5 ส.ค. 2565 – ที่สถาบันนิติเวชวิทยา โรงพยาบาลตำรวจ พ.ต.อ.พงศกร ฐิตโชติ หัวหน้ากลุ่มงานตรวจพิสูจน์เกี่ยวกับบุคคล รพ.ตำรวจ เปิดเผยถึงขั้นตอนการพิสูจน์อัตลักษณ์บุคคล และสาเหตุการเสียชีวิตของผู้เสียชีวิตเหตุการเพลิงไหม้เมาน์เทนบีผับ พื้นที่ สภ.พลูตาหลวง อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี ที่เตรียมจะนำร่างผู้เสียชีวิตส่งชันสูตรในเย็นวันนี้ว่า เบื้องต้นได้รับการประสานจาก สภ.พลูตาหลวง ว่ามีผู้เสียชีวิต 13 ราย โดยแยกเป็นชาย 9 ราย หญิง 4 ราย สภาพศพของผู้เสียชีวิตมีการไหม้ไฟ พอจะพิสูจน์มีเอกลักษณ์ประมาณ 11 ราย ส่วนอีก 2 ราย ยังไม่สามารถพิสูจน์ได้ว่าเป็นใคร ซึ่งจะต้องเข้าสู่กระบวนการพิสูจน์ต่อไป
เมื่อศพมาถึงสถาบันนิติเวชวิทยา นอกจากจะหาสาเหตุการเสียชีวิตของผู้ตายทั้งหมด จะต้องพิสูจน์เอกลักษณ์ให้ได้ว่าผู้ตายทั้งหมดเป็นบุคคลเหล่านี้จริงหรือไม่ เพื่อที่จะนำร่างคืนให้ญาติ การทำงานจะเป็นลักษณะบูรณาการ ประกอบด้วย สถาบันนิติเวชวิทยา ถ้ามีการพิสูจน์อัตลักษณ์บุคคลต้องอาศัยข้อมูลทางทันตกรรม ก็ต้องมีผู้เชี่ยวชายทางทันตกรรมของ รพ.ตำรวจ เข้ามาช่วยตรวจพิสูจน์ นอกจากนี้ยังต้องอาศัยกลุ่มงานพิสูจน์เอกลักษณ์บุคคล สำนักงานพิสูจน์หลักฐานตำรวจ
“ถ้าศพมาถึงเร็วก็จะดำเนินการเลย แต่ถ้ามาช้าก็จะเริ่มดำเนินการในวันพรุ่งนี้ (6 ส.ค.) เวลา 09.00 น. ขบวนการพิสูจน์โดยปกติจะมีการผ่าพิสูจน์รายวันอยู่แล้ว แต่กรณีศพที่เกิดจากภัยพิบัติจำนวนมากครั้งนี้ จะตั้งกรรมการมาทำการพิสูจน์อีกชุดหนึ่ง ประกอบด้วย แพทย์ ผู้ช่วยแพทย์ ช่างภาพ นักวิทยาศาสตร์ ตำรวจในหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ถ้าศพทราบแล้วว่าเป็นใครที่อาจพิจารณาจากใบหน้าและลายพิมพ์นิ้วมือและไม่มีข้อคัดค้าน จะทำการมอบร่างให้แก่ญาติ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็จะทำการตรวจดีเอ็นเอเพื่อคอนเฟิร์มทุกราย แต่ถ้าวันที่ 6 ส.ค. ยังมีข้อจำกัดในการผ่าชันสูตร ยังไม่สามารถพิสูจน์อัตลักษณ์บุคคลได้ จะทำการเก็บศพไว้ก่อนเพื่อรอผลตรวจดีเอ็นเอยืนยันว่าเป็นใคร การตรวจดีเอ็นเอต้องมีญาติมาเทียบ ซึ่งจะได้ประสานกับตำรวจ สภ.พลูตาหลวง อีกครั้ง” พ.ต.อ.พงศกร ระบุ
พ.ต.อ.พงศกร กล่าวอีกว่า โดยปกติสาเหตุจากเพลิงไหม้ จะมี 3 ประการ 1.สำลักควัน สมองขาดอากาศออกซิเจนไม่เพียงพอ 2.ร่างกายไหม้ไฟ ทำให้สูญเสียสารน้ำทำให้ระบบล้มเหลว 3.อวัยวะได้รับบาดเจ็บ ร่างกายกระแทกเสาเหล็ก หรือมีสิ่งของร่วงมาทับทำให้ได้รับบาดเจ็บ อย่างไรก็ตามเราต้องพิสูจน์ทางห้องปฏิบัติการเพิ่มเติม 1.ระดับแอลกอฮอล์ เพื่อดูว่ามีการใช้สารแอลกอฮอล์หรือไม่ 2.สารเสพติด 3.ระดับสารคาร์บอนมอนอกไซด์ในเลือด เป็นสารชนิดหนึ่งที่เป็นแก๊ส เกิดจากการเผาไหม้ที่ไม่สมบูรณ์และสามารถที่จะไปจับกับเม็ดเลือดแดงได้ดี เมื่อคาร์บอนมอนอกไซค์สูงจะทำให้ร่างกายขาดอากาศเสียชีวิตได้
อย่างไรก็ตามการทำงานตามปกติ การผ่าศพจะมีคิวงานที่รออยู่ แต่ในกรณีนี้เป็นเรื่องเร่งด่วนห้องปฏิบัติการจะให้นักวิทยาศาสตร์ของสถาบันนิติเวชวิทยาทำงานทั้งคืน ผลดีเอ็นเอคาดว่าจะเสร็จภายใน 1-2 วัน ส่วนศพนิรณามจะต้องอาศัยความร่วมมือต้องประสานกับ สภ.พลูตาหลวง หารายชื่อของบุคคลที่อาจจะเป็นไปได้ เมื่อทราบรายชื่อแล้วจะตามญาติมาเพื่อตรวจดีเอ็นเอ.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
'โรม' กล่อม 'ทักษิณ' เข้าแจง กมธ.ความมั่นคง ปมชั้น 14 เชื่อเป็นผลดีต่อรัฐบาล-นายกฯอิ๊งค์
นายรังสิมันต์ โรม รองหัวหน้าพรรคประชาชน ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) ความมั่นคงแห่งรัฐ กิจการชายแดนไทย ยุทธศาสตร์ชาติและการปฏิรูปประเทศ สภาผู้แทนราษฎร ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีเชิญนายทักษิณ ชินวัตร
เปิดกล้องวงจรปิด จับตัวผู้ต้องสงสัยฆ่าตัดนิ้ว ชิงทรัพย์ 'แม่ยายอัยการ'
จากกรณี เกิดเหตุสะเทือนขวัญฆ่าชิงทรัพย์ สืบเนื่อง น.ส.วรรณรัตน์ แสงแก้ว อายุ 35 ปี มีสามีเป็นอัยการสำนักงานอัยการแห่งหนึ่ง ได้เข้าแจ้งความร้องทุกข์ต่อ พ.ต.ต.พัฒนนันท์ สมนวล สารวัตรสอบสวนสภสัตหีบ ว่าผู้เป็นมารดา คือ นางวรรณา คีอเนอร์ อายุ 67 ปี
ปรบมือ! อำเภอสัตหีบ ติดป้ายห้ามลอยกระทงในทะเล รณรงค์อนุรักษ์สิ่งแวดล้อม
ในเขตพื้นที่ ต.สัตหีบ อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี ได้มีการติดป้ายความว่า “ห้าม! ลอยกระทงลงทะเลเด็ดขาด” ไว้ตลอดแนวชายหาด อ่าวดงตาลสัตหีบ ซึ่งถือเป็นสถานที่ท่องเที่ยว และเป็นแลนด์มาร์ค ที่มีความสวยงามอย่างมาก
'นิพิฏฐ์' ท้าเดิมพัน! 'ทักษิณ' ไม่ผิด112-ชั้น14 ยอมเอาตะกร้อครอบปาก
นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ อดีต สส.พัทลุง โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กในหัวข้อ "ขอให้มนุษย์เข้าใจหมาด้วย" โดยระบุว่า
'นิพิฏฐ์ ' เผยข่าวไม่ดีชั้น 14 เอาตัวให้รอดดีกว่า
นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ อดีตส.ส.พัทลุง โพสต์ข้อความหัวข้อ "เอาตัวให้รอด" มีรายละเอียดดังนี้
'แก้วสรร' แพร่บทความ ทางตันของ ป.ป.ช. ในคดี ชั้น 14?
นายแก้วสรร อติโพธิ นักวิชาการอิสระ อดีตรองอธิการบดี มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เผยแพร่บทความเรื่อง "ทางตันของ ปปช.ในคดีชั้น 14 ???" ในรูปแบบถาม-ตอบ มีเนื้อหาดังนี้