กลุ่มประชาชนคนไทย ร้องกมธ.สิทธิมนุษยชนฯ วุฒิสภาฯ เดินหน้าตรวจสอบความจริงปมคดี"แตงโม" หวั่นเกิดอิทธิพลเหนือกระบวนการยุติธรรม พร้อมขอให้เร่งติดตามการแก้ไขกฎหมายตำรวจ-กฎหมายนิติวิทยาศาสตร์ ให้สามารถร้องขอผ่าชันสูตรพิสูจน์ศพซ้ำ ทั้งในคดีอาญาและไม่ใช่คดีอาญาได้
28 มี.ค.2565 - ที่รัฐสภา กลุ่มประชาชนคนไทย (ปท.) นำโดย นายนิติธร ล้ำเหลือ และนายพิชิต ชัยมงคล พร้อมคณะ เข้ายื่นหนังสือต่อ นายสมชาย แสวงการ ประธานคณะกรรมาธิการสิทธิมนุษยชน สิทธิเสรีภาพ และการคุ้มครองผู้บริโภค วุฒิสภา เพื่อขอให้ช่วยพิจารณาสอบสวนหาข้อเท็จจริงต่อกรณีการเสียชีวิตของนางสาวภัทรธิดา พัชรวีระพงษ์ หรือ แตงโม นิดา รวมทั้งเรียกให้บุคคลใดๆมาให้ข้อเท็จจริงเต็มตามอำนาจของคณะกรรมาธิการ รวมไปถึงการตรวจสอบกรณีการปฏิบัติหน้าที่ของพนักงานสืบสวนสอบสวน หรือเจ้าหน้าที่อื่นที่เกี่ยวข้อง เนื่องจากมีข้อสังเกตการเสียชีวิตที่ผิดธรรมชาติ 17 ประเด็น และเหตุผลที่มายื่นเรื่องต่อกรรมาธิการนั้นเพราะจากการติดตามข่าว ปรากฎกรณีมีการให้สัมภาษณ์ว่าการทำงานของกรรมาธิการฯเป็นการแทรกแซง ซึ่งตนมองว่าอาจเป็นการไม่รู้กฎหมาย ไม่เข้าใจระบบตรวจสอบถ่วงดุลและไม่เคยชินกับการที่จะถูกตรวจสอบ ตนจึงมายื่นเรื่องขอให้กรรมาธิการดำเนินการตามอำนาจหน้าที่อย่างเต็มที่ ซึ่งนอกจาก 17 ประเด็นดังกล่าว ก็เตรียมจะยื่นเสนอประเด็นตรวจสอบเพิ่มเติมตามมาอีก
ทั้งนี้จากประสบการณ์การทำคดีวิสามัญฆาตกรรม การซ้อมทรมานด้านสิทธิมนุษยชน ค่อนข้างมั่นใจว่าบนร่างของคุณแตงโม ดูจากสภาพด้านหน้าน่าจะมีบาดแผลด้านหลังด้วย แต่ไม่มั่นใจว่าเป็นบริเวณใด ซึ่งเป็นเรื่องที่พนักงานสืบสวนสอบสวนสามารถเปิดเผยให้ประชาชนทราบได้ ไม่มีผลเป็นการเปลี่ยนแปลงต่อคดีใดๆแต่จะทำให้ประชาชนติดตามคดีได้และสามารถช่วยหาร่องรอยของเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น การดำเนินการทุกอย่างไม่จำเป็นจะต้องเป็นความลับทุกอย่าง อีกทั้งการที่กรรมาธิการลงพื้นที่ตรวจสอบเรือที่เกิดเหตุก็จำเป็นจะต้องตรวจสอบได้อย่างใกล้ชิด และตำรวจต้องทำให้อย่างโปร่งใส เพราะสังคมเองยังคาใจอยู่หลายเรื่อง และอยากให้กรรมาธิการได้เชิญผู้เชี่ยวชาญเข้ามาเป็นคณะทำงาน เพราะการอาศัยแพทย์เพียงอย่างเดียวอาจตอบคำถามได้ไม่หมดโดยเฉพาะเรื่องเรือที่ต้องอาศัยผู้ชำนาญการ
นอกจากนี้ กลุ่มประชาชนคนไทยยังขอให้กมธ.ได้เร่งติดตามการแก้ไขพระราชบัญญัติตำรวจแห่งชาติ และการแก้ไขพระราชบัญญัติการให้บริการด้านนิติวิทยาศาสตร์ พ.ศ.2559 เพื่อนำไปสู่การปฏิรูปกระบวนการยุติธรรมอย่างแท้จริง อาทิ การสามารถร้องขอให้ผ่านชันสูตรซ้ำเพื่อสร้างความเป็นธรรมให้กับผู้ตายทั้งคดีอาญาหรือไม่ใช่คดีอาญาได้ การยกเลิกขั้นตอนการผ่านความเห็นชอบจากคณะกรรมการกำกับการให้บริการด้านนิติวิทยาศาสตร์ เพราะการชันสูตรศพทุกครั้งไม่จำเป็นต้องเป็นคดีอาญาทุกราย ขณะเดียวกันการรายงานผลการผ่าชันสูตรซ้ำ ไม่ควรให้โทษกับพนักงานสอบสวนที่ถือเป็นความผิดหากไม่ปรากฏในสำนวนคดี เพระบางครั้งอาจไม่ใช่กรณีที่พนักงานสอบสวนร้องขอให้ผ่าชันสูตรซ้ำก็ได้
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
'อนุทิน' บอกดีเอสไอไม่ใช่เครื่องมือการเมือง เชื่อขรก.ประจำไม่ทำตามคำสั่งผิดกฎหมาย
นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรมว.มหาดไทย กล่าวถึงกรณีคณะกรรมการคดีพิเศษ รับพิจารณาคดีฮั้วเลือกตั้งสมาชิกวุฒิสภาเป็นคดีพิเศษ ฐานความผิดฟอกเงิน ซึ่งถูกหลายฝ่ายมองเป็นการใช้หน่วยงานของรัฐเป็นเครื่องมือทางการเมือง
'สว.สรชาติ' ลั่นไม่ผิดฟอกเงิน-ไม่มีฮั้ว เชื่อดีเอสไอจะยุติสอบเพราะไร้หลักฐาน
นายสรชาติ วิชย สุวรรณพรหม สว.ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่คณะกรรมการสอบสวนคดีพิเศษ(กคพ.)รับคดีฮั้วเลือกสว.ฐานความผิดฟอกเงิน ไว้พิจารณา ว่า ประเด็นฟอกเงินเป็นอำนาจของกรมสอบสวนคดีพิเศษ(ดีเอสไอ)ซึ่งตามกรอบคือ
'ภูมิธรรม' แจงไม่ได้ตอบโต้ใคร หลังโพสต์เฟซบุ๊กร่ายยาว คดีฮั้วเลือก สว. ลั่นไม่ใช้การเมืองทำร้ายกัน
นายภูมิธรรม เวชชัย รองนายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม กล่าวถึงการออกมาโพสต์ ใน Facebook ส่วนตัว ถึง การทำหน้าที่คณะกรรมการประธานคณะกรรมการคดีพิเศษ (กพค.)
ตั้ง 'คดีฮั้ว สว.' แค่ฟอกเงิน ชี้ชัดดีลการเมือง 'เสือสองตัวอยู่ถ้ำเดียวกัน'
'รังสิมันต์' ซัดประหลาด 'กคพ.' ตั้งคดีฮั้ว สว. แค่ฟอกเงิน ทำไมไม่ตั้งต้นที่อั้งยี่ซ่องโจร ชี้ชัดดีลการเมือง 'เสือสองตัวอยู่ถ้ำเดียวกัน' ข้องใจ กกต. ดึงคดีอืด
ปิดดีล 'ฮั้วเลือก สว.' เกมวิน-วินของ 'สีน้ำเงิน-แดง' กับชะตากรรมอธิบดี DSI
เมื่อคณะกรรมการคดีพิเศษ (กคพ.) หรือ "บอร์ดคดีพิเศษ" มีมติให้คดีฮั้วเลือก สว. ปี 2567 เข้าสู่การสอบสวนในฐานะคดีพิเศษ โดยเฉพาะประเด็นการฟอกเงิน ซึ่งเป็นอำนาจของดีเอสไอ (DSI) โดยไม่ต้องขอมติจากบอร์ดคดีพิเศษอยู่แล้วนั้น
'ฮั้ว สว.' ไหนเลยจะสู้ 'ฮั้ว 2 สี' คดีฟอกเงินแค่ตัวประกันการเมือง
นายเทพไท เสนพงศ์ อดีต สส.นครศรีธรรมราช โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กว่า ฮั้ว สว. หรือจะสู้ ฮั้ว 2 สี