'ศบค.' ย้ำคนไทย-ต่างชาติ เดินทางเข้าราชอาณาจักรได้ตามข้อกำหนด จับตาศบค.จะปรับหรือไม่

ศบค.ย้ำคนไทย-ต่างชาติ เดินทางเข้าราชอาณาจักรหลังวันที่ 15 ม.ค. ได้ตามข้อกำหนด แต่ต้องจับตาประชุมศบค.ชุดใหญ่จะปรับหรือไม่

14 ม.ค.2565 - ที่ทำเนียบรัฐบาล พญ.อภิสมัย ศรีรังสรรค์ ผู้ช่วยโฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือ ศบค. แถลงถึงการเดินทางเข้าประเทศไทยรูปแบบเทสแอนด์โก หลังวันที่ 15 ม.ค.ยังสามารถเข้าได้หรือไม่ และมาตรการเข้าประเทศของคนไทยและชาวต่างชาติมีความแตกต่างกันหรือไม่ ว่า การเดินทางเข้าราชอาณาจักรในช่วงนี้มีการสอบถามกันถึงเกณฑ์การลงทะเบียนไทยแลนด์พลัสมีการยกเลิกRT-PCR หรือไม่ ขอเน้นย้ำว่าสาธารณสุขกำหนดมาตรการที่ไม่ได้มีการเปลี่ยนแปลง ผู้ที่จะเดินทางเข้าราชอาณาจักรจำเป็นต้องมีผลตรวจ RT-PCR ก่อนที่จะขึ้นเครื่องบินมาที่ประเทศไทย เป็นมาตรการที่ใช้ทั้งคนไทยและชาวต่างประเทศ นอกจากนี้ ที่เน้นย้ำคือเมื่อมาถึง หรือเรียกเป็นเดย์ 0 จะต้องมีการตรวจ RT-PCR ซ้ำในทันทีด้วย และที่เป็นมาตรการเพิ่มเติมขึ้นมาคือ ในเดย์ที่ 5-6 จำเป็นต้องมีการตรวจRT-PCR ครั้งที่สองด้วย เป็นสิ่งที่กระทรวงสาธารณสุขเน้นย้ำ เพราะการตรวจเป็นช่วงๆนี้มีความจำเป็น ไม่ได้ยกเลิก ในส่วนของการติดตามผู้ที่เดินทางเข้ามาในประเทศตอนนี้ ทางศปก. ท่องเที่ยวรายงานว่าตอนนี้มีการบังคับให้ดาวน์โหลดแอพพลิเคชั่นหมอชนะ ซึ่งทำได้ 100% จะทำให้เราติดตามบุคคลเหล่านั้นมาตรวจ RT-PCR ครั้งที่สอง

พญ.อภิสมัย กล่าวว่า จากวันที่ 1-13 ม.ค.65 มียอดผู้ที่เดินทางเข้าประเทศไทย ทั้งเทสแอนด์โก ที่ลงทะเบียนไว้ก่อนหน้าวันที่ 22 ธ.ค.64 รวมกับ แซนด์บ็อกซ์และควอรันทีน รวมแล้ว 103,665 ราย มีรายงานการติดเชื้อ 3,424 รายหรือคิดเป็น 3.30% โดยประเทศที่มีรายงานการติดเชื้อสูงสุดคือนักท่องเที่ยวจากประเทศออสเตรเลีย สหราชอาณาจักร อเมริกา สวีเดน เยอรมันนี ในส่วนนี้ต้องเน้นย้ำว่ากระทรวงสาธารณสุข หน่วยงานที่เกี่ยวข้องที่ดูแลผู้เดินทางเข้าราชอาณาจักรมีการติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด 24 ชั่วโมง เพื่อกำกับให้การดูแลนักท่องเที่ยวกลุ่มนี้ หากเขามีการติดเชื้อจะต้องตรวจให้พบและมีการนำเข้าสู่กระบวนการรักษาที่มาตรฐานและปลอดภัย เพราะสิ่งที่สำคัญคือประชาชนไทยในประเทศต้องปลอดภัย

"สรุปว่าการเดินทางเข้าราชอาณาจักรหลังวันที่ 15 ม.ค.65 ยังทำได้คนที่ลงทะเบียนไว้แล้ว จนกว่าจะมีการประชุมศบค.ชุดใหญ่ในครั้งถัดไป ว่าจะมีการพิจารณาเพิ่มเติมอย่างไร "พญ.อภิสมัย กล่าว