วอนฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้น เผยตัวเลขน้อยแค่ 14 % เตือนอย่าประมาท 'โอมิครอน'

17 ม.ค.2565 - เมื่อเวลา 12.30 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล พญ.อภิสมัย ศรีรังสรรค์ ผู้ช่วยโฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือ ศบค. แถลงสถานการณ์การแพร่ระบาดในประเทศไทยว่า ช่วงนี้กระทรวงสาธารณสุขเน้นย้ำให้ฉีดวัคซีนกระตุ้นเข็มสาม โดยเมื่อวันที่ 16 ม.ค.ที่ผ่านมามีการฉีดวัคซีนทั้งประเทศ 172,437 โดส ยอดฉีดวัคซีนสะสมตั้งแต่วันที่ 28 ก.พ.64 แล้วทั้งสิ้น 109,542,145 โดส สำหรับจำนวนผู้ได้รับวัคซีนเข็มที่สาม โดยรวมทั้งประเทศตัวเลขอยู่ที่ 14.1% เท่านั้น ถือว่ายังน้อยมาก และเป็นผู้สูงอายุเกิน 60 ปี เพียง 13.8% เท่านั้น ถือว่าน้อย รวมทั้งผู้มีโรคประจำตัว 7 กลุ่มโรค เข็มสาม อยู่ที่ 16.1%

ดังนั้น นโยบายการบริหารวัคซีนเข็มกระตุ้นของกระทรวงสาธารณสุขในช่วงเดือนม.ค.65 นี้เป็นต้นไป ขอให้ทุกคนที่ได้รับวัคซีนครบสองเข็มแล้วให้มารับเข็มกระตุ้นเป็นเข็มที่สาม หรือผู้สูงอายุ ผู้มีโรคประจำตัวบางคนที่ยังไม่เคยได้รับการฉีดวัคซีนเลยแม้แต่เข็มหนึ่ง ขอให้ทุกคนเข้ารับการฉีดวัคซีนโดยด่วน เพราะอย่างที่เห็นแล้วว่าหลายคนชะล่าใจว่าโอมิครอนไม่รุนแรง แต่เมื่อไปติดเชื้อในกลุ่มผู้ป่วยเปราะบางอาจถึงขั้นเสียชีวิตได้

พญ.อภิสมัย กล่าวว่า กรมควบคุมโรคระบุว่า กรณีสูตรฉีดวัคซีนที่กระทรวงสาธารณสุขได้ประกาศมานั้นถือได้ว่ามีงานวิจัยรองรับอย่างแน่นอน ถือว่ามีความปลอดภัย กระตุ้นภูมิคุ้มกันได้อย่างมีประสิทธิภาพสูง ถึง 90-100% ในการป้องกันการป่วยหนักและการเสียชีวิต แต่หากใครต้องการฉีดวัคซีนด้วยสูตรอื่นที่นอกเหนือจากนี้ ขอให้ดูตามความพร้อมของวัคซีนในพื้นที่ ถ้ามีตามต้องการก็ให้ขอเข้ารับการฉีดได้ นอกจากการเร่งระดมฉีดวัคซีนในเดือน ม.ค.นี้แล้ว อย่าลืมมาตรการส่วนบุคคล เว้นระยะห่าง ล้างมือ ไม่ว่าเดินทางไปไหนอย่างไรขอให้คิดเสมอว่า คนรอบข้างมีความเสี่ยง ต่อให้คนคนนั้นเป็นคนรู้จัก คนในครอบครัว เพื่อนร่วมงานที่เห็นกันอยู่ทุกวัน ขอให้คิดป้องกันเฝ้าระวังตัวอย่างครอบจักรวาล เพื่อความปลอดภัยไว้ก่อน ในที่ทำงานพยายามเว้นระยะห่าง ไม่รับประทานอาหารร่วมกัน หากไปสังสรรค์ในสถานที่ใดขอให้สังเกตโควิดฟรีเซ็ตติ้ง ผู้ให้บริการจะต้องฉีดวัคซีนครบ สามารถปฏิบัติมาตรการได้อย่างเข้มงวด ตรวจ ATK พนักงานในร้านเป็นประจำ แต่อย่างไรก็ตามยังมีความจำเป็นต้องสวมหน้ากากอนามัยอยู่ตลอดเวลา และที่สำคัญถึงแม้ว่าทุกคนดูแลสุขภาพร่างกาย เว้นระยะห่างอย่างดีแล้วก็ตาม จะประมาทไม่ได้

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

'หมอยง' ชี้ 'โควิด' ระบาดหนัก แต่รุนแรงลดลง เข้าใกล้ไข้หวัดใหญ่

ศ.นพ.ยง ภู่วรวรรณ หัวหน้าศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านไวรัสวิทยาคลินิก ภาควิชากุมารเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กว่า โควิด 19

‘เศรษฐา’ ลาป่วยติดโควิด กลับมาปฎิบัติงานวันที่ 19 มิ.ย.นี้

นายกรัฐมนตรี ได้พบแพทย์ หลังจากมีอาการป่วย อ่อนเพลียเล็กน้อย ตั้งแต่วันศุกร์ ที่ 14 มิถุนายน ที่ผ่านมา ผลการตรวจพบว่าติดโควิด

ทุบสถิติปีนี้! ไทยติดโควิดใหม่รายสัปดาห์ทะลุ 2.7 พันคน

กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข รายงานสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 รายสัปดาห์ว่า ระหว่างวันที่ 2 - 8 มิถุนายน 2567 มีผู้ติดเชื้อรายใหม่ รักษาในโรงพยาบาล