ตั้งกรรมการสอบ "สารวัตรสอบสวน" สน.บางพลัด อนาจารดาราสาว โฆษก บช.น.ชี้โทษถึงให้ออกจากราชการ ยอมรับทุกองค์กรมีทั้งคนดีไม่ดี ชี้ 90 เปอร์เซ็นต์อยู่ในกรอบคุณธรรมจริยธรรม
4 ส.ค.2565 - ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) พล.ต.ต.จิรสันต์ แก้วแสงเอก รองผบช.น.ในฐานะโฆษก บช.น.เปิดเผยถึงกรณีที่ น.ส.ใจบัว ฮิดดิง นางเอกสาวเข้าแจ้งความเอาผิดกับตำรวจตำแหน่ง “สารวัตรสอบสวน” สน.บางพลัด กระทำอนาจาร ว่า พล.ต.ท.สำราญ นวลมา ผบช.น.ได้ให้ความสำคัญกำชับให้หน่วยที่เกี่ยวข้องทุกหน่วยดำเนินการตามกระบวนการกฎหมายอย่างเคร่งครัด 1.การดำเนินการทางคดีพนักงานสอบสวน สน.คันนายาวได้รับแจ้งความและสอบปากคำผู้เสียหายไว้เรียบร้อย และจะได้รวบรวมยานหลักฐานเพิ่มเติม ส่วนผู้ต้องหาอยู่ระหว่างการประสานเข้ามารับทราบข้อกล่าวหา ซึ่งทาง บช.น.ได้เร่งรัดไปคาดว่าจะเข้ามารับทราบข้อกล่าวหาในวันนี้ 2.การดำเนินการทางวินัย ผกก.สน.บางพลัด ได้ออกคำสั่งตั้งคณะกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริง ให้ รอง ผกก.สอบสวน เป็นประธานกรรมการเพื่อสืบสวนสอบสวนในเรื่องดังกล่าวหากมีมูลก็จะดำเนินการทางวินัยอย่างเคร่งครัดต่อไป
“พล.ต.ท.สำราญ ผบช.น.เป็นห่วงเรื่องนี้แสดงความเสียใจกับผู้เสียหายและยืนยันว่าจะดำเนินการตามกฎหมายและทางวินัยอย่างเคร่งครัด พร้อมกันนี้ขอแจ้งไปยังผู้เสียหายหากเกรงว่าจะไม่ได้รับความเป็นธรรมหรือความปลอดภัยให้แจ้งมายัง บช.น.พร้อมจะให้ความคุ้มครองได้รับความเป็นธรรมและปลอดภัยอย่างเต็มที่” พล.ต.ต.จิรัสันต์ กล่าว
ผู้สื่อข่าวถามถึงหลังเกิดเหตุแล้วตำรวจคนดังกล่าวได้ชี้แจงต่อผู้บังคับบัญชาแล้วหรือยัง พล.ต.ต.จิรสันต์ ตอบว่า เรื่องของทางคดียังไม่ได้ลงในรายละเอียด แต่เบื้องต้นรับว่าอยู่ในที่เกิดเหตุจริง แต่พฤติกรรมที่ถูกกล่าวหายังไม่ได้ให้ข้อเท็จจริงกับผู้บังคับบัญชา ถามอีกว่านายตำรวจคนดังกล่าวเคยถูกร้องเรียนเกี่ยวกับพฤติกรรมที่เกิดเหตุหรือไม่ เขาตอบว่าตรวจสอบแล้วยังไม่พบ ณ.ขณะนี้ และขณะนี้นายตำรวจคนดังกล่าวได้ลาราชการ 5 วัน เข้าสู่กระบวนการของคดี ซึ่งการลาเป็นสิทธิ์ของเขาที่สามารถทำได้ผู้บังคับบัญชาได้อนุญาตลา ซึ่งจะเป็นขบวนการของการรับทราบข้อกล่าวหา การเจรจาของผู้เสียหายหรือแม้กระทั่งการให้การกับพนักงานสอบสวน ส่วนจะให้ไปช่วยราชการที่อื่นก่อนหรือไม่อยู่ระหว่างการพิจารณาของผู้บังคับบัญชา
เมื่อถามว่าข้อหากระทำอนาจารสามารถยอมความได้หรือไม่ เขาตอบว่ายอมความได้ แต่ขึ้นอยู่กับตัวของผู้เสียหายเป็นหลัก พนักงานสอบสวนมีหน้าที่ในการรวบรวมพยานหลักฐานดำเนินการกฎหมาย จะยอมความหรือไม่เป็นสิทธิ์ของผู้เสียหาย ถามอีกว่าโทษคดีนี้สามารถพักราชการ ไล่ออกจากราชการได้หรือไม่ โฆษก บช.น.ตอบว่า ถ้ามีการลงโทษตามกฎหมายจะมีผลกระทบต่อการรับราชการถ้ามีการจำคุกต้องมีการตั้งวินัยร้ายแรงถูกออกจากราชการ อย่างไรก็ตามถึงแม้จะมีการยอมความแต่โทษทางวินัยก็ดำเนินการต่อ เพราะถ้ามีมูลก็ต้องดำเนินการทางวินัย
ถามอีกว่าผู้ถูกกล่าวหาเป็นถึงตำรวจแต่กลับทำผิดเสียเอง โฆษก.บช.น. ชี้แจงว่าทุกองค์กรมีทั้งคนที่ดีและไม่ดี ส่วนตำรวจขอเราเองก็ไม่เคยปฏิเสธว่าข้าราชการตำรวจต้องดีร้อยเปอร์เซ็นต์ แต่อย่างไรก็ตาม นโยบายของผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล พยายามอย่างยิ่งที่จะฝึกอบรมปลูกฝังคุณธรรมและจริยธรรมเพื่อให้ข้าราชการตำรวจเป็นที่พึ่งของประชาชนได้อย่างแท้จริงและไม่กระทำความผิดเสียเอง ยืนยันว่าตำรวจ 90 เปอร์เซ็นต์เป็นตำรวจที่อยู่ในกรอบคุณธรรมและจริยธรรมแต่ก็ยังมีบางส่วนที่ผู้บังคับบัญชาทุกระดับชั้นยืนยันว่าเมื่อกระทำผิดต้องดำเนินการอย่างเคร่งครัด เอาบทเรียนมานี้เพื่ออบรมคุณธรรมจริยธรรมไม่ให้เป็นแบบนี้อีก
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ตร.พร้อมสอบทุกมิติคดีพินัยกรรมเจ๊อ้อย เผยหาก 'ษิทรา' ไม่มีทนายสามารถซักค้านเองได้
ที่กองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) พล.ต.ต.มนตรี เทศขัน ผบก.ป. เปิดเผยถึงกรณีที่มีกระแสว่าจะมีตัวแทนรับมอบอำนาจจาก น.ส.จตุ
ศาลสั่งจำคุก แอดมินเพจ 'ออยศรีและผองเผือก' หมิ่น 'ทนายตั้ม' ชดใช้เงิน 1 แสน
ศาลอาญาพิพากษาลงโทษ เพจ "ออยศรีและผองเผือก" จำคุก 8 เดือนปรับ 20,000 บาท โทษจำคุกรอลงอาญา 2 ปี หมิ่นประมาททนายตั้มให้ชดใช้เงิน 100,000 บาท
ศาลให้ประกัน พี่เมียทนายตั้ม วงเงิน 1 ล้าน ห้ามออกนอกประเทศ
ภายหลังศาลรับฝากขังนางสาวปิณฑิรา หรือดาว การิวัลย์ อายุ 43 ปี พี่สาวภรรยาทนายตั้ม ผู้ต้องหายื่นคำร้องพร้อมหลักทรัพย์ขอปล่อยชั่วคราว ระหว่างฝากขังศาลคำร้องพร้อมหลักทรัพย์
ละเอียดยิบ! เปิดพฤติการณ์ พี่เมีย 'ทนายตั้ม' สมคบฟอกเงิน โกงเจ๊อ้อย 39 ล้าน
ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก คณะพนักงานสืบสวนสอบสวน ตามคำสั่งกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ควบคุมตัว นางสาวปิณฑิรา หรือดาวการวัลย์ อายุ 43 ปี พี่สาวภรรยาทนายตั้ม ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาที่ ในความผิดฐาน "ร่วมกันกันฟอกเงิน
คุมตัวพี่เมีย 'ทนายตั้ม' ฝากขังศาล ตร.ค้านประกัน เจ้าตัวไม่ยอมปริปาก
เจ้าหน้าที่ตำรวจได้คุมตัว น.ส.ปิณฑิรา การิวัลย์ ซึ่งเป็นพี่สาวของภรรยานายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือทนายตั้ม ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาข้อหา “ร่วมกันฟอกเงินและสมคบตั้งแต่สองคนขึ้นไปเพื่อฟอกเงิน” ในคดีเงิน 39 ล้านบาทของ
ตำรวจกองปราบ รวบพี่เมีย 'ทนายตั้ม' ร่วมกันฟอกเงิน คดีโกงเจ๊อ้อย 39 ล้าน
พนักงานสอบสวน กก.3 บก.ป. เดินทางเข้ายื่นคำร้องต่อศาลอาญา เพื่อขออนุมัติออกหมายจับ น.ส.ปิณฑิรา การิวัลย์ พี่สาวภรรยาของนายษิทรา หรือ ทนายตั้ม ในความผิดฐาน “ร่วมกันฟอกเงิน และ สมคบตั้งแต่สองคนขึ้นไปเพื่อฟอกเงิน”