คณะอนุกรรมการสร้างเสริมภูมิคุ้มกันโรค มีมติให้ฉีดไฟเซอร์เข็ม 2 ในเด็กผู้ชายอายุ 12-16 ปี ขึ้นอยู่กับความสมัครใจ ชวนหญิงตั้งครรภ์เข้าฉีดวัคซีน ทั่วโลกพบโควิดทำแม่เสียชีวิตสูงขึ้น
21 ต.ค.2564 - นางสาวรัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า เด็กชายอายุ 12 – 16 ปี สามารถฉีดวัคซีน ไฟเซอร์ + ไฟเซอร์ ได้ หลังคณะอนุกรรมการสร้างเสริมภูมิคุ้มกันโรค มีมติให้สามารถฉีดวัคซีนไฟเซอร์เข็ม 2 ในเด็กชายอายุ 12 – 16 ปี โดยเป็นไปตามความสมัครใจและความประสงค์ของผู้ปกครองและเด็กนักเรียน ทั่วโลกมีการฉีดให้เด็กแล้วกว่า 100 ล้านโดส ส่วนข้อกังวลเรื่องอาการกล้ามเนื้อหัวใจอักเสบนั้น ทางคณะอนุกรรมการฯ ชี้แจงว่า เกิดขึ้นได้น้อยมาก และรักษาหายได้เร็ว โดยมีข้อสรุป 3R ได้แก่
1. Real กล้ามเนื้อหัวใจอักเสบเกิดขึ้นจริง ส่วนมากเกิดในเข็มที่ 2 ในเด็กผู้ชายอายุ 12 - 16 ปี
2. Rare เกิดขึ้นได้น้อยมาก ในระดับไม่กี่รายต่อล้านคน พบมากสุดประมาณ 6 ในแสนคน ซึ่งน้อยกว่าโรคโควิด-19 ในเด็กที่ทำให้เกิดการอักเสบทั่วร่างกาย (MIS-C) รวมถึงกล้ามเนื้อหัวใจอักเสบ
3. Recovery ภาวะกล้ามเนื้อหัวใจอักเสบที่มีอาการเจ็บแน่นหน้าอก เหนื่อยง่าย ไม่รุนแรงและสามารถหายได้เอง มีจำนวนน้อยรายที่อาการรุนแรงจนต้องเข้าโรงพยาบาล และทั่วโลกรายงานพบผู้เสียชีวิตที่เกี่ยวกับวัคซีน 1 ราย ขณะที่มีการฟื้นตัวรวดเร็วมากถึง 90%
ทั้งนี้ รัฐบาลโดยกระทรวงสาธารณสุข จะติดตามอาการหลังฉีดอย่างใกล้ชิด พร้อมทั้งจะมีการประชาสัมพันธ์ข้อมูลที่ถูกต้องเพื่อสร้างความเข้าใจแก่เด็กและผู้ปกครองอีกด้วย โดยปัจจุบันมีการฉีดวัคซีนไฟเซอร์ที่เข็มที่ 1 ให้กับเด็กนักเรียนอายุ 12 – 18 ปี แล้ว จำนวน 1,325,527 คน (ข้อมูล ณ วันที่ 19 ตุลาคม 2564) เพื่อเตรียมความพร้อมสำหรับการเปิดภาคเรียนที่ 2/2564 ในรูปแบบ On-Site
รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ยังกล่าวอีกว่า ขณะเดียวกัน กระทรวงสาธารณสุขและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องยังเร่งเดินหน้าระดมฉีดวัคซีนให้กับกลุ่มหญิงตั้งครรภ์ ที่มีอายุครรภ์ตั้งแต่ 12 สัปดาห์ขึ้นไป ในสถานพยาบาลของรัฐในพื้นที่ต่าง ๆ หรือคลินิกฝากครรภ์เพื่ออำนวยความสะดวก ปัจจุบันมีหญิงตั้งครรภ์เข้ารับการฉีดวัคซีนเพียง 75,000 ราย จากเป้าหมาย 300,000 ราย
“ตัวเลขจากกระทรวงสาธารณสุขรายงานว่า หญิงตั้งครรภ์ที่ติดเชื้อโควิด-19 ประมาณ 95% ไม่ได้รับวัคซีน เป็นสาเหตุทำให้มีอาการรุนแรงและเสียชีวิต ขณะที่ทั่วโลกมีหญิงตั้งครรภ์ติดเชื้อโควิดมีสัดส่วนการเสียชีวิตที่สูงขึ้นกว่าภาวะปกติถึง 50-60% และเป็นสาเหตุการเสียชีวิตอันดับ 1 ในหลายประเทศ จึงขอเชิญชวนให้หญิงตั้งครรภ์ที่มีอายุครรภ์ 12 สัปดาห์ขึ้นไปเข้ารับการฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 เพื่อป้องกันอาการรุนแรงและการเสียชีวิตจากการติดเชื้อ ยืนยันว่าการฉีดวัคซีนทุกชนิดมีความปลอดภัยแก่แม่และเด็กในครรภ์ รวมทั้งสามารถส่งต่อภูมิคุ้มกันให้กับทารกในครรภ์ และการให้นมบุตรอีกด้วย” นางสาวรัชดา กล่าว
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
สถาบันวัคซีนแห่งชาติ ชี้แจงข้อเท็จจริง 'ลิ่มเลือดสีขาว' ไม่เกี่ยวฉีดวัคซีนโควิด
สถาบันวัคซีนแห่งชาติ ชี้แจงข้อเท็จจริง เรื่อง ลิ่มเลือดสีขาว (White clot) และวัคซีนโควิด 19 ชนิด mRNA จากกรณีที่มีการเผยแพร่และส่งต่อข้อมูลเกี่ยวกับการพบสิ่งแปลกปลอมซึ่งมีลักษณะเป็นลิ่มเลือดสีขาว (White clot) ในหลอดเลือดผู้เสียชีวิตที่ได้รับการฉีดวัคซีนโควิด 19
'หมอยง' ไขข้อข้องใจ 'วัคซีนโควิด' กับผลได้ผลเสีย
ศ.นพ.ยง ภู่วรวรรณ หัวหน้าศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านไวรัสวิทยาคลินิก ภาควิชากุมารเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กว่า โควิด 19 วัคซีนโควิด 19
โควิดยังไม่แผ่ว! 'กลุ่มเสี่ยง' ยังต้องฉีดวัคซีนกระตุ้นภูมิฯ
โควิดยังอยู่ แพทย์ชี้กลุ่มเสี่ยงยังต้องฉีดวัคซีนโควิด เน้นฉีดกระตุ้นภูมิฯ โดยสามารถฉีดฟรีได้ที่โรงพยาบาลตามสิทธิการรักษา