‘กรมวิทย์’ เปิดข้อมูลเทียบประสิทธิภาพ 8 สูตรวัคซีนป้องกันโอมิครอน

อธิบดีกรมกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ แถลงผลการทดสอบภูมิคุ้มกันวันซีน 8 สูตร ในประเทศไทย ป้องกันโควิดสายพันธุ์โอมิครอน​ ชี้ฉีด 2เข็มเอาไม่อยู่​ ส่วนเข็ม​3 เพิ่มภูมิสูง​ ​แนะประชาชนเข้าฉีดบูสเตอร์​โดส

17 ม.ค.2565-นพ.ศุภกิจ ศิริลักษณ์ อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ แถลงถึงกรณีผลการทดสอบภูมิคุ้มกันวัคซีน 8 สูตรในประเทศไทยต่อการป้องกันโควิดสายพันธุ์เดลตา (อินเดีย)​และโอมิครอนว่า การทดสอบวัคประสิทธิภาพวัคซีนป้องกันโควิด-19ในครั้งนี้ ได้ใช้วิธี Plaque Reduction Neutralization Test หรือ PRNT โดยใช้ไวรัสตัวเป็นๆ ที่เพาะเชื้อมาได้จำนวนพอสมควรมาทดสอบกับน้ำเลือดของคนได้รับวัคซีน และนำมาปั่นแยกน้ำเลือดเอามา จากนั้นจึงนำมาลงจานเพาะเชื้อโควิด​โดยจะนำซีรั่มมาเจือจางลงเป็นเท่า ๆ เช่น ต่อ 2, ต่อ 4, ต่อ 6 ไปเรื่อย ๆ จนกระทั่งฆ่าไวรัสได้เพียงครึ่งเดียว หรือที่เรียกว่า PRNT 50 ถือเป็นขั้นสุดท้ายที่จะสามารถป้องกันไวรัสได้ และนำตัวเลขที่ได้จากตรงนี้มาพิจารณา

นพ.ศุภกิจ​ กล่าวว่า​  กรม​วิทยา​ศาสตร์​การแพทย์​ได้เทียบประสิทธิภาพวัคซีน 8 สูตรที่มีในคนไทยต่อโควิดเดลตาและโอมิครอน โดยแต่ละสูตรมีประสิทธิภาพ ดังนี้​ 1. ซิโนแวค-แอสตรา มีภูมิคุ้มกันต่อเดลต้า 201.90 และมีภูมิคุ้มกันต่อโอมิครอน 11.63 2. ไฟเซอร์-ไฟเซอร์ มีภูมิคุ้มกันต่อเดลตา189.40 มีภูมิคุ้มกันต่อโอมิครอน 19.17 3. แอสตราเซนเนกา-ไฟเซอร์ :มีภูมิคุ้มกันต่อเดลตา 388.20 และมีภูมิคุ้มกันต่อโอมิครอน 21.21

 4. ซิโนแวค-ไฟเซอร์  มีภูมิคุ้มกันต่อเดลต้า 581.10 และมีภูมิคุ้มกันต่อโอมิครอน 21.7 5. แอสตราเซนเนกา-แอสตราเซนเนกา  มีภูมิคุ้มกันต่อเดลตา 226.90 และมีภูมิคุ้มกันต่อโอมิครอน 23.81 6. ซิโนแวค-ซิโนแวค-แอสตราเซนเนกา  มีภูมิคุ้มกันต่อเดลตา 368.10 และมีภูมิคุ้มกันต่อโอมิครอน 71.64 7. แอสตราเซนเนกา-แอสตราเซนเนกา-ไฟเซอร์ มีภูมิคุ้มกันต่อเดลตา 691.10 และ มีภูมิคุ้มกันต่อโอมิครอน 229.9 8. ซิโนแวค-ซิโนแวค-ไฟเซอร์ : มีภูมิคุ้มกันต่อเดลตา 729.30 และมีภูมิคุ้มกันต่อโอมิครอน 282.5

 สรุปได้ว่าเป็นไปตามที่มีการคาดคะเนที่โอมิครอนสามารถหลบภูมิคุ้มกันวัคซีนได้ดีพอสมควร สะท้อนจากตัวเลขด้านบน เช่น ซิโนแวค-แอสตรา สามารถกันเดลตาได้สูงราว 201.90 ขณะที่ป้องกันโอมิครอนได้เพียง 11.63 หรือลดลงราว 17 เท่า ซึ่งเป็นไปในทุกสูตรของ 2 เข็มที่มีในประเทศไทย​ จึงกล่าวได้ว่าการฉีดวัคซีนป้องกันโควิด 2 เข็มกันได้ไม่มากนัก แต่การฉีดบูสเตอร์โดสเข็มที่สามไม่ว่าจะเป็นสูตรใดก็ตาม พบว่า ภูมิคุ้มกันขึ้นมาได้ค่อนข้างดี สามารถลบล้างฤทธิ์โอมิครอนได้ ดังนั้น การฉีดวัคซีนเข็มสามยังจำเป็นเพื่อให้มีภูมิคุ้มกันลดการแพร่ระบาด และลดอาการเจ็บป่วยหรือเสียชีวิตได้ลง จึงอยากขอเชิญชวนประชาชนเข้ารับวัคซีนเข็มสาม เมื่อถึงเวลา

ส่วนสาเหตุที่ไม่มีการนำเลือดผู้ฉีดซิโนแวค 2 เข็มมาร่วมเทียบประสิทธิภาพป้องกันโอมิครอน เนื่องจาก ปัจจุบันไทยได้เปลี่ยนสูตรวัคซีนมาเป็นสูตรไขว้ซิโนแวค-แอสตราเซน​เน​กา​เป็นที่เรียบร้อยแล้ว และคนที่ฉีดซิโนแวค 2 เข็มนั้น ส่วนมากได้รับเข็มสาม เพื่อกระตุ้นไปแล้วนั่นเอง​ นอกจากนี้ สำหรับเรื่องภูมิลบล้างฤทธิ์โอมิครอนในกลุ่มผู้ติดเชื้อโควิดสายพันธุ์เดลตานั้น กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์​ อยู่ระหว่างการรวบรวมข้อมูลหากมีความคืบหน้าอย่างไรจะเรียนให้ทราบต่อไป

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

'คารม' บอกรัฐบาลเฝ้าระวังโรคไอกรนใกล้ชิดผู้ปกครองไม่ต้องห่วง

'คารม' เผยรัฐบาลร่วมบูรณาการเฝ้าระวังโรคไอกรนอย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะในโรงเรียน เน้นย้ำเฝ้าระวัง ติดตามอย่างเข้มงวด ป้องกันการแพร่ระบาด ขอผู้ปกครองอย่าเป็นกังวล

โควิดกลับมาระบาดใหม่ ‘หมอมนูญ’  ขออย่าตื่นตระหนก รักษาตามอาการหายได้

เวลาผ่านไปโรคโควิดลดความรุนแรงลง โรคโควิดไม่น่ากลัวหมือนเมื่อ 3-4 ปีก่อน คนไทยไม่ต้องตื่นตระหนกตกใจกลัวโรคโควิดมากเกินไป