5 ม.ค.2565 - ที่ทำเนียบรัฐบาล พญ.สุมนี วัชรสินธุ์ ผอ.สำนักสื่อสารความเสี่ยงและพัฒนาพฤติกรรมสุขภาพ กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข ในฐานะผู้ช่วยรองโฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือ ศบค. แถลงสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด-19 ในประเทศไทย ว่า สำหรับมาตรการหลังเทศกาลปีใหม่ศบค.ขอความร่วมมือผู้เดินทางกลับจากต่างจังหวัดทำงานที่บ้านในช่วง 2 สัปดาห์แรก ตรวจคัดกรองด้วย ATK 2 ครั้งก่อนกลับไปทำงาน หากติดเชื้อให้โทร 1330 สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) เพื่อลงทะเบียนรับการดูแลที่บ้าน ส่วนผู้เดินทางมาจากจังหวัดที่มีความเสี่ยงคือ จ.ชลบุรี เชียงใหม่ อุบลราชธานีขอนแก่น มหาสารคาม อุดรธานี ยโสธร กาฬสิน ภูเก็ต และยะลา ขอให้สังเกตอาการ เฝ้าระวังเป็นเวลา 14 วัน และสังเกตอาการตัวเองหากสงสัยอาการให้รีบคัดกรองตัวเองด้วย ATK ขณะที่โรงงานต่างๆหากพบการติดเชื้อไม่จำเป็นต้องหยุดแต่ให้ทำมาตรการบับเบิลแอนด์ซีลเพื่อจำกัดวงการติดเชื้อและจัดการรักษาในระบบของสถานประกอบการนั้นๆ ในส่วนของโรงเรียนให้ศึกษาธิการเขตหรือศึกษาธิการจังหวัดพิจารณาเปิดหรือปิดโรงเรียนตามความเหมาะสม
ทั้งนี้ ในที่ประชุมศปก.ศบค.หารือมาตรการรองรับกรณีหากมีผู้ติดเชื้อจำนวนมากใน 2 สัปดาห์ข้างหน้า โดยให้ทุกจังหวัดเตรียมพร้อมระบบการรักษาที่บ้านและชุมชน ให้ส่วนท้องถิ่นเตรียมการและประสานกับหน่วยงานสาธารณสุข เพื่อรองรับทรัพยากรหากต้องรักษาในโรงพยาบาลเพิ่มเติม
เมื่อถามว่า กรณีเชื้อสายพันธุ์โอมิครอนมีการแพร่กระจายง่ายแต่ไม่รุนแรงควรให้มีการติดเชื้อตามธรรมชาติเพื่อให้เกิดภูมิคุ้มกันหมู่ หรือควรได้รับวัคซีนเพื่อให้มีภูมิคุ้มกัน พญ.สุมนีกล่าวว่า หากปล่อยให้มีการระบาดวงกว้างระบบสาธารณสุขจะรองรับไม่ทัน แม้คนไทยได้รับวัคซีน2 เข็มแล้วจำนวนมาก แต่ก็มีผู้ยังไม่ได้รับวัคซีนหรือได้รับวัคซีนไม่ครบหลักล้าน อย่างนี้จะมีความเสี่ยงอาการหนัก เชื้อสายพันธุ์ใหม่ยังไม่แน่ใจว่าหายแล้วจะมีอาการข้างเคียงอะไรบ้าง นอกจากนี้หากปล่อยให้มีการแพร่เชื้อมากก็เสี่ยงจะมีการกลายพันธุ์ ดังนั้นการมีภูมิคุ้มกันจากวัคซีนจึงดีกว่าการมีภูมิคุ้มกันจากการติดเชื้ออย่างแน่นอน
อย่างไรก็ตาม วันนี้ ศปก.ศบค.ได้มีการประชุมเพื่อเตรียมมาตรการต่างๆเสนอต่อที่ประชุมศบค.ชุดใหญ่วันที่ 7 ม.ค. โดยวาระสำคัญคือการปรับพื้นที่สีตามสถานการณ์ จะมีการจำกัดจำนวนคนและการรวมกลุ่มทำกิจกรรม รวมถึงอนุญาตดื่มสุราในร้านอาหาร และจะมีการพิจารณาปรับมาตรการในการควบคุมโรค จากเดิมมีแนวโน้มจะเปิดสถานบันเทิงหรือไม่ แต่ช่วงปีใหม่ที่ผ่านมาพบผู้ติดเชื้อจำนวนมากในคลัสเตอร์ร้านอาหารกึ่งผับบาร์ และไม่ได้ดำเนินการมาตรการที่ ศบค.กำหนด ตรงนี้จะเป็นข้อมูลและเป็นตัวชี้วัดการตัดสินใจสำคัญในวันที่ 7 ม.ค.ว่าจะมีการเปิดสถานบันเทิง ผับ บาร์ หรือคาราโอเกะหรือไม่ รวมถึงจะมีการปรับมาตรการของผู้ที่เดินทางเข้ามาประเทศไทยแบบ Test and Go ที่มีการชะลอก่อนหน้านี้ รวมถึงมีวาระเพิ่มการเรื่องการจัดการสายพันธุ์โอมิครอน จึงขอให้ประชาชนติดตามการประชุมเพื่อปฏิบัติตัวได้ตามมาตรการ
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
“พาณิชย์” รับลูก นายกฯ “ดูแลประชาชน” ลุยตรวจ ”ปั๊มน้ำมัน -ขนส่ง-สนามบิน“ ย้ำ ขอให้ประชาชนมั่นใจ เดินทางราบรื่นช่วงปีใหม่
กระทรวงพาณิชย์ โดยกรมการค้าภายใน ส่งเจ้าหน้าที่ออกตรวจสอบเข้มสร้างความมั่นใจให้ประชาชนในการเดินทางช่วงเทศกาลปีใหม่ ครอบคลุมทุกการเดินทางของประชาชน ทั้งการตรวจสอบมาตรวัดน้ำมันเชื้อเพลิง ให้ได้น้ำมันเต็มลิตร-เน้นย้ำผู้ประกอบการตามสถานีขนส่งปิดป้ายแสดงราคาให้ชัดเจน-
นายกฯ ตรวจความพร้อมขนส่งหมอชิต รองรับประชาชนกลับบ้านปีใหม่
น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้เดินทางไปตรวจความพร้อมรองรับการเดินทางของประชาชนในช่วงเทศกาลปีใหม่ โดยเป็นการไปแบบส่วนตัวไม่แจ้งภารกิจให้สื่อมวลชนทราบ
รัฐบาลพร้อมดูแลช่วงปีใหม่มอบความสุขครบทุกโหมดการเดินทาง
'ศศิกานต์' ย้ำรัฐบาลพร้อมดูแลประชาชนช่วงปีใหม่ 2568 มอบความสุขครบทุกโหมดการเดินทาง คาดปริมาณการจราจรเข้า - ออกกรุงเทพฯ ช่วงเทศกาล 17.37 ล้านคัน
รบ.บูรณาการตั้งจุดทั่วประเทศดูแลเดินทางช่วงปีใหม่
'คารม' เผยรัฐบาลบูรณาการความร่วมมือ “ขนส่ง-อาชีวะ อาสาช่วยประชาชน” ตั้งจุดบริการอำนวยความสะดวก สร้างความปลอดภัยตลอดการเดินทางช่วงเทศกาลปีใหม่ 2568 ระหว่าง 27 ธ.ค.67 – 2 ม.ค. 68
เริ่มนับหนึ่ง! สายเอเชียรถเริ่มหนาแน่น
ปชช.เริ่มเดินทางกลับบ้านปีใหม่ ถนนเอเชียช่วงผ่าน จ.ชัยนาทรถเริ่มมาก แขวงทางหลวงชัยนาท ปิดจุดกลับรถชั่วคราว 4 จุด ป้องกันเกิดอุบัติเหตุ
รัฐบาลตีเส้นถนน 8 สายรถบรรทุกห้ามใช้ช่วงปีใหม่
รัฐบาลสั่งอำนวยความสะดวก ปชช.เดินทางให้สะดวกเต็มที่ ช่วงปีใหม่ 2568 ห้ามรถบรรทุก 10 ล้อขึ้นไป วิ่งถนน 8 สาย เพื่อความปลอดภัยและความสะดวกในการจราจร ลดความเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุ