27 ธ.ค.2564-นพ.มนูญ ลีเชวงวงศ์ แพทย์เฉพาะทางด้านโรคระบบการหายใจ โรงพยาบาลวิชัยยุทธ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กเรื่อง “ระหว่างยาโมลนูพิราเวียร์ กับแพกซ์โลวิดสำหรับรักษาโรคโควิด-19 ประเทศไทยควรจะเลือกสั่งซื้อและจองยาตัวไหน” ระบุว่า สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาของสหรัฐฯ( FDA) เพิ่งจะอนุมัติการใช้ยาโมลนูพิราเวียร์ของบริษัทเมอร์ค สำหรับรักษาโรคโควิด-19 ถือเป็นการอนุมัติยาต้านไวรัสแบบเม็ดตัวที่ 2 ก่อนหน้านี้ FDA สหรัฐฯได้อนุมัติการใช้ยาแพกซ์โลวิดของบริษัทไฟเซอร์ ยาเม็ดชนิดกินตัวแรกสำหรับรักษาโรคโควิด-19
แพกซ์โลวิด เป็นยาต้านไวรัสชนิดเม็ด ประกอบด้วยยาเนอร์มาเทรลเวียร์ (nirmatrelvir) ที่สามารถยับยั้งเอนไซม์โปรตีเอส (protease) ซึ่งเชื้อไวรัสต้องใช้ในการเพิ่มจำนวน และยาต้านไวรัสริโทนาเวียร์ (ritonavir) ซึ่งทำให้เนอร์มาเทรลเวียร์ อยู่ในร่างกายได้นานขึ้น
กลไกการรักษาของยาแพกซ์โลวิดแตกต่างกับยาโมลนูพิราเวียร์ซึ่งทำให้เกิดความผิดปกติในรหัสพันธุกรรมของเชื้อไวรัสก่อโรคโควิด เวลาไวรัสก๊อบปี้ตัวเอง จะไม่สามารถเพิ่มจำนวนได้ จึงทำให้มีจำนวนไวรัสในร่างกายในระดับต่ำและช่วยลดความรุนแรงของโรคได้
นักวิทยาศาสตร์กังวลว่ายาโมลนูพิราเวียร์อาจทำให้เกิดการผิดพลาด เปลี่ยนแปลงโครงสร้างของรหัสพันธุกรรมของมนุษย์ด้วย ถึงแม้ว่าผลการทดลองเบื้องต้นพบว่า ยาโมลนูพิราเวียร์จะมีผลข้างเคียงต่ำ เทียบเท่ากับกลุ่มที่ได้รับยาหลอก ผู้เชี่ยวชาญไม่แนะนำให้ใช้ในเด็กและหญิงตั้งครรภ์ การใช้โมลนูพิราเวียร์ในหญิงตั้งครรภ์มีโอกาสทำให้เกิด teratogenic effect ความพิการในเด็กทารก ดังนั้นในกรณีเป็นผู้ป่วยหญิงวัยเจริญพันธุ์ ควรตรวจภาวะการตั้งครรภ์ก่อนเริ่มยานี้ และห้ามให้ในกรณีที่ผู้ป่วยตั้งครรภ์และกำลังให้นมบุตร
นอกจากนี้นักวิทยาศาสตร์ยังกังวลการใช้ยาโมลนูพิราเวียร์นานๆ อาจก่อให้เชื้อไวรัสโควิดกลายพันธุ์ เกิดการดื้อยา ติดเชื้อแพร่ระบาดได้รวดเร็วขึ้น และหลบหลีกภูมิคุ้มกันจากการได้รับวัคซีน รัฐบาลฝรั่งเศสเป็นประเทศแรกที่เพิ่งประกาศยกเลิกคำสั่งซื้อยาโมลนูพิราเวียร์ โดยกระทรวงสาธารณสุขฝรั่งเศสระบุว่าผลการทดสอบใช้งานกับอาสาสมัครจนครบเฟส 3 ให้ผลไม่เป็นที่น่าพอใจ ลดความเสี่ยงจากอาการป่วยหนักจนต้องเข้าโรงพยาบาลและความเสี่ยงต่อการเสียชีวิตได้เพียง 30% ต่างกับผลการทดสอบตอนที่ยุติการทดลองกับอาสาสมัครที่ระบุว่ามีประสิทธิภาพ 50%
ยาแพกซ์โลวิดมีประสิทธิภาพสูงกว่ายาโมลนูพิราเวียร์ หากได้รับยาภายใน 3 วัน นับตั้งแต่เริ่มมีอาการ ช่วยลดอาการรุนแรงจนต้องนอนโรงพยาบาลหรือเสียชีวิตลง 89% หากรับยาภายใน 5 วัน ตั้งแต่เริ่มมีอาการ ประสิทธิผลจะอยู่ที่ 85% ประเทศไทยควรทำตามอย่างประเทศฝรั่งเศส ยกเลิกการสั่งซื้อและจองยาโมลนูพิราเวียร์ สั่งซื้อและจองเฉพาะยาแพกซ์โลวิดเท่านั้น
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ย้อนดู 5 ปี 'โควิด 19' ความสับสนของข้อมูลในสื่อสังคมออนไลน์
ศ.นพ.ยง ภู่วรวรรณ ราชบัณฑิต สำนักวิทยาศาสตร์ศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านไวรัสวิทยาคลินิก คณะแพทยศาสตร์ จุฬา โพสต์เฟซบุ๊กว่า
'หมอมนูญ' อัปเดตสถานการณ์ระบาดวิทยา
นพ.มนูญ ลีเชวงวงศ์ แพทย์เฉพาะทางด้านโรคระบบหายใจ โรงพยาบาลวิชัยยุทธ
‘หมอยง’ สะท้อนความรู้สึกโควิด-19 ปีที่ 2 'ยุ่งเหยิง-ดราม่าวัคซีน-เซียนคีย์บอร์ด'
หลังการระบาดใหญ่ทั่วโลก ในปีแรก ทุกคนมุ่งหวัง ที่จะยุติการระบาดด้วยวัคซีน จึงมีการผลิตคิดค้นวัคซีนกันมากมาย มากกว่า 10 platform
'หมอยง' เผยสถาการณ์โควิดเปลี่ยนไปมากคำแนะนำก็ต้องเปลี่ยนตาม
ศ.นพ.ยง ภู่รวรรณ ราชบัณฑิต สำนักวิทยาศาสตร์ ศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านไวรัสวิทยาคลินิก
'คารม' บอกรัฐบาลเฝ้าระวังโรคไอกรนใกล้ชิดผู้ปกครองไม่ต้องห่วง
'คารม' เผยรัฐบาลร่วมบูรณาการเฝ้าระวังโรคไอกรนอย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะในโรงเรียน เน้นย้ำเฝ้าระวัง ติดตามอย่างเข้มงวด ป้องกันการแพร่ระบาด ขอผู้ปกครองอย่าเป็นกังวล