นพ.จเด็จ ธรรมธัชอารี เลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) กล่าวยอมรับว่า จากจำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 รายใหม่ที่เพิ่มสูงขึ้น โดยล่าสุดวันนี้ (23 ก.พ.) มีจำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 จำนวน 21,232 ราย ทำให้มีผู้ที่ต้องเข้าสู่ระบบการดูแลผู้ติดเชื้อที่บ้าน หรือ Home Isolation (HI) พุ่งสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว และส่งผลให้ปริมาณสายประชาชนที่โทรเข้ามาที่สายด่วน สปสช.1330 เพิ่มขึ้นตามไปด้วย โดยตั้งแต่วันที่ 15 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมาสายประชาชนที่โทรเข้ามามีจำนวนทะลุกว่า 20,000 รายแล้ว และได้เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยยอดเมื่อวานนี้ (22 ก.พ.) อยู่ที่จำนวน 46,375 ราย สูงสุดคือเมื่อวันที่ 21 ก.พ. อยู่ที่จำนวน 49,005 สาย ขณะที่จำนวนผู้รับสาย รวมเจ้าหน้าที่สายด่วน สปสช. จิตอาสา และหน่วยงานต่างๆ ที่มาร่วมรับสายมีประมาณ 300 คน สามารถรับสายได้เพียงจำนวน 15,157 สาย และเจ้าหน้าที่ได้ติดต่อกลับอีกจำนวน 3,480 สาย รวมเป็นสายที่ สปสช. ได้ดำเนินการตอบรับจำนวน 18,637 สาย
ขณะที่การให้บริการของสายด่วน สปสช.1330 ทางช่องทางอื่นๆ ทั้ง line @nhso, line สปสช.โควิด, FB. สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ และ email 1330 เป็นต้น ตั้งแต่วันที่ 1 -21 กุมภาพันธ์ มีจำนวนประชาชนที่ติดต่อมาทั้งหมด 72,256 ราย ในจำนวนนี้ติดต่อกลับและได้รับบริการแล้วจำนวน 52,760 ราย หรือคิดเป็นร้อยละ 75.98
นพ.จเด็จ กล่าวว่า อย่างไรก็ตามด้วยสถานการณ์วิกฤตที่เกิดขึ้นที่ผ่านมา สปสช. ไม่ได้นิ่งนอนใจแต่อย่างใด ได้พยายามแก้ไขปัญหาเพื่อเร่งให้การช่วยเหลือประชาชนโดยเร็ว โดยมีการสั่งระดมเจ้าหน้าที่ สปสช. ทั้งหมด ทั้งจากส่วนกลางและจาก 13 เขตพื้นที่ ให้มาร่วมรับสายและติดต่อประชาชนทางช่องทางต่างๆ เพื่อให้ทุกสายของประชาชนได้รับการดูแลเร็วที่สุด พร้อมกันนี้ขอเชิญชวนหน่วยงานองค์การทั้งภาครัฐและเอกชนที่ให้บริการสายด่วนต่างๆ ร่วมส่งเจ้าหน้าที่มาร่วมเป็นจิตอาสาเพื่อรับสายด่วน สปสช.1330
“สปสช.ขอยอมรับปัญหาที่เกิดขึ้น ด้วยสถานการณ์จำนวนผู้ติดเชื้อโควิดที่พุ่งขึ้นอย่างรวดเร็วที่นับเป็นภาวะวิกฤต ประกอบกับความเชื่อมั่นของประชาชนที่มีต่อบริการสายด่วน สปสช.1330 ทำให้มีจำนวนสายของประชาชนที่เข้ามาเพิ่มสูงขึ้น นอกจากนี้ยังมีจำนวนสายของผู้ป่วยโควิด-19 ส่วนหนึ่งที่เข้าสู่ระบบการรักษาที่บ้านแล้ว แต่ยังไม่ได้รับการติดต่อจากหน่วยบริการก็โทรกลับมาที่ สปสช. อีก ส่งผลให้ยอดจำนวนการโทรพุ่งสูงแบบก้าวกระโดด ซึ่ง สปสช.จะเร่งดำเนินการเพื่อแก้ไขโดยเร็วที่สุด พร้อมขอความร่วมมือจากหน่วยบริการให้รีบติดต่อผู้ป่วยที่ได้รับการจับคู่ในระบบการรักษาที่บ้านโดยเร็ว เพื่อให้ประชาชนได้รับการดูแล”เลขาธิการ สปสช. กล่าว
นพ.จเด็จ กล่าวต่อว่า ในกรณีของประชาชนที่โทรสายด่วน สปสช. 1330 ไม่ได้นั้น แนะนำว่ายังมีช่องทางที่สามารถลงทะเบียนเข้าสู่ระบบการรักษาที่บ้านได้ คือ ไลน์ออฟฟิเชียล สปสช. @nhso หรือคลิก https://lin.ee/zzn3pU6 และลงทะเบียนด้วยตัวเองด้วยการสแกน QR code ที่อยู่บนเว็บไซต์ สปสช. หรือคลิกที่ลิงค์ https://crmsup.nhso.go.th/#TicketHI ซึ่งขอให้ประชาชนเลือกใช้ช่องทางนี้ซึ่งจะได้รับการตอบรับและดำเนินการเข้าสู่ระบบการรักษาที่บ้านเช่นกัน
ทั้งนี้ จำนวนสายประชาชนี่โทรสายด่วน สปสช.1330 ตั้งแต่วันที่ 15-22 กุมภาพันธ์ 2564 มีจำนวน 21,634 สาย, 23,101 สาย, 26,921 สาย, 33,352 สาย, 27,190 สาย, 28,539 สาย, 49,005 สาย และ 46,375 สาย (ตามลำดับ) โดยเจ้าหน้าที่สามารถรับสายจำนวน 13,737 สาย, 14,220 สาย, 13,963 สาย, 15,703 สาย, 8,061 สาย, 7,699 สาย, 15,157 สาย และ 15,428 สาย (ตามลำดับ)
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
รัฐบาลตีปี๊บ ปชช. ปลื้ม '30 บาท รักษาทุกที่' รับบริการร้านยาชุมชนอบอุ่น
ายคารม พลพรกลาง รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า “นโยบาย 30 บาทรักษาทุกที่” บริการที่ “ร้านยาคุณภาพ”