![](https://storage-wp.thaipost.net/2022/02/op988rwq3lwgc8sgoo.jpg)
22ก.พ.65- นพ.โสภณ เมฆธน ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงสาธารณสุข(สธ.) ในฐานะประธานคณะอนุกรรมการอำนวยการบริหารจัดการการให้วัคซีนโควิด 19 กล่าวว่า ขณะนี้สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด 19 ในประเทศไทยมีแนวโน้มเพิ่มมากขึ้น สธ.จึงพัฒนาฟังก์ชันการประเมินความเสี่ยงด้วยตนเองสำหรับผู้ติดเชื้อโควิด 19 (Self-assessment) บนระบบ “หมอพร้อม Chatbot” เพื่อเป็นอีกหนึ่งเครื่องมือที่จะช่วยคัดกรองผู้ที่มีผลการตรวจโควิด 19 เป็นบวก ให้ได้รับคำแนะนำในการเข้ารับการรักษาพยาบาลเบื้องต้นได้ โดยการประเมินดังกล่าวจะแบ่งเป็น 2 ส่วน ได้แก่ 1.การประเมินตนเองเพื่อคัดกรองภาวะวิกฤต และ 2.การประเมินตนเองเพื่อคัดกรองความเร่งด่วน ทั้งนี้ เมื่อผู้ติดเชื้อทำแบบประเมินความเสี่ยง บน “หมอพร้อม Chatbot” ระบบจะวิเคราะห์ข้อมูลสุขภาพพื้นฐานของผู้ติดเชื้อ อาการและความพร้อมในการรักษาตัวที่บ้าน ซึ่งอ้างอิงจากผลการศึกษาทางวิชาการของกรมการแพทย์ โดยสามารถประเมินให้ตนเองหรือบุคคลในครอบครัวที่ติดเชื้อได้ โดยเครื่องมือการประเมินมีค่าความแม่นยำร้อยละ 85
“ผลจากการประเมินเป็นการให้คำแนะนำในเบื้องต้น ไม่ใช่การวินิจฉัยทางการแพทย์ หากประชาชนที่ติดเชื้อโควิด 19 มีอาการรุนแรงขอให้เข้ารับการรักษาโดยเร่งด่วน และหากมีอาการนอกเหนือจากที่แบบประเมินกำหนด หรือมีข้อสงสัยเพิ่มเติมสามารถปรึกษาสถานพยาบาลใกล้บ้านได้ สำหรับช่องทางการประเมินความเสี่ยงบนหมอพร้อม Chatbot สามารถใช้งานได้แล้ววันนี้ ทั้ง LINE Official Account , แอปพลิเคชัน และช่องทางแชทบน Facebook Page ของหมอพร้อม” นพ.โสภณกล่าว
![](https://storage-wp.thaipost.net/2022/02/messageImage_1645499116735.jpg)
ด้าน นพ.สมศักดิ์ อรรฆศิลป์ อธิบดีกรมการแพทย์ กล่าวว่า ตามระบบการรักษา หากติดเชื้อโควิด 19 กลุ่มสีเขียว คือ ไม่มีอาการหรืออาการเล็กน้อย จะเน้นการดูแลรักษาที่บ้านและชุมชนเป็นลำดับแรก (HI/CI First) ซึ่งจะได้รับการติดตามอาการทุกวันจากบุคลากรทางการแพทย์ หากมีอาการเปลี่ยนแปลงจะได้รับการส่งต่อเข้ารักษาในโรงพยาบาลตามระบบ ทั้งนี้ แบบประเมินความเสี่ยงด้วยตนเองสำหรับผู้ติดเชื้อผ่านระบบหมอพร้อม Chatbot จะเป็นอีกช่องทางและเครื่องมือในการช่วยประเมินอาการตนเองเพื่อรับคำแนะนำการเข้ารับการดูแลรักษาเบื้องต้น โดยหมอพร้อม Chatbot จะมีเมนู “ติดโควิด คลิกที่นี่” จากนั้นระบบจะถามคำถามเพื่อประเมินและคัดกรองภาวะวิกฤต ได้แก่ 1.มีปัญหาการหายใจ เช่น หายใจไม่ทัน หายใจเหนื่อยจนซี่โครงบาน หายใจเร็วกว่า 20 ครั้งต่อนาที หายใจมีเสียงดัง 2.อาการซึมลง ไม่รู้สึกตัว 3.อาการตัวซีด เย็น และ 4.อาการเหงื่อท่วมตัว หากมีอาการจะแนะนำว่าเป็นผู้ป่วยฉุกเฉินให้ติดต่อ 1669 เพื่อเรียกรถพยาบาลหรือเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาล
หากไม่มีอาการดังกล่าวจะแนะนำให้ทำแบบประเมินคัดกรองความเสี่ยงต่ออาการรุนแรง ซึ่งจะมีการสอบถามช่วงอายุ น้ำหนัก ส่วนสูง โรคประจำตัว สอบถามอาการ เช่น ไอ เจ็บคอ ไข้มากกว่า 39 องศาเซลเซียส ปวดกล้ามเนื้อ ปวดศีรษะ หายใจลำบาก/ไม่อิ่ม จมูกไม่ได้กลิ่น ท้องเสีย และคลื่นไส้อาเจียน รวมถึงสอบถามว่าเป็นกลุ่มเปราะบางหรือไม่ เช่น ตั้งครรภ์ มีภาวะติดเตียง ประวัติโรคจิตเวช ซึ่งต้องการการดูแลอย่างใกล้ชิด มีความพิการและไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้ จากนั้นระบบจะนำคำตอบทั้งหมดมาประเมินและให้คำแนะนำเบื้องต้น เช่น หากแนะนำการดูแลที่บ้าน จะระบุช่องทางติดต่อ 1330 รวมถึงให้คู่มือแนวทางการกักตัวที่บ้าน เป็นต้น
![](https://storage-wp.thaipost.net/2022/02/232670.jpg)
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
สธ. มอบรางวัลสุดยอดแห่งปี “อย. ควอลิตี้ อวอร์ด ปีที่ 16” ให้สถานประกอบการดีเด่นและผลิตภัณฑ์สุขภาพดีเด่น 177 รางวัล
กระทรวงสาธารณสุข โดยสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) จัดพิธีมอบรางวัลสุดยอดแห่งปี “อย. ควอลิตี้ อวอร์ด” ปีที่ 16 ส่งเสริมสถานประกอบการยึดมั่นในการผลิตผลิตภัณฑ์สุขภาพที่มีคุณภาพ
สธ.แนะนำ กดจุดบรรเทาอาการ ‘จาม-ไอ-คัดจมูก’ จากโรคภูมิแพ้
แนะนำ 4 จุดช่วยบรรเทาอาการภูมิแพ้ จุดที่ช่วยรักษาและป้องกันอาการจาม ไอ หรือ คัดจมูกจากโรคภูมิแพ้ได้
โควิด-19 รายสัปดาห์ ป่วยนอนโรงพยาบาลทะลุหลักพัน เสียชีวิต 3 ราย
ศูนย์ข้อมูล COVID-19 รายงานเกาะติดยอดผู้ติดเชื้อโควิด-19 รายสัปดาห์ ระหว่างวันที่ 14 - 20 กรกฎาคม 2567
ไทยติดโควิดใหม่รอบสัปดาห์ 1,377 ราย ดับเพิ่ม 11 คน
กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข รายงานสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 รายสัปดาห์ว่า ระหว่างวันที่ 30 มิ.ย. - 6 ก.ค. 2567 มีผู้ติดเชื้อรายใหม่
‘หมอมนูญ’ เผยข้อมูลระบาดวิทยา พบ ‘โควิด-ไข้หวัดใหญ่’ ยังแพร่เชื้อต่อเนื่อง
การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 และไข้หวัดใหญ่ยังมีต่อเนื่อง ไวรัสไข้หวัดใหญ่กำลังพุ่งสูงขึ้นตามฤดูกาล เข้าฤดูฝนแล้ว เชื้อไวรัสทางเดินหายใจทุกชนิดจะกลับมาระบาดหนักอีก