จำคุก 2 ผู้ต้องหาก่อเหตุปาระเบิดศาลอาญาปี 58 คนละ 34 ปี พัวพันแก๊งแดงฮาร์ดคอร์

ศาลจำคุก 2 จำเลยปาระเบิดศาลอาญาปี 58 คนละ34 ปี 4 เดือนเเต่อีก12 คนให้ยกฟ้อง “ทนายวิญญัติ”ชี้ผู้บริสุทธิ์ไม่เกี่ยวข้องเเต่ถูกจับมาดำเนินคดี8ปี ลั่นถ้ามีอายัดลูกความอีกเตรียมดำเนินคดีกลับ

17 มิ.ย.2565 - ที่ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก ศาลอาญานัดฟังคำพิพากษาคดีปาระเบิด ซึ่งได้รับโอนมาจากศาลทหารภายหลังการยกเลิกคำสั่งคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ที่ให้คดีความมั่นคงขึ้นศาลทหารเป็นคดีหมายเลขดำอ.3045/62 แดง อ.1602/65ที่พนักงานอัยการเป็นโจทก์ยื่นฟ้องนายมหาหิน ขุนทอง กับพวกรวม 14 คน

ถูกฟ้องกระทำผิดฐาน เป็นอั้งยี่ ร่วมกันก่อการร้าย ร่วมกันมีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครอง โดยไม่ได้รับใบอนุญาต ร่วมกันมียุทธภัณฑ์ไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับใบอนุญาต ร่วมกันมีเครื่องกระสุนปืนที่นายทะเบียนไม่อาจออกใบอนุญาตให้ได้ไว้ในครอบครองโดยฝ่าฝืนกฎหมาย และใช้เครื่องกระสุนปืนที่นายทะเบียน ไม่อาจออกใบอนุญาตให้ได้ในการกระทำความผิดฐานพยายามฆ่าผู้อื่น ร่วมกันพาอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนติดตัวไปในทางสาธารณะโดยไม่ได้รับใบอนุญาตให้มีอาวุธปืนติดตัว และโดยไม่มีเหตุสมควร ร่วมกันพยายามฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน ร่วมกันกระทำให้เกิดระเบิดจนน่าจะเป็นอันตรายแก่บุคคลหรือทรัพย์ของผู้อื่น ร่วมกันทำให้เสียทรัพย์ ต่อสู้หรือขัดขวางเจ้าพนักงานในการปฏิบัติการตามหน้าที่ พยายามฆ่าเจ้าพนักงานซึ่งกระทำการตามหน้าที่ และ ยิงปืนซึ่งใช้ดินระเบิดโดยใช่เหตุในเมือง

จากกรณีวันที่ 7 มีนาคม 2558 มีเหตุการณ์ปาระเบิดที่บริเวณลานจอดรถศาลอาญา เจ้าหน้าที่ทหารจับกุมจำเลยในที่เกิดเหตุจำนวน 2 คน ต่อมาจับกุมและดำเนินคดีอีก รวมทั้งสิ้น 14 คน

โดยศาลพิพากษาว่า จำเลยที่ 1,2 มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 221,289 (4) ประกอบมาตรา80พรบ.อาวุธปืนฯ พ.ศ.2490มาตรา 55,78 วรรคหนึ่งและวรรคสาม พรบ.ควบคุมยุทธภัณฑ์ พ.ศ.2530 มาตรา15วรรคหนึ่งฐ 42 ประกอบประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83 การกระทำของจำเลยที่ 1,2เป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน ให้ลงโทษทุกกรรมเป็นกระทงความผิดไป ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 สำหรับความผิดฐานร่วมกันมีเครื่องกระสุนปืนที่นายทะเบียนไม่อาจออกใบอนุญาตให้ได้ ฐานร่วมกันใช้เครื่องกระสุนปืนที่นายทะเบียนไม่อาจออกใบอนุญาตให้ได้ในการกระทำความผิดฐานพยายามฆ่าผู้อื่น ,ฐานร่วมกันกระทำให้เกิดระเบิดจนน่าจะเป็นอันตรายแก่บุคคลหรือทรัพย์ของผู้อื่น และฐานร่วมกันพยายามฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน เป็นกรรมเดียวผิดต่อกฎหมายหลายบท ลงโทษฐานร่วมกันใช้เครื่องกระสุนปืนที่นายทะเบียนไม่อาจออกใบอนุญาตให้ได้ในการกระทำความผิดฐานพยายามฆ่าผู้อื่น ตาม พรบ.อาวุธปืน มาตรา 78วรรคสาม ซึ่งเป็นบทหนักที่สุด ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 90จำคุกคนละตลอดชีวิต

ฐานร่วมกันมียุทธภัณฑ์ไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับใบอนุญาต จำคุกคนละ 2 ปี จำเลยที่ 1,2ให้การรรับสารภาพร่วมกันมีเครืองกระสุนปืนที่นายทะเบียนไม่อาจออกใบอนุญาตให้ได้ ฐานร่วมกันกระทำให้เกิดระเบิดจนน่าจะเป็นอันตรายแก่บุคคลหรือทรัพย์ของผู้อื่น ฐานร่วมกันมียุทธภัณฑ์ไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับใบอนุญาต และทางนำสืบของจำเลย1,2 เป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษฐานร่วมกันใช้เครื่องกระสุนปืนที่นายทะเบียนไม่อาจออกใบอนุญาตให้ได้ในการกระทำความผิดฐานพยายามฆ่าผู้อื่นหนึ่งในสาม และฐานร่วมกันมียุทธภัณฑ์ไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับใบอนุญาตกึ่งหนึ่ง ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78ประกอบมาตรา 53 ฐานร่วมกันใช้เครื่องกระสุนปืนที่นายทะเบียนไม่อาจออกใบอนุญาตให้ได้ในการกระทำความผิดฐานพยายามฆ่าผู้อื่น คงจำคุกจำเลยที่ 1,2คนละ 33ปี 4 เดือน ฐานร่วมกันมียุทธภัณฑ์ไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับใบอนุญาต คงจำคุกจำเลยที่1,2คนละ 1ปี รวมจำคุกจำเลย1,2 คนละ 34ปี4เดือน ริบอาวุธปืน กระสุนปืน ปลอกกระสุนปืน กระเดื่องระเบิดชนิดอาร์จีดี 5(RGD 5) และเศษระเบิดของกลาง ยกฟ้องโจทก์สำหรับจำเลยที่ 1,2ในข้อหาอื่น และยกฟ้องจำเลยที่ 3-14

ภายหลังนายวิญญัติ ชาติมนตรี ทนายความกล่าวว่าวันนี้ศาลอาญาพิพากษายกฟ้องจำเลยที่ 3-14 คดีปาระเบิดหน้าศาลอาญาเหตุเกิด มีนาคม 2558 โดยส่วนนึงระบุเหตุผลว่าการฟ้องจำเลยที่ 9,10,12,14 ในคดีนี้เป็นฟ้องซ้ำ เเละลงโทษจำเลยที่ 1,2 ที่รับสารภาพว่าได้ขว้างระเบิดจริง จำคุก คนละ 34 ปี เนื่องจากมีเจตนาเล็งเห็นผลในความผิดฐานพยายามฆ่าเจ้าพนักงาน

จะเห็นได้ว่าจำเลยที่ศาลยกฟ้องในวันนี้บางคนเเทบจะไม่มีส่วนเกี่ยวข้องเลยเพียงเเต่อยู่ในไลน์กลุ่มเดียวกัน หรือบางคนไม่ได้อยู่ในไลน์กลุ่มเพียงเเต่มีบัญชีการโอนเงินกัน เเต่กลับถูกเจ้าหน้าที่จับมาดำเนินคดีทั้งหมด เราสู้มา 8 ปี เพื่ออิสรภาพของพวกเขาในฐานะผู้บริสุทธิ์ วันนี้ตนขอเชิญจับตาดูว่าที่จะมีการปล่อยตัวจำเลยที่ 9 นางสุภาพร มิตรอารักษ์ จากเรือนจำทัณฑสถานหญิงกลาง หากมีเจ้าหน้าที่ตำรวจอายัดตัวนางสาวนางสุภาพร อีกครั้ง ตำรวจอาจจะต้องถูกฟ้องดำเนินคดีฐานเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่มิชอบ กลั่นแกล้งให้ได้ความเสียหาย,ใช้ดุลพินิจไม่ชอบด้วยกฎหมาย

ในส่วนของจำเลยที่ 1,2 เเม้ตนไม่ใช่ทนายความในส่วนของจำเลยทั้ง 2 เเต่ยังไม่เห็นด้วยกับคำพิพากษาของศาลเนื่องจากเป็นการลงโทษที่หนักเกินไป เเละเห็นว่ายังขัดกับเหตุผลบางประการ เพราะศาลรับฟังว่าอนุภาพของระเบิดอาร์จีดี 5 มีอนุภาพ 10- 15 เมตรที่สามารถทำลายล้างชีวิตคนได้ แต่ความเป็นจริง รปภ. ที่ยืนอยู่ห่างจากจุดที่หลุมระเบิดลงประมาณ 10 เมตรนั้น รปภ. ไม่ได้รับอันตรายแม้แต่นิดเดียว การขว้างก็ไม่ได้เห็นใครยืนอยู่จุดนั้น อันจะมองว่ากระทำไปเพราะเล็งเห็นให้จะบาดเจ็บหรือตาย การลงโทษจึงหนักเกินไป เขาทั่งสองถูกขังมา 8 ปี แล้ว รู้สึกสำนึกผิดที่ทำไปเพราะถูกหลอกให้ทำและเป็นอุดมการณ์ทางการเมืองไม่มีขบวนการเบื้องหลัง นี่จึงเป็นประเด็นเบื้องต้นที่จะต้องเสนอให้ทนายที่รับผิดชอบยื่นอุทธรณ์คำพิพากษาศาลอาญาในส่วนของจำเลยที่ 1,2 ต่อไป

โดยรายชื่อจำเลยทั้ง 14 คนประกอบด้วยนายมหาหิน ขุนทอง ,นายยุทธนา เย็นภิญโญ น.ส.ณัฏฐพัชร์ อ่อนมิ่ง, นางสาวธัชพรรณ ปกครอง, นายวิชัย อยู่สุข, นายนรภัทร เหลือผล, นายสรรเสริญ ศรีอุ่นเรือน, นายชาญวิทย์ จริยานุกูล, นางสุภาพร มิตรอารักษ์, นางวาสนา บุษดี, นายณเรศ อินทรโสภา, นายวสุ เอี่ยมละออ, นายเจษฎาพงษ์ วัฒนพรชัยสิริ, และนายสมชัย อภินันท์ถาวร

ทั้งนี้ นายมหาหิน ขุนทอง 1 ใน 2 ผู้ก่อเหตุปาระเบิดหน้าศาลอาญา ได้แถลงข่าวหลังถูกจับกุมเมื่อวันที่ 8 มีนาคม 2558 ว่า คนสั่งการเป็นผู้หญิงชื่อ เดียร์ รู้จักกันผ่านทางไลน์ และมีคนชื่อใหญ่อยู่พัทยา เอาระเบิดมาให้ ซึ่งความจริงตนไม่อยากทำ แต่ถูกข่มขู่ว่าครอบครัวจะอันตราย และหากทำสำเร็จจะได้ค่าจ้าง 2 หมื่นบาท โดยหวังให้องค์การสหประชาชาติ (ยูเอ็น) เข้ามาแทรกแซงสถานการณ์ในประเทศไทย เป้าหมายของคนบงการนั้นต้องการป่วนทั่วประเทศทุกภาค 

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

'ไอซ์ รักชนก' รอดศาลไม่เพิกถอนปล่อยตัวชั่วคราวระหว่างอุทธรณ์คดี 112

'ไอซ์ รักชนก' รอดศาลไม่เพิกถอนปล่อยชั่วคราวระหว่างอุทธรณ์คดี 112 ระบุเป็นการแสดงความเห็นทั่วไป เเต่สั่งกำชับ ปฏิบัติตามเงื่อนไขเคร่งครัด

ศาลอาญาไม่ให้ประกัน 'เมีย-ลูกหมอบุญ' เกรงยุ่งเหยิงพยานหลักฐาน

ผู้สื่อข่าวรายงานภายหลังศาลอ่านคำสั่งไต่สวนคำร้องขอปล่อยชั่วคราว ที่น.ส.จารุวรรณ วนาสิน อายุ 79 ปี และ น.ส.นลิน วนาสิน อายุ 51 ปี

ก้าวไกลแพ้! ศาลยกฟ้อง 'ณฐพร โตประยูร' แจ้งเท็จ-หมิ่น ล้มล้างการปกครอง

ศาลนัดฟังคำพิพากษาคดีดำ อ.308/2564 ที่พรรคก้าวไกล เป็นโจทก์ฟ้องนายณฐพร โตประยูร อดีตที่ปรึกษาประธานผู้ตรวจการแผ่นดินเป็นจำเลยในความผิดฐานแจ้งความเท็จ,หมิ่นประมาทฯพร้อมเรียกค่าเสียหาย 20,062,475บาท   

'แม่เสี่ยโป้' คอตกนอนคุก คดีเว็บพนัน-ฟอกเงิน หลังหลบหนีนานกว่า 3 ปี

ที่ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก พนักงานสอบสวน กก.1 กองบังคับการปราบปราม คุมตัว น.ส.บานเย็น ชาญนรา อายุ 51 ปี มารดาของนายเสี่ยโป้ อานนท์ เป็นผู้ต้องตามหมายจับศาลอาญา คดี “ร่วมกันจัดให้มีการเล่น