ศาลฎีกานัดฟังคำสั่ง 'เสก โลโซ' ยื่นคำร้องขอแก้ไขคดีเสพยา 23 มี.ค.นี้

ลุ้น! ศาลฎีกานัดฟังคำสั่งคดี เสพไอซ์ร็อกเกอร์ดัง เสก โลโซ พกอาวุธปืน-เสพยา ปีใหม่ปี61 หลังยื่นคำร้องขอแก้ไขฎีกาช่วงปีใหม่ คดีปืนจบที่ศาลอุทธรณ์จำคุกเเน่เเล้ว

เมื่อวันที่ 22 มีนาคม 65 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในวันพรุ่งนี้(23 มี.ค.)ที่ศาลอาญามีนบุรี ถนนสีหบุรานุกิจ ศาลนัดฟังคำสั่งศาลฎีกาคดีหมายเลขดำที่ อ 1662/2561 คดีหมายเลขแดงที่ อ 8288/2561 ที่พนักงานอัยการยื่นฟ้อง นายเสกสรรค์ ศุขพิมาย หรือเสก โลโซ ร็อกเกอร์ชื่อดัง อายุ 47 ปี เป็นจำเลยในความผิดฐานมีอาวุธปืนพกออโตเมติก ซึ่งมีทะเบียนพร้อมกระสุนปืนและต่อสู้ หรือขัดขวางเจ้าพนักงานในการปฏิบัติการตามหน้าที่ โดยมีหรือใช้อาวุธปืนและเสพยาเสพติดให้โทษในประเภท 1 เหตุเกิดเมื่อคืนวันที่ 31 ธ.ค.61

โดยก่อนหน้านี้เมื่อวันที่ 28 ธันวาคม 2564 นายเสกสรรค์ เคยยื่นคำร้องขออนุญาตฎีกาคำร้อง 4 ฉบับดังนี้ 1. คำร้องขอแก้ไขเพิ่มเติมคำร้องขอให้ศาลมีคำสั่งอนุญาตให้จำเลยฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงฉบับลงวันที่ 5 พฤศจิกายน 2563

2. คำร้องขอแก้ไขเพิ่มเติมคำร้องขอให้ศาลฎีกาอนุญาตให้จำเลยฎีกาฉบับลงวันที่ 5 พฤศจิกายน 2563

3. คำร้องขอแก้ไขเพิ่มเติมฎีกาของจำเลยฉบับลงวันที่ 5 พฤศจิกายน 2563

4. คำร้องขอแก้ไขเพิ่มเติมอุทธรณ์คำสั่งไม่รับฎีกาของจำเลยฉบับลงวันที่ 9 เมษายน 2564

โดยศาลอาญามีนบุรีพิจารณาคำร้องทั้ง 4 ฉบับแล้วเห็นว่าคำร้องฉบับที่ 1 เนื่องจากผู้พิพากษาซึ่งพิจารณาหรือลงชื่อในคำพิพากษาศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์พิจารณาและมีคำสั่งไม่อนุญาตให้ฎีกาแล้ว จำเลยจึงไม่มีสิทธิยื่นคำร้องขอแก้ไขเพิ่มเติมคำร้องอีกให้ยกคำร้อง

ส่วนคำร้องฉบับที่ 2 ถึงที่ 4 นั้นเป็นคำร้องที่อยู่ในอำนาจของศาลฎีกาที่จะเป็นผู้พิจารณาและมีคำสั่งจึงให้งดอ่านคำสั่งศาลฎีกาและส่งคำร้องพร้อมสำนวนและซองคำสั่งไปยังศาลฎีกาเพื่อพิจารณาต่อไปโดยให้นัดฟังคำสั่งศาลฎีกาในวันที่ 23 มี.ค. เวลา 09.00 น.

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าคดีนี้ศาลชั้นต้นพิพากษาเมื่อวันที่ 25 ต.ค. 2561 พิพากษาว่าการกระทำของจำเลยเป็นความผิดทั้ง 3 ข้อหา ให้จำคุกตาม พ.ร.บ.อาวุธปืนฯ 1 ปี รับสารภาพลดโทษเหลือ 6 เดือน, ฐานต่อสู้ขัดขวางเจ้าพนักงานที่ปฏิบัติหน้าที่โดยขู่เข็ญว่าจะประทุษร้ายโดยมีอาวุธปืน ให้จำคุก 1 ปี 6 เดือน และฐานเสพยาเสพติด จำคุกอีก 6 เดือนรวมจำคุก 1 ปี 18 เดือน และให้บวกโทษของศาลอาญาคดีทำร้ายร่างกายสาวคนสนิทภรรยาอีก 1 ปี 3 เดือน รวมจำคุกจำเลยทั้งสิ้น 2 ปี 21 เดือน โดยไม่รอการลงโทษ แม้ว่าจำเลยอ้างป่วยเป็นโรคไบโพลาร์ขณะกระทำผิด เนื่องจากเห็นว่าจากพฤติการณ์การสื่อสารกับเจ้าหน้าที่พบว่าจำเลยรู้ผิดชอบดี จึงไม่อาจอ้างภาวะป่วยดังกล่าวได้ การกระทำของจำเลยนั้นไม่เกรงกลัวต่อกฎหมาย และให้นับโทษจำเลยต่อจากคดี พ.ร.บ.อาวุธปืนฯ ของศาลจังหวัดนครศรีธรรมราชด้วย

ต่อมาเมื่อวันที่ 7 พ.ค. 2563 ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า ฐานมีอาวุธปืนซึ่งเป็นของผู้อื่นที่ได้รับใบอนุญาตให้มีและใช้ตามกฎหมายและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับใบอนุญาต จำคุก 5 เดือน ลดโทษให้กึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจำคุก 3 เดือน เมื่อรวมกับโทษฐานอื่นตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นเป็นจำคุก 1 ปี 15 เดือน บวกโทษจำคุก 1 ปี 3 เดือน ที่รอการลงโทษไว้ในคดีอาญาหมายเลขแดง ที่ อ.3705/2559 ของศาลอาญาเข้ากับโทษของจำเลยในคดีนี้ เป็นจำคุก 2 ปี 18 เดือน โดยไม่รอลงอาญา ยกคำขอให้นับโทษต่อ นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น

ซึ่งโทษดังกล่าวเป็นกรณีที่ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ไขเล็กน้อยและให้ลงโทษจำคุกจำเลยไม่เกิน 5 ปีต้องห้ามมิให้คู่ความฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 218 วรรคหนึ่ง แต่คู่ความสามารถฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงได้หากผู้พิพากษาคนใดซึ่งพิจารณาหรือลงชื่อในคำพิพากษาในศาลชั้นต้นหรือศาลอุทธรณ์เห็นว่าข้อความที่ตัดสินนั้นเป็นปัญหาสำคัญอันควรสู่ศาลสูงสุดและอนุญาตให้ฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 221 เมื่อจำเลยฎีกาพร้อมกับยื่นคำร้องขอให้ผู้พิพากษาซึ่งพิจารณาหรือลงชื่อในคำพิพากษาอนุญาตให้ฎีกา ศาลอาญามีนบุรีดำเนินการส่งสำนวนให้ผู้พิพากษาซึ่งพิจารณาหรือลงชื่อในคำพิพากษาเพื่อพิจารณาอนุญาตให้จำเลยฎีกาแล้ว ปรากฏว่าผู้พิพากษาทั้งหมดพิเคราะห์แล้วเห็นว่าข้อความที่ตัดสินไม่เป็นปัญหาสำคัญอันควรสู่ศาลสูงสุดจึงไม่อนุญาตให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง ศาลอาญามีนบุรีจึงอ่านคำสั่งไม่อนุญาตให้ฎีกาให้จำเลยฟังและมีคำสั่งไม่รับฎีกาของจำเลยสำหรับคดีนี้ข้อหามีอาวุธปืนซึ่งเป็นของผู้อื่นที่ได้รับใบอนุญาตให้มีและใช้และมีเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับใบอนุญาต และข้อต่อสู้ขัดขวางเจ้าพนักงานในการปฏิบัติการตามหน้าที่โดยมีและใช้อาวุธปืนจึงถึงที่สุดตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์

ส่วนข้อหายาเสพติดให้โทษในประเภท 1 พระราชบัญญัติวิธีพิจารณาคดียาเสพติด พ.ศ.2550 มาตรา 18 วรรคหนึ่งบัญญัติให้คำพิพากษาศาลอุทธรณ์เฉพาะการกระทำซึ่งเป็นความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดให้เป็นที่สุด แต่คู่ความอาจยื่นคำขอโดยทำเป็นคำร้องไปพร้อมกับฎีกาต่อศาลฎีกาเพื่อพิจารณาและมีคำสั่งอนุญาตหรือไม่อนุญาตให้ฎีกาต่อไปตามพระราชบัญญัติวิธีพิจารณาคดียาเสพติด พ.ศ.2550 มาตรา 19 ได้ซึ่งศาลอาญามีนบุรีได้ดำเนินการส่งคำร้องพร้อมฎีกาให้ศาลฎีกาพิจารณาต่อไป ซึ่งที่ผ่านมาจำเลยได้รับการปล่อยชั่วคราวระหว่างฎีกา โดยศาลตีราคาประกัน600,000 บาท.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ศาลฎีกานักการเมือง ยกฟ้อง 'กิตติรัตน์' ไม่ผิดระบายข้าวเอื้อบริษัทเอกชน

ศาลฎีกาเเผนกคดีอาญาผู้ดำรงตำเเหน่งทางการเมือง ศาลอ่านคำพิพากษา ในคดี อม.17/2565 ที่อัยการสูงสุด เป็นโจทก์ ยื่นฟ้อง นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง จำเลย ความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการ (กรณี ป.ป.ช.ชี้มูลความผิด

องค์คณะวินิจฉัยอุทธรณ์ ยืนคุก 6 ปี 'อนุรักษ์' อดีต สส.เพื่อไทย เรียกเงินกรมน้ำบาดาล

ศาลฎีกา อ่านคำพิพากษาคดีหมายเลขแดงที่ อม.อธ.5/2567ที่อัยการสูงสุดยื่นฟ้องนายอนุรักษ์ ตั้งปณิธานนท์ อดีต ส.ส.มุกดาหาร พรรคเพื่อไทย จำเลย ความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการ (คดีเรียกร้บสินบน 5 ล้านบาทจากอดีต อธ.กรมทรัพยากรน้ำบาดาล)

'สมชาย' ไล่บี้ กกต. นับคะแนนใหม่ชุดบล็อกโหวต จับแก๊งฮั้วเลือก สว.

นายสมชาย แสวงการ สมาชิกวุฒิสภา (สว.) ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการสิทธิมนุษยชน สิทธิเสรีภาพ และการคุ้มครองผู้บริโภค วุฒิสภา โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กว่า