพันกับการค้ายาเสพติดหรือการฟอกเงินหรือมีคดีความ

7.แจ้งว่าท่านค้างชำระภาษี หรืออ้างว่าได้รับภาษีเงินคืน อ้างเป็นเจ้าหน้าที่สรรพากร ส่งลิงก์ให้กรอกข้อมูลส่วนตัว แต่ลิงก์นั้นแฝงมัลแวร์ดักรับข้อมูลเกี่ยวกับการทำธุรกรรมการเงิน

8.เเจ้งเตือนยอดค้างชำระ อ้างเป็นเจ้าหน้าที่บริษัทเครือข่ายโทรศัพท์มือถือ หากไม่ชำระจะตัดสัญญาณ

9.หลอกว่าเป็นเจ้าหน้าที่บังคับคดีจะให้ความช่วยเหลือด้านการบังคับคดี

10.หลอกว่าเป็นเจ้าหน้าที่หน่วยบังคับใช้กฎหมาย โดยการใช้เทคโนโลยี Deepfake(ปลอมใบหน้าและการเคลื่อนไหว) เพื่อสร้างความน่าเชื่อถือ

โฆษก บช.สอท. กล่าวอีกว่า หากพบรูปแบบกลโกงดังกล่าวข้างต้น สันนิษฐานได้ว่าอาจเป็นมิจฉาชีพ ขอให้ท่านรีบวางสายและไม่กดหมายเลขใดๆเพื่อติดต่อกลับ โดยเจ้าหน้าที่หน่วยบังคับใช้กฎหมายหรือเจ้าหน้าที่ของรัฐ มีหลักฐานว่าบุคคลใดมีส่วนเกี่ยวข้องกับการกระทำความผิด เจ้าหน้าที่จะใช้อำนาจตามกฎหมายในการตรวจยึด หรืออายัดบัญชีธนาคาร โดยจะเป็นผู้ติดต่อกับทางธนาคารโดยตรง หรือออกหมายเรียก ออกหมายจับผู้ที่เกี่ยวข้อง ตามขั้นตอนของกฎหมายเท่านั้น จะไม่ส่งให้ทางสื่อสังคมออนไลน์โดยเด็ดขาด ซึ่งท่านสามารถตรวจสอบโดยโทรศัพท์สอบถามไปยังหน่วยงานนั้นได้โดยตรง

ทั้งนี้หากพบเบาะแสการกระทำผิด สามารถติดต่อไปยังสายด่วนตำรวจไซเบอร์ หมายเลข 1441 หรือ 081-866-3000 ตลอด 24 ชม. และแจ้งความออนไลน์ที่เว็บไซต์ Thaipoliceonline.com หรือเดินทางไปแจ้งความที่สถานีตำรวจท้องที่เกิดเหตุโดยตรง พนักงานสอบสวนจะทำหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ไปยังธนาคาร เพื่อทำการยับยั้งการธุรกรรมชั่วคราวของบัญชีคนร้ายโดยเร็ว

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

อดีตจเรตำรวจฯ ขอทำเรื่องเฉพาะหน้า ‘เพิ่มเงิน-สวัสดิการตำรวจ’ ก่อนจะไปเปลี่ยนประธาน ก.ตร.

ณะนี้มีการเคลื่อนไหวจะปฏิรูปตำรวจโดยตำรวจเอง หลักๆคือให้นายกรัฐมนตรีไม่เป็นประธานคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ หรือ ก.ตร.  แต่ประธานจะมาจากการเลือกกันเองเหมือนคณะกรรมการข้าราชการอัยการ หรือ ก.อ. กระผม ไม่แน่ใจว่าจะเกิดผลดีกว่าเดิมหรือแย่กว่าเก่า

‘นักกฎหมายตำรวจ’ ถอดบทเรียน การเข้าระงับเหตุ ลดความสูญเสีย

ด้วยความเคารพความกล้าหาญ และเสียสละของผู้เสียชีวิต ควรแก่การยกย่องเป็นเกียรติประวัติสืบไป แต่การเข้าระงับเหตุ ของตำรวจไทยมีข้อผิดพลาด ต้องนำไปถอดบทเรียนแก้ไข

สลด! หนุ่มมุกดาหารโดนไฟดูด ดับคาเสาไฟฟ้าแรงสูง

เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.มุกดาหาร ได้รับแจ้งเหตุว่ามีคนตายบนเสาไฟฟ้าแรงสูง บริเวณทางเข้าหมู่บ้านคำตุนาง ไปยังหมู่บ้านกุดโง้ง ตำบลมุก อำเภอเมือง

‘บิ๊กเอก’ ยกเสียงสะท้อนจากตำรวจ เจ็บปวดผู้มีอำนาจข่มขืนองค์กร ถึงเวลาต้องปฏิรูปตร.

อีกเสียงสะท้อนจากนายตำรวจ ที่สื่อสารออกมา อย่างเจ็บปวด เปรียบเทียบให้เห็นภาพองค์กรตำรวจ ผู้มีอำนาจทางการเมือง อดีตผู้บังคับบัญชาสูงสุด ทำอะไรไว้ ควรที่จะปฏิรูปตำรวจอีกหรือไม่

'เศรษฐา' ต่อสาย นายกฯกัมพูชา ช่วยปราบแก๊งคอลเซ็นเตอร์ภายใน 60 วัน

นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีโพสต์ข้อความผ่าน X ระบุว่า “ผมได้โทรศัพท์หารือท่านนายกรัฐมนตรี ฮุน มาแนต ของกัมพูชา ในประเด็นการปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ซึ่งเรามีความเห็นตรงกันที่จะ

'อดีตผช.ผญบ.' ยิงกำนันสาวเจ็บสาหัส ก่อนฆ่าตัวตายหนีความผิด

'อดีตผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน' ใช้อาวุดปืน .38 จ่อยิงกำนันสาว ต.แก่งโสภา จนบาดเจ็บสาหัส กลางงานเลี้ยง ก่อนยิงตัวเองเสียชีวิตหนีความผิด