'วัชระ' ยื่นอสส.ขอสั่งไม่ฟ้องอาญาแม่ลักนม3กล่องให้ลูก เหมือนสั่งไม่อุทธรณ์ 'โอ๊ค' ฟอกเงิน

'วัชระ' ยื่นอสส.ขอสั่งไม่ฟ้องอาญาแม่ลักนม3กล่องให้ลูกที่ศรีสะเกษ ชี้มีลักษณะจะไม่เป็นประโยชน์แก่สาธารณชน และเหมือนสั่งไม่อุทธรณ์'โอ๊ค'ฟอกเงินกรุงไทยปล่อยกู้กฤษดานคร

20 ก.ค.2565 - เมื่อเวลา 11.40 น.ที่สำนักงานอัยการสูงสุด นายวัชระ เพชรทอง อดีตส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ และว่าที่ร้อยตรีสุทธิศักดิ์ ประศาสน์ครุการ ยื่นหนังสือผ่านนางสาวดาเรศ  ทองช่วย กลุ่มงานสารบรรณ ถึงนายสิงห์ชัย หนินซ้อน อัยการสูงสุด โดยอ้างถึง ระเบียบสำนักงานอัยการสูงสุดว่าด้วยการสั่งคดีอาญาที่จะไม่เป็นประโยชน์แก่สาธารณชนหรือจะมีผลกระทบต่อความปลอดภัยหรือความมั่นคงของชาติ หรือต่อผลประโยชน์อันสำคัญของประเทศ (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2561จากกรณีที่นางสาวแจ่ม (นามสมมติ) อายุ 50 ปี ชาวบ้านชุมชนแห่งหนึ่งในเขตเทศบาลเมืองศรีสะเกษได้ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมเนื่องจากก่อเหตุขโมยนม จำนวน 3 กล่อง ราคากล่องละ 13 บาท รวมเป็นเงินจำนวน 39 บาท ที่ร้านสะดวกซื้อแห่งหนึ่งพื้นที่ตัวเมืองศรีสะเกษ เหตุเกิดเมื่อเวลา 21.30 น. วันที่ 16 ก.ค.65และอยู่ระหว่างปล่อยตัวชั่วคราวนั้น

นายวัชระ กล่าวว่า เรื่องนี้มีลักษณะเป็นการพิจารณาคดีอาญาที่จะไม่เป็นประโยชน์แก่สาธารณชน ตามนัยระเบียบสำนักงานอัยการสูงสุดว่าด้วยการสั่งคดีอาญาที่จะไม่เป็นประโยชน์แก่สาธารณชนหรือจะมีผลกระทบต่อความปลอดภัยหรือความมั่นคงของชาติ หรือต่อผลประโยชน์อันสำคัญของประเทศ (ฉบับที่ 2) พ.ศ.2561 ข้อ 4 ความว่า

" ถ้าอัยการสูงสุดเห็นเองหรือมีความเห็นจากการเสนอเรื่องจากหัวหน้าพนักงานอัยการ ตามข้อ 5 ว่าการฟ้องคดีอาญาใดจะไม่เป็นประโยชน์แก่สาธารณชน หรือจะมีผลกระทบความปลอดภัย หรือ ความมั่นคงของชาติ หรือต่อผลประโยชน์อันสำคัญของประเทศ อัยการสูงสุดมีอำนาจสั่งไม่ฟ้องหรือถอนฟ้อง แล้วแต่กรณี"

นายวัชระ กล่าวต่อว่า ประกอบกับสำนักงานอัยการสูงสุดมีตัวอย่างคดีที่พนักงานอัยการใช้ดุลยพินิจในการสั่งไม่ฟ้อง คดีอาญาโดยเหตุคดีไม่เป็นประโยชน์แก่สาธารณชนจำนวน 3 คดี อันเป็นที่ประจักษ์ว่าพนักงานอัยการไม่ใช่บุรุษไปรษณีย์ของพนักงานสอบสวนที่ต้องกล้าให้ความยุติธรรมกับคนยากคนจนที่ไม่ได้รับความเป็นธรรม ให้สมกับที่เป็นทนายของแผ่นดินและเป็นที่พึ่งของประชาชนได้อย่างแท้จริง มิใช่สั่งไม่ฟ้องในคดีความสำคัญที่ประชาชนข้องใจสงสัยเหมือนดังที่ผ่านมา เช่น คดีฟอกเงินธนาคารกรุงไทยปล่อยเงินกู้บริษัทในกลุ่มกฤษดามหานคร กว่า 9,900 ล้านบาท และนายพานทองแท้ ชินวัตร ได้รับเงินค่าหัวคิวโดยจ่ายเป็นเช็คธนาคารกรุงไทย จำนวน 10 ล้านบาท 1 ใบ และจำนวน 26 ล้านบาท 1 ใบ ซึ่งอัยการสั่งไม่อุทธรณ์ เป็นต้น

 

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

'ทักษิณ' หลุดปาก 'ยิ่งลักษณ์' จะกลับบ้าน แสดงถึงอาการร้อนรนในสถานการณ์ 22 พ.ย.

'จตุพร' แทงสวน อสส.ส่งความเห็นหลังปล่อยอำนาจหลุดมือ เชื่อ 22 พ.ย. ศาลรธน. มติเอกฉันท์ รับคำร้อง โต้สีอื่นไม่เคยตกใส่เสื้อแดง มีแต่สีคนตระบัดสัตย์ไม่ซื่อตรงปชช. ชี้ 'ทักษิณ' หลุดปาก 'ยิ่งลักษณ์' จะกลับบ้าน แสดงถึงอาการร้อนรนในสถานการณ์ เตือนหลายฝ่ายทนไม่ไหว คดีทุจริตไม่ติดคุกสักวัน หวั่นเหตุการณ์ซ้ำรอย

เข้าทาง! ผู้ร้องคดี 'ทักษิณ-เพื่อไทย' ล้มล้างการปกครอง ฟันธงศาลรธน. รับคำร้องแน่นอน

จากกรณีที่มีข่าวว่านายไพรัช พรสมบูรณ์ศิริ อัยการสูงสุด ได้ส่งหนังสือความเห็นถึงศาลรธน.ในคำร้องคดีที่นายธีรยุทธ สุวรรณเกษร ร้องว่า นายทักษิณ ชินวัตร ผู้ถูกร้องที่หนึ่งและพรรคเพื่อไทย ผู้ถูกร้องที่สอง

ตามคาด! อสส.ไม่รับดำเนินการคดี 'ทักษิณ-เพื่อไทย' ล้มล้างการปกครอง

อัยการสูงสุดไม่รับดำเนินการคดีทักษิณ-เพื่อไทย ล้มล้างการปกครอง ส่งความเห็นไปยังศาลรัฐธรรมนูญเเล้วพร้อมผลการสอบถ้อ

'อสส.' ตอบความคืบหน้าคดี ทักษิณ-เพื่อไทย ล้มล้างปกครองฯ ต่อศาลรธน.เเล้ว

รายงานข่าวจากสำนักงานอัยการสูงสุด ความคืบหน้ากรณี เมื่อวันที่ 22 ต.ค.2567 สำนักงานศาลรัฐธรรมนูญมีเผยแพร่เอกสาร การพิจารณาคำร้องขอให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ มาตรา